5 ที่กินชวนใจฟูที่จะทำให้ตกหลุมรักย่านรามคำแหง

Highlights

  • รามคำแหงเป็นย่านน่าสนใจที่มีสีสันกำลังดีสำหรับการใช้ชีวิต มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทำให้เดินทางง่าย แถมด้วยแหล่งชิลล์เอาต์มากมาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่
  • ปักหมุด 5 ร้านดีต่อใจสำหรับสายกิน ครบทั้งสายหวาน สายสุขภาพ และคราฟต์ฟู้ด ที่รับรองว่าจะทำให้ตกหลุมรักย่านนี้ได้ไม่ยาก

ถ้าเอ่ยถึงย่านรามคำแหง บนถนนเส้นยาวที่อัดแน่นไปด้วยซอกซอยยิบย่อยและอพาร์ตเมนต์หอพักให้เช่าที่มีอยู่จำนวนมาก สิ่งที่เป็นภาพจำของคนทั่วไปรวมถึงตัวเราเองเกี่ยวกับละแวกนี้คงหนีไม่พ้นตลาดวิชาเสรีอย่างมหาวิทยาลัยรามคำแหง แหล่งจัดคอนเสิร์ตทั้งหลายแหล่ที่นานๆ จะได้แวะเวียนไปอย่างราชมังคลากีฬาสถาน การจราจรที่ขึ้นชื่อว่าหนาแน่น และอาหารสตรีทฟู้ดรายทางนับไม่ถ้วน

คงจะมีน้อยคนที่รู้ว่า ถ้าเราขยับออกมาอีกนิดบนถนนย่านรามคำแหง-กรุงเทพกรีฑา ก็จะพบว่าทำเลนี้กำลังกลายเป็นทำเลทองที่เริ่มมีสีสันของวิถีเมืองสมัยใหม่ในสัดส่วนที่กำลังดีสำหรับการใช้ชีวิต อยู่ใกล้ความคึกคักแค่ระยะก้าวเดิน มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทำให้เดินทางได้ง่ายอย่างแอร์พอร์ตลิงก์หรือรถไฟฟ้าที่กำลังสร้างใหม่ 2 สาย เรือโดยสารคลองแสนแสบที่ใช้เป็นทางลัดสู่เกาะรัตนโกสินทร์ได้สบายๆ รวมถึงทางลัดเชื่อมไปยังถนนต่างๆ ที่ช่วยให้ประหยัดเวลาในการเดินทาง แถมด้วยแหล่งชิลล์เอาต์มากมาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

เราเลยขออาสาพาทุกคนไปปักหมุด 5 ร้านดีต่อใจสำหรับสายกินในย่านรามคำแหงที่รับรองว่าจะทำให้ตกหลุมรักย่านนี้ได้อย่างไม่ยาก บอกเลยว่ามีครบทั้งสายหวาน สายสุขภาพ และคราฟต์ฟู้ด

 

เศร้ามาจากไหนก็แพ้ความพิถีพิถันในการทำขนมปังของ Craft Bread

Craft Bread คือร้านขนมปังออร์แกนิกในหมู่บ้านสัมมากรของอดีตแอร์โฮสเตสที่หันมาจับงานเบเกอรีคราฟต์เพื่อเยียวยารักษาตัวจากปัญหาสุขภาพ โดยเริ่มต้นเปิดเตาขายผ่านอินสตาแกรมและเฟซบุ๊ก ก่อนขยับขยายมาเป็นร้านขนมปังดีไซน์แสนอบอุ่นในพื้นที่เล็กๆ ข้างบ้านด้วยสโลแกนแสนน่ารักว่า ‘All Sorrows Are Less with Bread’

สิ่งที่ทำให้ Craft Bread แตกต่างจากร้านขนมปังทั่วไปคือวัตถุดิบหลักที่ใช้อย่างแป้งโฮลวีตออร์แกนิกร้อยเปอร์เซ็นต์ ปราศจากน้ำตาล เนย นมวัว สารเคมี และสารกันบูด เต็มไปด้วยวัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพอย่างน้ำผึ้งธรรมชาติ น้ำมันมะกอกเกรดดี ถั่ว ช็อกโกแลต ผลไม้อบแห้งคัดสรร และข้าวไทยเพื่อช่วยเกษตรกร ด้วยกระบวนการทำขนมปังแบบโฮมเมด นวดด้วยมือทุกๆ ก้อน

ที่ร้านมีทั้งขนมปังก้อนกลม (bun) และขนมปังแถวเนื้อแน่น (loaf) น่าทานหลากหลายแบบ รวมถึงคัพเค้กและช็อกโกแล็ตเย็นสูตรพิเศษ แต่เมนูที่เราคิดว่าน่าประทับใจและควรได้ลองสักครั้งขอยกให้กับ Sutabutre Round Loaf (155 บาท) ขนมปังโฮลวีตที่ใช้ข้าวสูตะบุตร ข้าวหอมดำสายพันธุ์ใหม่ และ Silaporn Black Sticky Rice with Oats & Raisins Mini Oval Loaf (135 บาท) ขนมปังอีกสูตรที่ใช้ข้าวสีลาภรณ์ ข้าวเหนียวดำสายพันธุ์พิเศษที่ปลูกโดยกลุ่มชาวนาไทอีสานทั้งคู่ นอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้วยังช่วยสนับสนุนกลุ่มชาวนาไทยด้วย

Craft Bread
เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ 10:00-18:00 น.
โทร. 089 691 8242

 

ชะลอความเร่งรีบจากวิถีชีวิตเมืองในฟาร์มออร์แกนิกที่ James500 Organic Farm Style

เอาใจสายสุขภาพอย่างต่อเนื่องกับสวนผักออร์แกนิกและคาเฟ่ในบ้านของยูทูบเบอร์สายเถื่อน เจมส์–ปทาน อุ้มมีเพชร สมาชิก Fedfe บอยแบนด์ที่หลงใหลในธรรมชาติ การทำเกษตรออร์แกนิก และวัตถุดิบของไทย หลังจากมีโอกาสได้ไปคลุกคลีกับปราชญ์ชาวบ้านและพี่น้องเกษตรกรหลายรูปแบบขณะลงคอร์สเรียนเกี่ยวกับการทำเกษตรอยู่ช่วงหนึ่ง แล้วพบปัญหาด้านช่องทางการจำหน่ายผลิตผลทางการเกษตร จึงเกิดเป็นไอเดียที่อยากจะสนับสนุนกลุ่มเกษตรกรออร์แกนิกจากหลายจังหวัด ทั้งนครสวรรค์ ชุมพร ราชบุรี โคราช บุรีรัมย์ และสกลนคร ด้วยการรับซื้อผลิตผลจากเหล่าเกษตรกรมาต่อยอดเป็นอาหารและเครื่องดื่มที่เสิร์ฟในคาเฟ่แห่งนี้ รวมถึงให้คนเมืองได้มีธรรมชาติเยียวยากายใจไปด้วยพร้อมกัน

เมนูประจำบ้านที่เจมส์บอกว่าเป็นเมนูยอดฮิตกินง่ายสำหรับทุกคนคือ ก๋วยเตี๋ยวป้ากก (119 บาท) ผักสลัดออร์แกนิก 5 อย่างสำหรับห่อเส้นใหญ่ลวกและหมูสับรวนปรุงรส ราดน้ำจิ้มซีฟู้ด ห่อใส่ปาก เคี้ยวเพลินๆ มาพร้อมขันน้ำล้างมือเพื่อสุขอนามัยขณะกิน เข้าคู่ได้ดีกับชาสิงห์เหนือเสือใต้ (95 บาท) ที่ใช้ชาภาคเหนือชงผสมกับชาใต้โดยใช้นมออร์แกนิกและน้ำตาลออร์แกนิกทำให้ได้ทั้งความเข้มและความหอม หรือจะเป็นชาหมักคอมบูฉะ (140 บาท) ที่เสิร์ฟพร้อมโซดามาให้ชงและน้ำผึ้งดอกไม้ป่าไว้เคลือบปลายลิ้นสำหรับคนที่อยากได้รสชาติหวานแกมเปรี้ยวมากขึ้น

James500 Organic Farm Style
เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ 9:00-18:30 น.
โทร. 064 595 4494

 

แฮงเอาต์สบายๆ ในทุกโอกาสที่ The Hub Cafe and Eatery 

ถ้าจะให้นิยามคงต้องบอกว่าที่นี่คือจุดนัดหมายที่ลงตัวกับทุกการนัดพบ ด้วยลักษณะตัวอาคารกลาสเฮาส์สีดำเรียบเท่ สไตล์โมเดิร์นลอฟต์ เพดานทรงจั่วสูงโปร่ง บานกระจกขนาดใหญ่โดยรอบมอบแสงแดดอุ่นๆ ให้คนด้านใน ขณะที่ด้านนอกก็ร่มรื่นรายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสวยงาม รวมทั้งต้นจามจุรีที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ทำให้ไม่ว่าจะพาครอบครัวมากินข้าวด้วยกันในวันหยุด นัดคนสนิทมานั่งจิบกาแฟ หรือเอางานมาทำนอกสถานที่ก็ดูเข้าท่าไปเสียหมด

นอกจากบรรยากาศและการตกแต่งที่ทำให้ร้านนี้ลงตัวกับทุกโอกาสแล้ว เมนูอาหารและเครื่องดื่มยังหลากหลายเข้ากันได้ดีกับทุกมื้อ โดยเน้นเมนูทานง่ายได้ตลอดทั้งวันในสไตล์ไทยและฟิวชั่นแบบยุโรป รวมถึงมีมุม slow bar ให้ดื่มด่ำกับการชงกาแฟแบบต่างๆ ได้ตามใจชอบ เช่น  Coffee Drip, Hario Coffee Siphon, Aeropress Coffee และ Cold Brew

อีกสิ่งที่ดีไม่น้อยหน้าของคาวและกาแฟก็คือเมนูของหวานที่มีทั้งเมนูประจำและเมนูที่สลับสับเปลี่ยนไปตามเทศกาลต่างๆ ถ้าให้แนะนำสำหรับวันเบาๆ เพื่อการพักใจ อาจเลือกเป็น Earl Grey Rose Milk Tea (120 บาท) ชาเอิร์ลเกรย์ร้อนใส่นมอินฟิวส์ด้วยกลิ่นกุหลาบ กินคู่กับ Mini Chocolate Bundt Cake (150 บาท) บันดต์เค้กรสช็อกโกแลตเข้มข้นจากส่วนผสมของผงโกโก้และช็อกโกแลตชิปที่แทรกอยู่ตามเนื้อเค้ก ราดด้วยน้ำตาลคอมพาวนด์ ได้ทั้งความหอมที่ดีต่อใจจากชากลิ่นกุหลาบกับความหวานจากเค้กช็อกโกแลตช่วยชุบชูใจได้เป็นอย่างดี

The Hub Cafe and Eatery
เปิดทุกวัน 11:00-20:00 น.
โทร. 092 789 7181

 

เรียนปั้นดินและนั่งเล่นในบรรยากาศแห่งสีสันสไตล์โมร็อกโกที่ SANIT

ร้านนี้สะดุดตาเราตั้งแต่ทางเข้าด้วยหน้าร้านที่โดดเด่นด้วยสีสันและรูปลักษณ์เหมือนกับซุ้มประตูแบบโมร็อกโก แถมด้านในก็ตกแต่งได้จัดจ้านผสมผสานกับต้นไม้ ทำให้บรรยากาศร่มรื่น แถมยังมีมุมถ่ายรูปเพียบ รายล้อมไปด้วยเครื่องปั้นดินเผาหลายรูปแบบ ตั้งแต่จานชามเบสิกไปจนถึงบ้านแบบแฟนตาซีจากฝีมือของคุณตาซึ่งเป็นพ่อของเจ้าของร้าน และเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดคอมมิวนิตี้งานสร้างสรรค์แห่งนี้

จากความประทับใจเมื่อได้เห็นคนสูงอายุและเด็กวัยซนสงบนิ่งหน้าแป้นหมุนเซรามิกในตอนที่ได้ไปถ่ายทำรายการที่ญี่ปุ่น คุณนุชเจ้าของร้านจึงกลับมาจัดหาอุปกรณ์ครบชุดให้กับคุณพ่อผู้เป็นสถาปนิกวัยเกษียณทำเป็นงานอดิเรกที่บ้าน พอได้เริ่มเห็นผลลัพธ์เรื่องความสุขและสุขภาพที่ดีขึ้น จนกระทั่งงานปั้นที่คุณพ่อทำออกมานั้นเยอะมากเกินกว่าจะวางไว้ในบ้านเฉยๆ บวกกับความที่อยากหากิจการบางอย่างเป็นศูนย์รวมให้ครอบครัวกลับมาสนิทกันอีกครั้งหนึ่ง เธอจึงเริ่มเปิดสอนเวิร์กช็อปเซรามิกครบทุกขั้นตอน เรียนแล้วสามารถกลับไปฝึกปั้นเองหรือต่อยอดสร้างรายได้ก็ได้ ก่อนจะขยับขยายมาเป็นคาเฟ่และร้านอาหารให้ทุกคนใช้เวลาอยู่ที่นี่ได้ทั้งวัน

อาหารที่เสิร์ฟส่วนใหญ่จะเป็นอาหารไทยที่ทำกินกันในบ้านอยู่แล้วอย่างข้าวน้ำพริกกะปิปลาทูทอด (80 บาท) ที่รสชาติน้ำพริกถึงเครื่อง หรือข้าวผัดเบคอน (80 บาท) กินง่ายๆ สำหรับเด็กๆ ไปจนถึงเครื่องดื่มหายากตามธีมของร้านอย่าง Tukish Tea Set (250 บาท) ชาดำสัญชาติตุรกี รสชาติชาดำเข้มๆ เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร เสิร์ฟพร้อมของหวาน จัดเซตสวยงาม 

SANIT
เปิดทุกอังคาร-อาทิตย์ 8:00-18:00 น.
โทร. 081 818 1148


อิ่มความเฮลตี้ยามสายในบ้านหลังเก่าอบอุ่น ณ Emmie’s

คาเฟ่สีขาวสะอาดตาที่เน้นรีโนเวตบ้านเก่าโดยคงโครงสร้างของบ้านหลังเดิมไว้ และเพิ่มกระจกใสให้โล่งโปร่งสบายแห่งนี้คือจุดหมายของคนที่ชอบกินมื้อสายย่านรามคำแหงก็ว่าได้ เพราะเมนูที่โดดเด่นของทางร้านก็คือมื้อสาย อาหารที่ไม่หนักมาก และเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ สาเหตุที่เลือกใช้ผักไฮโดรโปนิกส์และผักออร์แกนิกนั้นมาจากเจ้าของร้านที่เห็นว่าย่านนี้ยังขาดร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารมื้อสายที่ดีต่อสุขภาพ จึงตั้งใจสร้างคาเฟ่นั่งสบาย อัดแน่นเมนูเฮลตี้กับอาหารจานหลักอื่นๆ พร้อมด้วยมุมถ่ายรูปเก๋ๆ ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคน

ร้านถูกตกแต่งภายในอย่างอบอุ่น เน้นการใช้สีขาวตัดกับเฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อด้านและเฟอร์นิเจอร์หวาย มีโต๊ะไม้ตัวยาวและต้นอินทผลัมยืนต้นตระหง่านเป็นศูนย์กลางของร้าน รายล้อมไปด้วยพันธุ์ไม้ทั่วอาคาร ส่วนโซนด้านนอกก็มีพื้นที่ให้นั่งเล่นใต้เงาต้นไม้ใหญ่ด้วย

ตามที่บอกไปว่าเมนูเด่นคือมื้อสายและเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ มาถึงนี่แล้วจึงไม่ควรพลาดเมนูอย่าง Avocado Toast (200 บาท) โทสต์อบร้อนท็อปปิ้งด้วยอะโวคาโดบดปรุงรสคล้ายกัวคาโมเล่ ตัดรสให้แตกต่างด้วยมะเขือเทศเชอร์รีกับเนื้อส้ม อิ่มท้องได้แบบไม่แน่นจนเกินไปสมเป็นมื้ออาหารยามสาย และ Emmie’s Husband (180 บาท) สมูตตี้จากส้ม สับปะรด เสาวรส และแอปเปิล สูตรลับจากสามีของเจ้าของร้านที่คิดขึ้นเพื่อดูแลสุขภาพภรรยาโดยเฉพาะ ทำให้ลูกค้าเหมือนได้รับการดูแลอย่างอบอุ่นใจด้วยเช่นกัน

Emmie’s
เปิดทุกวัน 10:00-22:00 น.
โทร. 097 237 9777

 

อยู่ท่ามกลางสิ่งที่เรารักอย่างมีความสุข

อิ่มจนจุก สุขจนล้น เชื่อว่าต้องมีคนเริ่มตกหลุมรักย่านรามคำแหงขึ้นมาบ้างแล้วแน่ๆ และคงไม่มีอะไรดีและทำให้สุขใจไปกว่าการได้อยู่ในบรรยากาศที่เรารักในทุกๆ วัน ถ้าจะให้สมบูรณ์แบบ ปักหมุดแค่นี้อาจยังไม่พอ การเลือกที่อยู่อาศัยให้ดีต่อใจก็สำคัญไม่แพ้ทำเลพื้นที่ที่เราชอบ สำหรับหลายคนพื้นที่จำกัดอย่างคอนโดอาจจะไม่เพียงพอในระยะยาวหากมองไปถึงการสร้างครอบครัวหรืออยู่กับพ่อแม่ ทำให้ตัวเลือกถัดมานั้นน่าสนใจ นั่นก็คือทาวน์โฮม

ซึ่งทาวน์โฮมส่วนมากก็มักจะขาดพื้นที่ส่วนตัวรอบบ้านทำให้รู้สึกอึดอัดไปบ้าง แต่ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่งของ DHEPA Courtyard Urban Homes ซึ่งอยู่ในย่านกรุงเทพกรีฑา-รามคำแหงนี้ต่างออกไป ด้วยดีไซน์ออกแบบฟังก์ชั่นภายในตัวบ้านให้มีพื้นที่เชื่อมถึงกัน ทั้งพื้นที่สวนภายนอกและพื้นที่ใช้สอยภายใน สร้างความแตกต่างด้วย Urban Courtyard สวนหลังบ้านที่กว้างกว่า 5.5 เมตร ให้เป็นพื้นที่สีเขียวและช่วยดูดซับความร้อน ในขณะที่ห้องนั่งเล่นภายในบ้านออกแบบ Double Volume สูงกว่า 5.2 เมตร ช่วยเพิ่มความโปร่งและรับแสงสว่างจากธรรมชาติ ให้ทุกพื้นที่สวยงามและใช้งานได้จริงทุกตารางนิ้ว

ที่นี่ยังมีส่วนกลางอยู่ในบรรยากาศสวนสีเขียว สระว่ายน้ำระบบเกลือ และพื้นที่สำหรับครอบครัว อย่างบ้านต้นไม้ขนาดใหญ่เพื่อเด็กในบ้าน ตัวโครงการมีขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กเพียง 55 ยูนิต ให้ความเป็นส่วนตัวได้เป็นอย่างดี และการวางผังโครงการที่คำนึงถึงทิศทางลมและการระบายอากาศโดยรอบ บ้านเกือบทุกหลังไม่หันหน้าบ้านไปทางทิศตะวันตก จึงทำให้รู้สึกร่มรื่นทุกมุม

โครงการ DHEPA Courtyard Urban Homes ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพย่านรามคำแหง-กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ รถไฟฟ้าแห่งอนาคต 2 สาย ย่าน New CBD รายล้อมไปด้วยโรงเรียนนานาชาติและย่านธุรกิจการค้าที่มีชื่อเสียง มีแบบบ้านด้วยกัน 2 แบบ คือ Dhepa ทาวน์โฮมหน้ากว้าง 6 เมตร พื้นที่ใช้สอย 245 ตร.ม. (3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ) พร้อมพื้นที่สวน Urban Courtyard ส่วนตัว และ Dhepa Plus ทาวน์โฮม หน้ากว้าง 7.9 เมตร พื้นที่ใช้สอย 295 ตร.ม. (3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ) พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวภายในบ้าน ราคาเริ่มต้น 9.5 ล้าน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 063-921-6563 และลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษได้ที่ dhepa-urbanhome.com

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ณัฐปคัลภ์ ทัศนวิริยกุล

นักเรียนฟิล์มที่มาฝึกงานช่างภาพ รักการถ่ายรูป ชอบกินของอร่อย และชอบใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนสนิท คนรัก