รัสมี เวระนะ The Voice of Isan Soul

หมายเหตุ : บทสัมภาษณ์นี้เผยแพร่ครั้งแรกในนิตยสาร  a day 236 ฉบับ อีสาน

ค่ำคืนของวันที่ 22 มีนาคม 2559 คือวันสำคัญของวงการเพลงไทยและหมอลำอีสาน

ต่อหน้าผู้ชมจำนวนมากภายในร้าน Studio Lam ขณะนี้คือวงดนตรีที่กำลังจะพาทุกคนไปสัมผัสกับรสชาติทางดนตรีแบบใหม่ ศิลปินเริ่มแสดง กรีดกรายนิ้วไปตามเส้นสายกีตาร์ ส่งท่วงทำนองร็อก ฟังก์ บลูส์ ระคนแจ๊ซ ล่องลอยสู่บรรยากาศ สายตาทุกคู่กำลังจับจ้องไปที่ศิลปินหญิงตรงหน้า เธอค่อยๆ ขยับตัวเข้าใกล้ไมโครโฟนก่อนที่จะสร้างความฉงนให้กับทุกคนด้วยการครวญเพลงสำเนียงหมอลำออกมาในทำนองกีตาร์แบบตะวันตก เสียงแหบเสน่ห์และก้องกังวานของเธอคว้าหัวใจคนดูไว้อยู่หมัดตั้งแต่คำแรก บทเพลงดำเนินไป นักร้องหญิงหมอลำสำเนียงพื้นถิ่นพร้อมฟ้อนรำสร้างความสนุกสนานให้แก่คนดู ไม่ว่าจะคนไทยหรือต่างชาติต่างก็เพลิดเพลินและเต้นตามไปกับโชว์ตรงหน้า

Isan Soul

นี่คือคณะดนตรีรัสมี อีสานโซล ที่มี แป้ง–รัสมี เวระนะ เป็นหัวเรือสำคัญ ผู้กำลังขับร้องกล่อมผู้คนให้ต้องมนตร์สะกด

โชว์คืนนี้เธอสนุกสนานเป็นพิเศษกว่าครั้งไหนๆ เพราะไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าเธอเพิ่งขึ้นไปรับรางวัลทางดนตรีจากเวทีคม ชัด ลึก อวอร์ด ครั้งที่ 13 ที่เธอคว้ามาได้ถึง 3 สาขาสำคัญ สาขาศิลปินหญิงเดี่ยวยอดเยี่ยม สาขาอัลบั้มยอดเยี่ยมจาก Isan Soul EP อีพีแรกของเธอที่มีเพียงเสียงร้องของเธอกับกีตาร์ตัวเดียว และสาขาเพลงยอดเยี่ยมจากเพลง มายา ในอีพีเดียวกัน การแสดงของเธอตอนนี้จึงเป็นเหมือนการเฉลิมฉลองให้กับความสำเร็จที่เพิ่งได้รับ

ปีถัดมาเธอออกอัลบั้มเต็ม อารมณ์ นำสิ่งที่ทำจากอีพีมาพัฒนาต่อ และสามารถคว้ารางวัลศิลปินหญิงยอดเยี่ยมได้อีกรางวัลจากเวทีสีสัน อะวอร์ดส์ ครั้งที่ 29 ทำให้เธอได้รับโอกาสออกทัวร์ในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงการได้เป็นตัวแทนของประเทศไทยไปร่วมแสดงในประเทศต่างๆ

เพลงหมอลำในแบบฉบับของเธอสามารถส่งเสียงไปได้ไกลจนทั่วโลกหันมาสนใจ ต่อให้เป็นคนไทยหรือฝรั่งตาน้ำข้าวต่างก็เปล่งเสียงร้องลำออกลวดลายฟ้อนตามท่วงทำนองเพลงของรัสมี อีสานโซล ใครบางคนจึงนิยามบทเพลงของเธอไว้อย่างน่าสนใจว่า เปรียบเสมือนการได้จิบเหล้าขาวบนยอดหอไอเฟล นั่งกินส้มตำที่ลอนดอน

รัสมีเรียกสีสันใหม่ที่เธอแต่งแต้มให้กับวงการหมอลำว่าเป็นเพลงอีสานโซล (Isan soul) แนวเพลงที่เกิดขึ้นมาจากการกลั่นประสบการณ์ชีวิตของเธอ ซึ่งตลอดทางที่เธอต้องผ่านมานั้นมันไม่ง่ายเลย และต่อไปนี้คือเรื่องราวของเธอ

Isan Soul

รัสมีเป็นชาวอีสานลูกครึ่งเขมร เติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่มีพ่อเป็นนักร้อง นักแต่งเพลง ชาวเขมร หัวหน้าวงดนตรีเจรียง การละเล่นพื้นบ้านของเขมร คล้ายการแสดงขับเสภาในภาษาเขมร พ่อของเธอตระเวนเล่นไปตามที่ต่างๆ กระทั่งมาพบรักกับแม่ของเธอและปักหลักอยู่ที่อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ตั้งแต่อายุ 5 ขวบเธอก็เริ่มต้นหัดร้องเพลงหมอลำและลูกทุ่งต่างๆ จากการผลักดันของพ่อ ขึ้นไปร้องเพลงตามเวทีประกวดต่างๆ พออายุได้ 13 ปีเธอก็เข้าร่วมเป็นสมาชิกวงดนตรีอีสานและออกเดินสายแสดงทั่วอีสานอยู่เกือบ 10 ปี กระทั่งความรักพาเธอมาอาศัยอยู่กับคนรักที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่ความรักนั้นก็ไม่สมหวัง เธอเลิกรากับแฟนและจำเป็นต้องเริ่มต้นหารายได้เพื่อหาเลี้ยงชีพและเรียนต่อด้านจิตรกรรมที่เธอชื่นชอบ โชคดีที่เพื่อนฝูงหยิบยื่นโอกาสให้ เธอจึงได้กลับมาจับไมค์ร้องเพลงอีกครั้งเป็นนักร้องกลางคืนเล่นตามร้านต่างๆ นักร้องหมอลำที่พลัดถิ่นไกลจากบ้านจึงได้เปิดประตูสู่โลกดนตรีอีกหลายแขนง ทั้งแจ๊ซ บลูส์ โซล และฟังก์ และยังคงไม่ทิ้งเพลงลูกทุ่งและหมอลำ โดยนำมาร้องแทรกร่วมกับเพลงต่างชาติ สร้างความสนุกสนานให้กับผู้ชม จนมีคนเห็นแวว ชักชวนเธอให้มาร่วมโปรเจกต์ทางดนตรี

“ตอนนั้นมีวง Limousine เป็นวงดนตรีแจ๊ซจากฝรั่งเศส เขากำลังจะทำโปรเจกต์ชื่อ Siam Road จากความชื่นชอบในตัวบทเพลงหมอลำ เขาได้ทุนมาก้อนหนึ่งสำหรับเดินทางมาศึกษาเพลงหมอลำที่ไทยเพื่อทำเป็นอัลบั้ม เราไม่เคยทราบมาก่อนว่ามีคนต่างชาติที่สนใจเพลงหมอลำถึงขนาดนี้ เขามาหาเราถึงที่และชักชวนให้เราไปเป็นนักร้องในโปรเจกต์ เราเลยได้นำเพลงหมอลำไปร้องที่ฝรั่งเศส

“เรารู้สึกว่าการเสพดนตรีของคนที่นั่นเป็นอีกอารมณ์หนึ่งจากที่เราเคยเจอในเมืองไทย เรารู้สึกว่าภาษาไม่ได้เป็นข้อจำกัดไม่ให้คนฟังเพลง เพลงเป็นภาษาสากล เราเห็นผู้คนที่ออกมาเต้นสนุกสนานกับบทเพลงหมอลำประยุกต์ เราได้อะไรจากการเดินทางครั้งนั้นเยอะมาก ประกายตรงนี้ทำให้เราอยากแต่งเพลง พอกลับจากฝรั่งเศสก็เริ่มทำเพลงของตัวเอง”

เธอเริ่มลงมือเขียนเพลง นำความเป็นอีสานของตัวเองมานำเสนอ กระทั่งพบกับก้อง–สาธุการ ทิยาธิรา มือกีตาร์ที่มาร่วมทำโปรเจกต์กับเธอ 

“เราเริ่มต้นจากความอยากทำ เราไม่รู้หรอกว่ามันจะออกมาเป็นยังไง ก็ลองนำมาแจมดูความเป็นไปได้ บางทีก็เริ่มต้นจากเนื้อเพลงก่อน คือหมอลำมันมีแพตเทิร์นของมันอยู่ ลำภูไท ลำเต้ย ลำกลอน มันมีอยู่แล้ว ก็ค่อยๆ ปรับกับกีตาร์ เริ่มนำหมอลำมาประยุกต์ ปรับให้มันช้าลงกว่าเดิมนิดหนึ่ง อย่างเพลง มายา ที่เป็นลำภูไท มันจะช้ากว่าลำภูไทปกติ เพื่อให้สอดคล้องกับเสียงกีตาร์ในเพลง”

Isan Soul EP คือตัวเธออย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยบทเพลงทั้ง 7 ที่มีทั้งภาษาไทย ลาว เขมร และอังกฤษ แต่งจากประสบการณ์ของเธอ อย่างเพลง ลำดวน ที่บอกเล่าเรื่องราวความรักของยาย เรื่องความรักของเธอเองที่ถูกถ่ายทอดด้วยภาษาเขมรในเพลง ปะกาปรูย หรือประสบการณ์ที่มากระทบใจจนอยากระบายออกมาในเพลง มายา อีพีนี้ประสบความสำเร็จอย่างที่ตัวเธอไม่คาดคิด จนสามารถคว้ารางวัลทางดนตรีจากเวทีคม ชัด ลึก อวอร์ด ทำให้ชื่อเสียงของเธอเริ่มกระจายตัวจากเมืองเชียงใหม่ไปสู่ที่ต่างๆ 

“ด้วยกระแสตอบรับที่กลับมามันพาให้เราอยากทำอัลบั้มต่อมา เราเริ่มจริงจังกับมันมากขึ้น อยากทดลองทำให้มันใหญ่กว่าเดิม แค่กีตาร์ไม่พอแล้ว เราอยากเอาเบส เอากลอง เพิ่มพิณเข้ามา”

จากอีพีสู่อัลบั้ม อารมณ์ เธอขยายขีดจำกัดของเพลงหมอลำต่อไปและก้าวขึ้นไปอีกขั้น แม้ว่าตัวเธอเองจะออกมาบอกว่ามีข้อผิดพลาด แต่อัลบั้มนี้ก็ส่งให้เธอได้รับอีกรางวัลจากเวทีสีสัน อะวอร์ดส์ รวมถึงโอกาสนำพาเพลงหมอลำในแบบฉบับของรัสมีออกสู่ต่างประเทศ

บ้างยกย่องว่าเธอคือผู้ต่อชีวิตให้กับหมอลำ แต่บ้างก็ค่อนขอดว่าเธอกำลังทำให้หมอลำสูญเสียความเป็นหมอลำ

Isan Soul

“มันเป็นเรื่องปกติที่จะมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ คนที่ไม่ชอบเราก็เข้าใจนะว่าเขาไม่อยากให้หมอลำมีการเปลี่ยนแปลง เขาอยากจะเก็บหมอลำในลักษณะที่มันเคยเป็นมาไว้ เราเองก็ยอมรับทุกคำติชม แต่เราไม่ได้มองอย่างเขา เราเลือกที่จะเป็นคนคนหนึ่งที่หยิบหมอลำมาเล่าอีกแบบ เป็นแค่อีกสีสันที่เพิ่มเข้าไปในหมอลำ”

ต่อมาเธอยังแสดงให้เห็นถึงความรัก ความผูกพัน ที่มีต่อหมอลำในโปรเจกต์อัลบั้ม Roots สรรเสริญหมอลำ ที่เธอตั้งใจทำเป็นเหมือนจดหมายบอกรักวัฒนธรรมเพลงหมอลำของอีสาน

“โปรเจกต์นี้เติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตเรา เราอยากทำเพลงในลักษณะนี้มานานมากแล้ว ตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่นเราอยากลำกลอน ลำกับเสียงพิณเสียงแคนเฉยๆ โดยไม่ต้องมีเครื่องดนตรีอื่นเลย เราคิดถึงเสียงพิณเสียงแคนมาก เพราะอัลบั้มที่ผ่านมาเรารู้สึกว่าเสียงพิณกับแคนกลายเป็นแค่ส่วนประกอบ เราอยากทำให้เขาเป็นพระเอกบ้าง เป็นสิ่งที่ได้ฟังเต็มๆ ไม่ใช่แค่เครื่องดนตรีที่มาตอนโซโล เราอยากให้เขานำไปพร้อมๆ กับเสียงร้องของเรา เราเลยพาตัวเองกลับไปสู่รากเหง้า สู่หมอลำยุคดั้งเดิม ที่มีเพียงเสียงแคนหรือพิณคอยฮัมเมโลดี้ตามเนื้อร้องที่หมอลำแต่งขึ้นมา ทุกเพลงในอัลบั้มเราจะร้องเพื่อบอกว่า หมอลำฉันดีนะ หมอลำฉันสุดยอด ฉันเท่ อย่ามาว่าหมอลำ”

การกลับไปหาสุ้มเสียงอันเป็นรากเหง้าส่งผลให้เธอมองเห็นความเป็นไปได้ใหม่ๆ ของหมอลำ

“คราวนี้เราอยากลองมีโปรดิวเซอร์ อยากให้หมอลำไปอยู่ในมุมมองของคนอื่น ไม่ใช่แค่ในความคิดเราเหมือนอัลบั้มที่ผ่านมา เราอยากลองให้ความคิดของคนอื่นเข้ามาเติมเต็มเพลงหมอลำ ต่อยอดหมอลำออกไป”

เพลง ดาวดวงใหม่ คือผลผลิตจากโปรเจกต์ล่าสุดนี้ที่เธอเพิ่งปล่อยออกมาให้ได้ฟังกันเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

“ดาวดวงใหม่ เป็นซิงเกิลที่เราทำตอนท้องได้ประมาณ 4 เดือน แต่งเนื้อและเล่นกีตาร์เองก่อนส่งให้โปรดิวเซอร์เรียบเรียง เพลงนี้เราตั้งใจมอบให้เป็นของขวัญกับลูกของเราที่กำลังจะเกิด มันเป็นเหมือนความทรงจำดีๆ ของเราด้วย เป็นโอกาสพิเศษครั้งหนึ่งในชีวิต”

เธอได้ถ่ายทอดจิตวิญญาณที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดในชีวิตลงในบทเพลงนี้เพื่อมอบให้กับลูก เป็นบทเรียนที่เกิดขึ้นจากความรัก ความห่วงใยที่มีต่อลูก รวมถึงทุกคนที่เคยพบประสบการณ์คล้ายเธอ

Isan Soul

“เราเชื่อว่าหลายๆ คนคงผ่านช่วงเวลาที่หลากหลาย เปรียบเสมือนการผ่านดาวแต่ละดวง ทั้งดาวสุข ดาวเศร้า ดาวเหงา ดาวผิดหวัง ดาวเสียใจ ดาวเสียความรู้สึก และอีกหลายความรู้สึกในแต่ละห้วงของดาวแต่ละดวง แต่ทุกครั้งที่เรารู้สึกกับสิ่งเหล่านี้ จงระลึกไว้เสมอว่าเรายังมีดาวอีกมากมายที่สามารถเลือกที่จะอยู่และเป็นตามที่เรากำหนด และเราจะเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ และนั่นคือสิ่งที่ฉันอยากจะบอกกับลูกและเพื่อนมนุษย์ที่อยากรับฟัง”

นี่คือจิตวิญญาณของรัสมี คืออีสานโซลแบบของเธอ ที่ถูกกลั่นกรองจากประสบการณ์และนำมาถ่ายทอดลงในเพลงหมอลำ และเธอคือดาวดวงใหม่ของเพลงหมอลำที่กำลังส่องประกายรัศมีเจิดจ้าให้ทั่วทั้งโลกหันมาสนใจอย่างไม่ต้องสงสัย

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ภาณุพงศ์ โคตรดี

ช่างภาพมือใหญ่บ้านสำโรง รักการแคมป์ปิ้งเป็นชีวิตจิตใจ ไม่กินอาหารฟาสต์ฟู้ด ขับรถเวสป้าฟังหมอลำและร็อคแอนด์โรล ชอบกินขนมจีนน้ำยา