เก็บความทรงจำในแฟนคอน RIIZING DAY’ in BANGKOK ก้าวแรกการเติบโตสู่ความสำเร็จของน้องข้าว

“หลังจากเดินทางมาด้วยกัน 327 วัน ในที่สุดก็ได้เจอกันแล้ว”

ข้อความจากสโลแกนโปรเจกต์ที่แฟนคลับไทยเตรียมไว้ เพื่อนับเวลาเฝ้ารอคอยการได้มาเจอกันแบบเต็มรูปแบบ กับแฟนคอนเสิร์ตวันแรกของ RIIZE (Rise & Realize) วงบอยกรุ๊ปน้องใหม่เจน 5 ที่แม้เดบิวต์ได้ไม่ถึง 1 ปี แต่ก็คว้าใจพี่สาวชาวไทยได้อยู่หมัดด้วยวิชวล และความเป็นตัวเองที่เต็มไปด้วยความสดใส 

นับเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้มาเจอกับบรีซชาวไทยในแฟนคอนเสิร์ต ‘2024 RIIZE FAN-CON ‘RIIZING DAY’ in BANGKOK’ เมื่อวันที่ 27 – 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา การันตีความปังด้วยจำนวนบัตรที่ขายหมดเกลี้ยงทั้ง 2 วัน ในวันแรกที่เปิดจำหน่าย เป็นเครื่องยืนยืนความสำเร็จของการเติบโตและเป็นที่รักดาวดวงใหม่ จากค่าย SM Entertainment ได้เป็นอย่างดี

การรอคอยที่จะได้พบกันได้สิ้นสุดลงที่ธันเดอร์โดมแห่งนี้ พร้อมกับแฟนคลับจำนวนกว่า 10,000 คน ที่มาเป็นพยานพิสูจน์ความเปล่งประกายของเส้นทางการเติบโตของ ‘RIIZE’ หรือที่แฟนคลับชาวไทยเรียกว่า ‘น้องข้าว’ กับ เด็กหนุ่มเดินตามความฝันเส้นทางการเป็นศิลปินระดับโลก 

แม้จะเป็นการพบกันครั้งแรก แต่ก็ไม่ทำให้แฟนๆ ผิดหวัง เพราะตั้งแต่เริ่มต้นจนวินาทีสุดท้าย เราได้สัมผัสบรรยากาศอบอุ่นสุดแสนประทับใจ ซึมซับการเดินทางเติบโตเรียนรู้ แลกเปลี่ยนโมเมนต์ความประทับใจส่งต่อความฝันของ RIIZE ให้บินสูงขึ้นไปถึงเป้าหมายโดยโอบล้อมไปด้วยคนรักในเส้นทางในอนาคต

การรอคอยสิ้นสุดลงในประเทศไทย และต้อนรับเข้าสู่ RIIZING DAY’ in BANGKOK’

เอฟเฟกต์หมอก เอฟเฟกต์ฟ้าผ่าราวกับพายุและเป็นสัญญาณการบ่งบอกว่าตอนนี้ ‘RIIZE’ หรือ ‘น้องข้าว’ พร้อมที่โชว์ศักยภาพที่พวกเขามีออกมาให้แฟนๆ ได้เห็นมากขึ้นและเรียนรู้ทำความรู้จักไปพร้อมกับ BRIIZE ชาวไทยแล้ว 

เปิดตัวด้วยเพลงที่โชว์ความสามารถของพวกเขาด้วย ‘Siren’ การแสดงที่น่าจับตามอง ด้วยสเน่ห์ของท่าเต้นสุดทรงพลังและดนตรีที่เร้าอารมณ์ ปรากฏให้ได้เห็นอยู่ตรงหน้า วอร์มอัปเสียงก่อนเข้าการทักทายและเก็บความทรงจำร่วมกันในครั้งนี้ในบรรยากาศที่อบอุ่นกันหลังจากนี้ 

ความพิเศษของรูปแบบแฟนคอนเสิร์ตยิ่งส่งเสริมให้การทำความรู้จักตัวตนของน้องๆ ได้มากกว่ารูปแบบคอนเสิร์ตทั่วไป ผ่านสายตาและความรู้สึกของแฟนคลับที่จะได้เห็นทั้งความสามารถด้านการแสดงบนเวทีทั้งร้องและเต้นแล้ว ยังได้สัมผัสตัวตนให้ได้ใกล้ชิดกับแฟนคลับมากขึ้น 

นอกจากการแสดงแล้ว ครั้งนี้เราจะได้รู้จักหนุ่มๆ มากขึ้นกับช่วงกิจกรรมที่แทรกสลับกับเพอร์ฟอร์แมนซ์ซึ่งแบ่งเป็น 2 ช่วง เริ่มด้วยกิจกรรมพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลจากการตอบคำถามจากแฟนคลับอย่าง ‘แคปซูลจาก BRIIZE ถึง RIIZE’  หรือการสุ่มคำถามหรือคำขอจากแฟนคลับ และกิจกรรม ‘เรื่องราวการเติบโตแบบเรียลไทม์’ ซึ่งเราจะได้ชมวิดีโอน่ารักๆ จากภารกิจที่หนุ่มๆ ได้ทำไปแล้วก่อนหน้า โดยเริ่มต้นที่แฟนคอนในเกาหลีเป็นประเทศแรก ก่อนจะส่งต่อกิจกรรมไปเรื่อยๆ จนครบตารางทัวร์ในครั้งนี้ 

การทำภารกิจแต่ละครั้งหนุ่มๆ จะแบ่งเป็น 2 ทีม นั่นคือ ทีมพี่ ประกอบไปด้วย โชทาโร่ ซองชาน และอึนซอก ส่วนทีมน้อง มีวอนบิน โซฮี และแอนตัน โดยต้องเล่นเกมหาผู้แพ้รับบทลงโทษในประเทศต่อๆ ไป ซึ่งที่ผ่านมาทีมพี่และทีมน้องก็พลัดกันแพ้-ชนะมาโดยตลอด

คราวนี้ในประเทศไทยก็กลายเป็นตาของทีมน้องต้องทำภารกิจหลังจากแพ้ทีมพี่จากประเทศสิงคโปร์ก่อนจะบินมาที่ประเทศไทยอย่าง ‘แอนตัน’ ได้ภารกิจต้องอัดคลิปพูดชื่อเต็มของกรุงเทพฯ แสนยาวเหยียด ทำเอาบรีซชาวไทยลุ้นตามหลังทราบภารกิจกันว่าจะสำเร็จไหม ส่วนภารกิจของ ‘โซฮี’ คือการอัดคลิปวิดีโอเต้นเพลง ‘Bangkok City’ ของ ‘Orange Caramel’ และถ่ายทำโฆษณาเครื่องดื่มโปรดอย่างแตงโมปั่นอวดความน่ารักให้แฟนๆ ดูแบบเต็มเปี่ยม และทีมน้องคนสุดท้าย ‘วอนบิน’ ต้องใส่รองเท้ากดจุดของโชทาโร่เต้นเพลง Boom Boom Bass ถึงจะแลกมาด้วยความเจ็บปวดระหว่างการเต้น แต่ก็ทำภารกิจออกมาได้สำเร็จ เป็นโมเมนต์ที่ทำให้แฟนคลับและได้เห็นน้องข้าวมุมใหม่ๆ แสนน่ารักตลอดการเดินทางแบบเรียลไทม์นี้ด้วยกัน 

ครั้งนี้เราจะได้ฟังเซตเพลงพิเศษ อย่าง One Thing, Happy! Happy! Happy!, White Christmas, และ Love 119 ถ่ายทอดอารมณ์ให้หลุดเข้าไปอยู่ในห้วงแห่งความรักและบรรยากาศดีๆ ที่น้องข้าวเลือกมาให้บรีซทุกคนจากความในใจที่อยากบอกออกไปให้บรีซรับรู้

กลับมาสู่เวทีหลักเพราะการแข่งขันระหว่างทีมพี่และทีมน้องยังไม่จบลง ยังมีภารกิจที่ต้องพิชิตโจทย์เพื่อรับบทลงโทษในประเทศญี่ปุ่นเมืองโยโกะฮามาถัดไป โดยมีการเก็บคะแนนกับเกม T-POP Dance เต้นเพลงของดาราสาวไวรัลไปทั่วประเทศไทย ‘ButterBear – น่ารักไหมไม่รู้’ ซูโม่นิ้วโป้ง และแข่งกันม้วนทิชชูเสิร์ฟความน่ารัก เรียกเสียงกรี๊ดถล่มทลายจากพี่สาวบรีซอีกด้วย รวมถึงเกมในวันที่สอง เช่น เกม ‘แก้มกับแก้ม’ ที่จะต้องปิดตาทายสิ่งของโดยใช้แก้มเพื่อสัมผัสสิ่งนั้น หรือเกม ‘K-POP ฮิตติดชาร์ตในประเทศไทย’ ซึ่งวันนี้เลือกเพลง Walk – NCT127 ต่างเรียกเสียงกรี๊ดได้ไม่แพ้วันแรกและได้คนทีมที่แพ้เป็นทีมน้องอีกครั้ง

ฉายซ้ำภาพความฝัน และการรวมตัวแสดงจุดยืนเส้นทางที่เลือกก้าวต่อ

หลังผ่านช่วงเวลาสนุกสนานของกิจกรรมเล่นเกมไม่นาน เมื่อไฟดับลง เป็นสัญญานว่าองก์แรกได้จบไป และ VCR ก็เริ่มฉายขึ้น มีข้อความบนนั้นที่ติดอยู่ในใจของเราอยู่ว่า

“พวกเรามารวมตัวกันแบบนี้ทุกวัน และทุกคนก็คิดว่าการมารวมตัวในที่แห่งนี้เป็นเรื่องปกติ เราได้ทำสิ่งที่ชอบ ไม่ว่าจะทำคนเดียวหรือทำด้วยกัน แต่… พวกเราก็อยู่ด้วยกันเสมอ”

ข้อความนี้ยิ่งตอกย้ำเส้นทางการเดินของ RIIZE ว่าการเลือกเดินทางมาเป็นไอดอล การอยู่ร่วมกัน ทำสิ่งที่ชอบด้วยกันซ้ำๆ ทุกวัน คือทางที่พวกเขาเลือกเดินแล้ว

Now I can be what I just wanna be – Honestly

เมื่อองก์ที่ 2 เริ่มขึ้น การแสดงกลับมาโฟกัสกับเพลงในมินิอัลบั้มแรก ‘RIIZING’ ที่ยอดจำหน่ายถล่มทลายติดชาร์ตไปทั่วโลกเริ่มต้นด้วย Honestly, Talk Saxy, Get A Guitar ดังขึ้นเสียงร้องตามของแฟนๆ ดังขึ้นตามบีตเพลง

“ร้องพร้อมกัน!!” 

เสียงตะโกนของโชทาโร่ไฮป์แฟนๆ ยิ่งทำให้เสียงเชียร์และเสียงร้องตามของแฟนคลับยิ่งดังมากขึ้นหลายเท่า ส่งพลังไปถึงน้องๆ สร้างการแสดงยิ่งร้อนระอุมากยิ่งขึ้น การแสดงออกผ่านสีหน้าของทุกคน ที่ฉายความสุขบนเวทีปรากฎออกมาได้ชัดผ่านหน้าจอ แม้แต่เราที่อยู่แถวหลังสุดของธันเดอร์โดมยังสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนั้นที่ส่งผ่านการแสดงออกผ่านสีหน้า และการท่าทาง กับการรันเพลงที่เต้นติดต่อกันไม่มีช่วงให้พักหายใจนั้น ไม่ได้ฉายความเหนื่อยออกมาแม้แต่น้อย ถึงแม้การเดินทางของแฟนคอนเสิร์ตจะดำเนินมาถึงครึ่งทางแล้ว

“I’ve been out here nine whole days

ภาพผมที่อยู่บนเวทีซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนั้นทุกวัน

I’ve been going nine whole days

ภาพความฝันของผมที่มันวนซ้ำไปซ้ำมา มันอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว

ความรู้สึกนี้แหละมันคือเรื่องจริง มันคือสิ่งที่ทำให้ผมนั้นก้าวเดินต่อไป

I’ve been going nine whole days

ผมจะต้องเอาชนะคนที่อยู่หน้ากระจกคนนี้ให้ได้”

– คำแปลจาก YT: MINE THAISUB #มายน์ไทยซับ

9 Days เป็นหนึ่งในเพลงที่เรากลับมาฟังและหาความหมายอีกครั้งเหมือนเป็นกุญแจที่ไขข้อความที่ติดอยู่ในใจไปได้ทีละเปราะ จากข้อความบน VTR ที่พวกเขารวมตัวกันทุกวันจนวันเวลาผ่านพ้นไปพวกเขาก็ยังคงทำในสิ่งเดิมตามความฝัน ความพยายามที่ทุกคนต้องต่อสู้ สุดท้ายก็ได้เฉิดฉายอยู่บนเวทีตามที่พวกเขาวาดฝันแล้ว

ถึงแม้ระหว่างทางอาจจะทำให้พวกเขารู้สึกเหนื่อยมากขึ้นทุกวัน แต่เพราะความเชื่อมั่น ความฝัน และความพยายามก็ได้กลายเป็นเรื่องจริง โอกาสที่ได้ยืนอยู่ตรงหน้าแฟนคลับของตัวเอง พร้อมส่งมอบความรักผ่านเสียงเพลง รวมถึงแรงซัพพอร์ตซึ่งกันและกันต่อไป ลำเลียงความฝันของน้องข้าวให้บินไปถึงจุดสูงที่สุด กับโปรเจกต์กล่องไฟจากแฟนคลับชาวไทย “라(이즈) 브(리즈) 뜨(뜬다) หรือ RIIZE BRIIZE บินไปกันเถอะ” ในแฟนคอนฯ วันแรก และ “❤ RIIZE” ในวันที่สอง ให้น้องข้าวได้เห็น ว่าพี่สาวบรีซจะอยู่เคียงข้างน้องข้าวตลอดไปอยู่ตรงนี้เสมอ

ก่อนจะเข้าช่วงเอนคอร์สุดท้ายจากลาแฟนคอนเสิร์ตในครั้งนี้ เราคิดว่า RIIZE ทุกคนได้ซึมซับถึงเอเนอร์จีดีๆ จากพลังเสียงของแฟนๆ ชาวไทยเติมเต็มหัวใจได้พองโตกันอย่างชื่นใจ และไม่น่าเชื่อว่าการแสดงผ่านไปรวดเร็วจนจะเข้าพาร์ตสุดท้ายของเวลาแห่งความสุขนี้แล้วหลังจากแสงไฟมืดลงอีกครั้ง

“ฮง ซึงฮัน”

“RIIZE is Seven”

“น้องข้าว”

เสียงตะโกนเอ่ยชื่อถึงเมมเบอร์อีกหนึ่งคนที่น่าเสียดาย ไม่สามารถปรากฏตัวในเหตุการณ์ความทรงจำสำคัญในครั้งนี้ได้ ดังก้องไปทั่วทั้งฮอลล์ธันเดอร์โดม การแสดงออกถึงความรัก การรอคอยและจุดยืนไม่ทอดทิ้งจากแฟนๆ แสดงเป็นในช่วงเวลา Encore นี้ เพราะการเดินทางเริ่มต้นตามความฝันนั้นมีเขาร่วมอยู่มาด้วยกันทั้ง 7 คน โชทาโร่ อึนซอก ซองชาน วอนบิน ซึงฮัน โซฮี แอนตัน ยังคงเป็นภาพจำสำหรับแฟนๆ อยู่เสมอนับตั้งแต่วันที่เปิดตัวเป็น RIIZE และหวังว่าสักวันจะกลับมาเปล่งประกายพร้อมเมมเบอร์คนอื่นๆ ในช่วงเวลาอันแสนพิเศษแบบนี้ได้อีกครั้งตามความฝันของฮง ซึงฮัน ที่ได้พยายามเดินตามเส้นทางของเขามาเช่นเดียวกับกับ RIIZE ทุกคน 

การเริ่มต้นเส้นทางของศิลปินไอดอลเกาหลีเป็นความฝันสูงสุดของใครหลายๆ คน แฟนคลับอย่างเราทุกคนต่างทราบกันดีว่า พวกเขาต้องผ่านด่านการฝึกซ้อมในหลายทักษะ รวมถึงความไม่แน่นอนของโอกาสที่จะกลายมาเป็นไอดอลที่สมบูรณ์แบบทั้งด้านการร้อง การเต้น การแสดง รวมถึงทักษะที่จำเป็นอีกมากมายเบื้องหลังความสำเร็จนี้ แสงสว่างปลายทางของความฝันของวง RIIZE เกิดขึ้นและเริ่มต้นหลังหลังจากวันแรกที่ประกาศการได้เดบิวต์เป็นบอยกรุ๊ปวงใหม่อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พร้อมกับสมาชิกทั้ง 7 คน ตามคอนเซปต์เติบโตไปด้วยกันและทำให้ความฝันเป็นจริง

เพราะความรัก ความหลงใหลในเสียงดนตรี การร้องเพลง และการแสดงบนเวทีเป็นจุดร่วมกันของทุกคน การอยู่รวมตัวกันและได้ทำสิ่งที่ตัวเองชอบเช่นนี้ จึงเป็นการรวมความฝันเป็นหนึ่งเดียวที่มีความหมาย ซึ่งการปรากฎตัวในฐานะศิลปินวง RIIZE นั้นถือเป็นก้าวแรกแห่งความสำเร็จในฐานะศิลปินด้วยการประกาศแฟนคอนเสิร์ตครั้งแรกหลังจากเดบิวต์ได้ไม่ถึง 1 ปี

เก็บบันทึกความทรงจำเรื่องราวฉบับแรกไว้ในใจ RIIZE & BRIIZE

ฉากกั้นหลังจบช่วงเวลาเอนคอร์เปิดออกเป็นชุดตัวใหม่พร้อมแท่งไฟ เป็นโค้งสุดท้ายก่อนจบแฟนคอนเสิร์ตครั้งแรกในที่แห่งนี้ ดวงตาของน้องข้าวทอดมองไปรอบๆ เพื่อสบสายตาแฟนคลับ ราวกับมีดวงดาวนับล้านดวงเปล่งประกายอยู่ในตา ซึ่งมันไม่ใช่ดวงดาวจากที่ไหนแต่คือแท่งไฟสีส้มในมือของแฟนคลับทุกคนถืออยู่นั่นเอง จนเมื่อจบเพลงทั้ง 2 เพลง One Kiss และ Memories ที่ส่งออกความรู้สึกเปี่ยมล้นจาก RIIZE ถึง BRIIZE สีหน้าแห่งความสุขถูกทดแทนด้วยใบหน้าที่ง้ำงอราวกับเสียดายช่วงเวลาแสนสนุกในที่แห่งนี้ ที่ยังเก็บเป็นความทรงจำในแฟนคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยที่มีให้แฟนคลับยังไม่จุใจ ก็ถึงเวลาต้องบอกลากันแล้ว ก่อนจะประตูปิดลงไปทั้ง 2 วัน น้องข้าวก็เซอร์ไพร์สแฟนๆ โดยการวิ่งกลับมาหาและซึมซับบรรยากาศรอบๆ ฮอลล์อีกครั้ง ราวกลับไม่อยากจากแฟนคลับที่รักเขาไปเลย

“การแสดงคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยถือเป็น Bucket List เลย”

“ตั้งแต่แฟนไซน์ครั้งก่อน ก็ตั้งตารอก่อนมาแสดงคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย ในที่สุดความฝันผมก็ได้เป็นจริง”

– Anton Lee

จากมุมมองแฟนคลับที่เฝ้าดูอยู่แถวสุดท้ายไกลสุดของธันเดอร์โดม เห็นภาพรวมของมวลความรักทั้งหมดนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การได้เฝ้ามองพวกเขาเติบโตตั้งแต่วันแรกจนมาถึงวันนี้ตอกย้ำคำว่า  “พวกเขาสมควรที่จะถูกรัก” มากที่สุด และคาดหวังที่จะเจอกันใหม่ในสถานที่ใหญ่ขึ้น สมบูรณ์พร้อมหน้าพร้อมตาโดยไม่ขาดคนใดไปคนหนึ่ง โดยมาทำความรู้จักกันมากขึ้นไปเรื่อยๆ ก็คงจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่ใช่น้อย

และถ้าหากในโลกนี้มีพรอยู่ 1 ข้อ เราคงอยากขอให้น้องข้าวมีความสุขตลอดไปในทุกเส้นทางที่พวกเขาจะเดินไปต่อจากนี้

น้องข้าว 브리즈 뜬다 !!

ขอบคุณรูปภาพจาก SM True

AUTHOR