ก้าวที่เปลี่ยนของซอล จิตตรา ในวันที่ความเสียดาย ทำให้เธอหันมารักสุขภาพอย่างจริงจัง

ไม่ใช่นักวิ่งคนดังที่เก่งกาจ ไม่ได้ชอบเล่นกีฬา ไม่ได้ผ่านปัญหาสุขภาพครั้งใหญ่ แล้วอะไรทำให้นักศึกษาคนหนึ่งลุกขึ้นมาวิ่งจนจบมาราธอนไปแล้วกว่า 5 สนาม ภายในระยะเวลาแค่ 2 ปี

เรื่องราวไม่ธรรมดาของคนธรรมดาอย่าง ซอล-จิตตรา เด่นยิ่งโยชน์ น่าจะเป็นพลังให้พวกเราอีกหลายคนลุกขึ้นมาเปลี่ยนชีวิตตัวเองได้อย่างที่เธอทำ

ก้าวแรก

ก่อนหน้านี้ซอลไม่เคยออกกำลังกายสักครั้ง แล้วเชื่อไหมว่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอลุกออกมาวิ่งเป็นเหตุผลแสนเรียบง่าย ง่ายขนาดที่เราต้องร้องออกมาอย่างแปลกใจว่า แค่นี้เองหรือ

“ใช่ค่ะ เราแค่เสียดายรองเท้าวิ่ง” ซอลบอกด้วยเสียงหนักแน่น

“ช่วงนั้นเราไม่มีอะไรทำพอดี ใช้ชีวิตแบบนักศึกษาปกติเลย แต่ตอนเย็นจะกินเยอะและกินมื้อใหญ่มาก แฟนเลยซื้อรองเท้าวิ่งมาให้” ฉันยิ้มรับในคำตอบนั้น แต่ยังคงสงสัย เพราะเห็นนักอยากวิ่งจอดรองเท้าที่ตัวเองซื้อทิ้งไว้ให้ฝุ่นจับมาก็มาก ไม่ต้องพูดถึงของที่คนอื่นซื้อให้เลย

“เราคิดว่าลองดูก็ไม่เสียหาย เพราะวิ่งมันไม่ต้องง้อใคร ไม่ต้องมีเพื่อนไปด้วยก็ได้ อย่างที่คนพูดกันว่ามีแค่รองเท้าคู่เดียวก็วิ่งได้แล้ว” เป็นคำตอบคลาสสิกของนักวิ่งทุกคน แต่การวิ่งครั้งแรกๆ ของหญิงสาวผู้ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อนกลับไม่ได้ง่ายดายเหมือนคำพูดพวกนั้น เธอเล่าผสมบ่นให้ฟังว่า 900 เมตรแรกนั้นเหนื่อยมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าการวิ่งจะยากขนาดนี้ อีกทั้งยังไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าแฟนหนุ่มของเธอวิ่งเร็วๆ ได้ยังไง

แต่เมื่อยังไม่หยุดวิ่ง ความข้องใจเหล่านั้นจึงค่อยๆ ถูกคลี่คลายทีละน้อย พร้อมๆ กล้ามเนื้อและหัวใจที่ชินกับจังหวะออกก้าวมากขึ้นเรื่อยๆ

ก้าวสำคัญ

จังหวะการวิ่งของซอลคงตัวอยู่สักพักจนกระทั่งมีคนรู้จักจะไปแข่งมาราธอน เธออยากวิ่งด้วยจึงเลือกลงแข่งครั้งแรกที่ระยะ 10 กิโลเมตร ในงานซูเปอร์ฮาล์ฟมาราธอนที่เขาชะโงก

แต่แค่กระโดดข้ามไปอีกปี ระยะที่เธอตัดสินใจลงซ้อมคือ 32 กิโลเมตร

บรรยากาศงานวิ่งทำให้หญิงสาวยิ่งประทับใจและหลงใหลในการวิ่งยิ่งขึ้น เธอบอกให้ฟังว่านอกจากการวิ่งจะสนุกกว่าที่คิดแล้ว ยังมีเสียงเชียร์จากรุ่นพี่นักวิ่งที่วิ่งสวนมา คำพูดว่า ‘สู้ๆ นะ’ ทำให้เธอฮึกเหิม ทำให้รู้สึกดีจนอยากวิ่งเข้าเส้นชัยอีกหลายๆ สนาม แต่นั่นเพียงพอแล้วหรือสำหรับเหตุผลที่ทำให้เธอคิดอยากลงวิ่งมาราธอน การวิ่งที่หลายคนหวาดกลัว

“ตอนนั้นเรามีแรงบันดาลใจอย่างหนึ่ง คืออยากทำอะไรให้สำเร็จก่อนอายุ 20” ซอลเอ่ยถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้พาตัวเองมาไกลจากซอลคนเดิม

“เราอยากทำอะไรที่คนรุ่นเราเขาไม่ทำกัน และการวิ่งมาราธอนก็เป็นหนึ่งในนั้น”

เมื่อเห็นว่าตามสวนสาธารณะไม่ค่อยมีคนรุ่นเดียวกันออกมาวิ่ง เธอจึงอยากทำให้สำเร็จ แม้จะเจออุปสรรคอย่างสถานที่ฝึกซ้อมที่ไม่เอื้ออำนวยนัก แต่เธอก็ไม่ท้อถอย

“สวนสาธารณะมันไกลจากบ้าน เราเลยซ้อมด้วยการวิ่งไปกลับในระยะทางสั้นๆ อย่างวิ่ง 300 เมตร ไปกลับจนครบ 10-20 กิโลฯ มันเบื่อนะคะ แต่เราก็ต้องอดทน” คำตอบของซอลทำให้คนไม่ค่อยออกกำลังกายอย่างฉันสะท้อนใจ สถานที่ไม่ใช่ข้ออ้างของการออกกำลังกายเลยสักนิดหากใจเราคิดอยากทำ

“แล้วพอได้ลงมือทำจริงๆ มันเป็นยังไงบ้าง” ฉันถามต่อ อยากรู้ถึงความรู้สึกของซอลในตอนนั้น

“พอไปวิ่งจริงกลับมีแวบนึงที่คิดว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ คิดว่าทำไมเราไม่มาเที่ยวเฉยๆ ทำไมต้องมาวิ่งให้เหนื่อยด้วย สมองมันว่าง มันเคว้งคว้างไปหมด” ซอลยิ้มขำ นึกถึงครั้งแรกที่ได้เจอกับปีศาจกิโลเมตรที่ 35

“แต่พอถึงเส้นชัยก็ดีใจนะ ดีใจที่เราทำมันได้ เก่งที่วิ่งมาจนจบ

“มันทำให้นึกถึงประโยคที่ว่า ‘ถ้าคุณอยากวิ่ง คุณวิ่งแค่กิโลเดียวก็พอ แต่ถ้าคุณอยากพบชีวิตใหม่ คุณต้องวิ่งมาราธอน’ พอวิ่งจริงเราก็ได้รู้ว่า ชีวิตมันไม่ได้เปลี่ยนไปหลังจากที่วิ่งเสร็จหรอก มันเปลี่ยนไปตั้งแต่เราเริ่มฝึกซ้อมแล้วต่างหาก”

การวิ่งเปลี่ยนนิสัยเธอไปมาก จากไม่เคยตื่นเช้าก็ยอมตื่นมาซ้อมวิ่ง ได้ฝึกทั้งความอดทนและวินัยในตัวเอง ซึ่งแรงบันดาลใจเหล่านี้หาไม่เจอในซอลคนเก่า

ก้าวผ่าน

“คิดว่าตัวเองวิ่งก้าวผ่านอะไรมาบ้าง กว่าจะมาถึงวันนี้” ฉันเอ่ยถาม

ซอลหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะตอบออกมาว่า “เยอะมาก”

“อย่างแรกก็คงเป็นใจของเราเอง เราไม่คิดหรอกว่าตัวเองจะทำได้ ตอนแรกที่เริ่มวิ่ง ยังไม่มีใครเชื่อเลยว่าเราวิ่งได้ พอบอกว่าอยากวิ่ง คนรอบตัวก็ตกใจแล้วบอกว่าจะทำได้เหรอ มันจี้ใจเราเหมือนกันว่าจะทำได้จริงไหม เลยเอาคำพูดเหล่านี้มาผลักดันตัวเอง อยากลองดูว่าเราจะทำได้หรือเปล่า อยากท้าทายตัวเอง”

“ในงานวิ่งเกือบทุกงานเราเลยวิ่งคนเดียว ไม่อยากให้ใครเห็นว่าเราต้องมีคนประกบ เพราะมั่นใจว่าเราทำได้ด้วยขาของตัวเอง ไม่ต้องมีคนมาคอยเชียร์อัพก็ได้”

ก้าวต่อไป

“เคยถามตัวเองไหมว่าทุกวันนี้เราวิ่งไปเพื่ออะไร”

จากวันแรกที่ออกวิ่งเพราะมีคนซื้อรองเท้าให้ ฉันอยากรู้ว่าการที่เธอผ่านสนามมามากมายขนาดนี้ มันพอจะทำให้เป้าหมายในการวิ่งของเธอชัดเจนขึ้นบ้างหรือยัง

“เป้าหมายของเราคืออยากวิ่งไปนานๆ” ซอลตอบทันที ก่อนจะเล่าให้ฟังว่านี่คือสิ่งที่คิดได้หลังจากหยุดวิ่งไประยะหนึ่งเนื่องจากต้องทำโปรเจกต์จบ หน้าที่ทางการศึกษาทำให้เธอไม่มีเวลามากพอมาฝึกซ้อมวิ่งอย่างจริงจังได้เหมือนเดิม จนเมื่อกลับมาวิ่งใหม่อีกครั้ง ระยะทางและเวลาที่เคยทำได้ก็เป็นเรื่องในอดีตเสียแล้ว

“เรากลับมาทบทวนตัวเอง ยอมรับความจริงว่ามันไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิม แล้วเริ่มจากศูนย์ใหม่ เริ่มจากไม่คิดอะไรเหมือนที่เริ่มตอนแรก วิ่งไปเรื่อยๆ ไม่ต้องคิด ไม่ต้องมานั่งกังวลกับเรื่องความเร็ว เรื่องระยะทาง เราแค่วิ่ง วิ่งไปเรื่อยๆ ก็พอ”

“เราอยากวิ่งไปนานๆ อยากเป็นเหมือนอากงอาม่าที่ถึงอายุเยอะก็ยังวิ่ง ยังแข็งแรงอยู่ เราแค่อยากแข็งแรง อยากสุขภาพดี การออกกำลังกายมันไม่ใช่เรื่องของคนที่อายุเยอะ หรือคนที่หมอสั่งให้ออกกำลังกาย ตอนนี้มันอาจจะยังไม่เห็นผล แต่ถ้าเราทำไปทุกวัน เหมือนเราสะสมสุขภาพดีวันละนิดวันละหน่อย มันอาจจะทำให้เราได้อยู่กับคนที่เรารักนานขึ้นก็ได้

“เราไม่อยากแก่ตัวแล้วไปหาหมอ รอหมอสั่งให้วิ่ง ไม่อยากให้มีวันนั้นเลยเริ่มวิ่งตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า”

ซอลกล่าวทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้ม

แม้การวิ่งของเธอจะไม่ได้ทำไปเพื่อให้น้ำหนักลดจนอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือฟื้นจากโรคภัยเหมือนอย่างนักวิ่งรุ่นเก๋า แต่การที่ใครสักคนหนึ่งลุกขึ้นมาวิ่ง ละทิ้งจากกิจวัตรเดิมๆ ที่เคยทำ และหันมารักตัวเอง รักสุขภาพมากขึ้นกว่าเก่า

สำหรับฉัน นั่นก็มากเพียงพอแล้วที่จะเรียกสิ่งนี้ว่า a run that changed my life

AUTHOR