อิซึรินะ BNK48 หญิงสาวที่ทุ่มแรงทั้งหมดเพื่อ 48 Group

16 มิถุนายน 2018 : นาโกยะโดม ประเทศญี่ปุ่น

งานเลือกตั้งเวิลด์เซนบัตสึ ซิงเกิลที่ 53 ของ AKB48

“อันดับที่ 39 BNK48 Team BIII เฌอปราง” ทันทีที่ได้ยินเสียงประกาศจากพิธีกรชาย กัปตันวง BNK48 อย่างเฌอปรางก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนพร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้า ก่อนที่ตัวเธอจะถูกดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของรุ่นพี่คนสำคัญ อีกหนึ่งบุคคลที่เฌอปรางให้การยอมรับจนถึงขั้นต้องนำชื่อเธอคนนี้ไปพูดบนเวทีขณะที่กำลังรับรางวัล

“ขอบคุณที่ทำให้มี BNK48 ไม่ว่าจะผู้บริหารทางญี่ปุ่น ทางไทย รวมถึงอิซึตะ รินะซังที่ยอมไปอยู่ BNK48 กับพวกเราจนทำให้พวกเรามีวันนี้” ทันทีที่เธอพูดจบ เฌอปรางหันไปมองรุ่นพี่เจ้าของชื่อที่เธอได้เอ่ยไปเมื่อครู่ ที่ตอนนี้ได้กลายมาเป็น ‘โอก้าซัง’ หรือคุณแม่ของ BNK48 ไปแล้ว ภาพตัดไปที่หญิงสาวชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่กำลังร้องไห้อย่างหนักกับความสำเร็จของน้องสาวของเธอในวันนี้

ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้ฉันอยากจะรู้จักหญิงสาวคนนี้ให้มากขึ้นกว่าเดิม ไม่ใช่แค่ในฐานะ ‘สมาชิกชาวญี่ปุ่นที่ย้ายมาจากวงพี่สาวอย่าง AKB48’ แต่เป็นในฐานะ ‘อิซึตะ รินะ สมาชิกรุ่นที่ 1 แห่ง BNK48’ หญิงสาวเจ้าของฉายาเด็กฝึกหัด 12 ตำแหน่ง เจ้าแม่วาไรตี้แห่ง AKBingo และอีกหนึ่งคนสำคัญเบื้องหลังสปิริตของทีมแห่ง BNK48

13 เมษายน 2017 : เทียเตอร์ AKB48, อากิฮาบาระ ประเทศญี่ปุ่น

อิซึรินะ AKB48 ประกาศย้ายมาอยู่ที่ BNK48 อย่างถาวร

จุดประสงค์ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้คือ การที่จะได้รู้จักตัวตนของอิซึรินะมากขึ้น ฉันเลยเลือกที่จะพูดคุยกับเธอในสถานที่ที่ทำให้เธอได้รู้สึกเหมือนอยู่บ้านเกิดมากที่สุด นั่นก็คือ เทียเตอร์ของ BNK48 ฮอลล์ขนาดกลางที่ล้อมรอบไปด้วยผ้าม่านสีแดงเลือดหมู ประดับประดาไปด้วยเก้าอี้ที่เรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ ข้างหน้าสุดของฮอลล์แห่งนี้คือเวทีแห่งความฝันของเด็กสาวหลายคนในเวลานี้ เมื่อได้มาเห็นกับตาจริงๆ ก็ชวนให้รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย

อิซึตะ รินะ เดินเข้ามาในเทียเตอร์ด้วยความสดใส ก่อนที่จะยกมือไหว้พร้อมทักทายฉันด้วยคำว่า ‘สวัสดีค่ะ’ และรอยยิ้มอันแสนน่ารักของเธอ (ที่รับรองว่าถ้าใครหลายคนเห็นเป็นอันต้องโดนตก – คำศัพท์ที่แฟนคลับ BNK48 ใช้กัน แปลว่าถูกทำให้ตกหลุมรัก – ไปตามๆ กัน) ก่อนที่จะเริ่มสัมภาษณ์ ฉันถามเธอว่าจะให้เรียกเธอว่าอย่างไรดี เธอยิ้มกลับมา ก่อนที่จะตอบเป็นภาษาไทยสำเนียงญี่ปุ่นว่า “เรียกรินะก็ได้ค่ะ”

“รินะชอบเต้นอยู่แล้ว ชอบก่อนที่จะเข้ามา AKB48 ซะอีก รินะมีความสุขเวลาที่ตัวเองได้เต้นต่อหน้าทุกคน คนรอบๆ ตัวของรินะเองก็ชอบ AKB48 อยู่แล้วด้วย สุดท้ายก็เลยตัดสินใจที่จะมาออดิชั่นดูค่ะ” เธอเล่าให้ฟังถึงเหตุผลของการมาเป็นไอดอล อาจจะฟังดูเป็นเหตุผลธรรมดาๆ แต่ใครจะไปเชื่อว่าเพราะเหตุผลนี้ทำให้เธอยืนระยะอยู่ใน AKB48 มาได้ถึง 7 ปี และกลายมาเป็นเจ้าของฉายา ‘เคงคิวเซย์ 12 ตำแหน่ง’ เด็กฝึกหัดมหัศจรรย์ของ AKB48 รุ่น 10 ผู้ที่สามารถจดจำท่าของตำแหน่งต่างๆ ได้มากถึง 12 ตำแหน่งด้วยกัน

“หลายคนชอบถามรินะเหมือนกันว่าไม่ยากเหรอที่ต้องจำท่าเต้นของหลายๆ ตำแหน่ง เอาจริงๆ ก็ยากนิดนึงแต่รินะเป็นคนชอบเต้นมาก่อนอยู่แล้ว ชอบจำท่าเต้นของตำแหน่งต่างๆ เพราะเป็นสิ่งที่ชอบก็เลยลืมความยาก ความเหนื่อยตรงนั้นไปเลย” รินะกล่าวด้วยแววตาที่เป็นประกาย ฉันเลยอดไม่ได้ที่จะถามเธอต่อไปว่าแล้วเธอมีตำแหน่งไหนที่เป็นตำแหน่งในดวงใจหรือเปล่า

รินะร้อง เอ๊ะ ออกมาเสียงดัง (สไตล์แบบญี่ปุ่นแท้ๆ เลย) แล้วตอบกลับมาทันที

“ไม่ว่าเต้นตำแหน่งไหนก็เหมือนกันค่ะ แน่นอนว่าถ้าได้เต้นตำแหน่งเซนเตอร์ก็คงดี แต่รินะเชื่อว่าแฟนๆ ที่มาดูต่างตั้งใจที่จะมาดูจริงๆ ฉะนั้นต่อให้ต้องเต้นอยู่ข้างหลัง เขาก็จะเห็นเราค่ะ ไม่ว่าจะเต้นอยู่ตรงตำแหน่งไหน รินะเลยเต้นด้วยความตั้งใจเสมอ”

นอกจากความสามารถด้านการเต้นที่ไม่เป็นรองใครแล้ว อีกสิ่งที่ทำให้อิซึตะ รินะ เป็นที่รู้จักไปทั่วเกาะญี่ปุ่นคือความสามารถในด้านวาไรตี้ของเธอด้วย อิซึรินะแห่ง AKB48 ถูกยกย่องให้เป็นเจ้าแม่วาไรตี้แห่งรายการ AKBingo รายการวาไรตี้เกมส์โชว์ที่จะให้สมาชิกจากวง AKB48 มาแข่งกันทำภารกิจต่างๆ โดยมีนักแสดงตลกชื่อดังเป็นพิธีกรรายการ เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมได้เป็นอย่างดี

“รินะชอบพูดอยู่แล้วค่ะ ปกติแล้วพวกวาไรตี้ของญี่ปุ่นจะต้องสร้างคาแร็กเตอร์ของตัวเองขึ้นมา แต่ว่าของรินะเนี่ยเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว เลยไม่ต้องสร้างคาแร็กเตอร์อะไร สุดท้ายก็กลายเป็นเจ้าแม่วาไรตี้อย่างที่ทุกคนเห็นกัน” รินะพูดจบก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างเขินๆ

เท่าที่เราได้พูดคุยกัน เส้นทางการเป็นไอดอลของอิซึตะ รินะในประเทศญี่ปุ่นก็ดูจะเป็นไปอย่างราบรื่น แล้วเพราะอะไรที่ทำให้หญิงสาวที่ไม่แม้แต่จะรู้จักภาษาไทยกลับเลือกพาตัวเองข้ามน้ำข้ามทะเลมาประเทศไทย เพียงเพราะรู้ว่าที่นี่จะเกิดวงน้องสาวแห่งใหม่ขึ้นมาอย่าง BNK48

2 กรกฎาคม 2017 : สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย

อิซึตะ รินะ มาถึงประเทศไทยในฐานะอิซึรินะแห่ง BNK48

“ตอนตัดสินใจว่าจะย้ายมาอยู่ที่ BNK48 ไม่กังวลเลยค่ะ ในหัวตอนนั้นคิดแค่อยากที่จะย้ายมาอยู่ BNK48 เร็วๆ” รินะเล่าให้ฟังถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญ

“รินะมีโอกาสได้มาแสดงที่ JAPAN EXPO IN THAILAND 2017 ในฐานะรุ่นพี่จาก AKB48 ตอนนั้นรู้สึกว่ามันสุดยอดมาก มีแฟนมาเชียร์รินะเยอะมาก ไม่คิดเลยว่าที่ประเทศไทยจะมีคนชอบ AKB48 มากขนาดนี้ หลังจากตอนนั้นพอได้ยินประกาศว่าจะมีการตั้งวงน้องสาวอย่าง BNK48 ในไทย รินะก็สนใจมาตลอดเพราะถ้าอยู่ AKB48 ต่อไป รินะเองก็คงย่ำอยู่ที่เดิม รินะอยากจะท้าทายตัวเองและลองสิ่งใหม่ๆ สุดท้ายก็เลยเลือกที่จะย้ายมาอยู่ BNK48 ค่ะ” รินะกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

ถึงแม้เธอจะพกความมั่นใจมาเต็มกระเป๋าขนาดไหน ปัญหาแรกที่เธอต้องพบเจอทันทีที่เหยียบแผ่นดินของประเทศไทยนั่นก็คือกำแพงภาษา ถึงแม้รินะเองจะเคยมาแสดงในประเทศไทยถึงสองครั้ง แต่ทั้งสองครั้งนั้นก็เป็นการมาในฐานะอิซึรินะแห่ง AKB48 การกลับมาประเทศไทยครั้งที่สามของเธอนี้ อิซึรินะแห่ง BNK48 จำเป็นต้องใช้ภาษาไทยในการซ้อมร้อง ซ้อมเต้น และติดต่อกับสมาชิกในวง ภาษาไทยจะกลายมาเป็นภาษาหลักในการใช้พูดคุยสื่อสารกับแฟนๆ

“ตอนนี้รินะก็ยังกังวลเรื่องภาษาไทยของตัวเองอยู่เหมือนกันค่ะ อย่างเวลาสอนเต้นให้กับน้องๆ AKB48 เพราะพูดภาษาเดียวกันก็เลยสอนได้ง่าย แต่พอมาอยู่ที่นี่เวลาจะสอนน้องๆ เต้น มันสื่อสารไปได้ไม่หมด รินะก็แก้ปัญหาโดยการมาเต้นข้างหน้าให้น้องๆ ดูแทน แต่สมาชิก BNK48 ทุกคนพยายามที่จะเข้าใจรินะและบอกว่าอยากเต้นแบบนู้นแบบนี้ ก็ทำให้รินะรู้สึกขอบคุณมากเลยค่ะ”

รินะเว้นจังหวะพูดเหมือนจะย้อนคิดถึงอะไรบางอย่างก่อนจะค่อยๆ พูดออกมา

“ตอนอยู่ญี่ปุ่น เวลามีแฟนต่างชาติมาหารินะที่งานจับมือแล้วเขาพูดญี่ปุ่นไม่ได้ เขาก็จะรู้สึกช็อกไปนิดนึง ที่ไทยเองก็มีงานจับมือเหมือนกันแต่ตอนนี้กลายเป็นว่ารินะเองที่รู้สึกช็อกและเสียใจที่ตัวเองยังพูดภาษาไทยไม่ได้ แฟนๆ เข้ามาพูดคุยกับเราแล้วแต่รินะเองที่ดันพูดไม่ได้ พูดได้แค่ภาษาไทยง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน มันยากเหมือนกันค่ะ แต่ถึงจะยากยังไง รินะก็จะพยายามพูดให้ได้ เพราะนอกจากจะได้คุยกับแฟนๆ แล้ว รินะเองก็อยากไปออกรายการวาไรตี้ที่เมืองไทยมากๆ อยากเป็นเจ้าแม่วาไรตี้ที่เมืองไทยด้วยเหมือนกัน” ทันทีที่รินะพูดประโยคนี้จบก็เรียกรอยยิ้มจากฉันได้ทันที ดูท่าทางแล้วถ้าเธอพูดภาษาไทยคล่องเมื่อไหร่ วงการวาไรตี้ไทยคงมีดาวดวงใหม่เป็นแน่

16 มิถุนายน 2018 : นาโกยะโดม ประเทศญี่ปุ่น

งานเลือกตั้งเวิลด์เซ็นบัตสึ ซิงเกิลที่ 53 ของ AKB48 – การลงเลือกตั้งครั้งที่ 8 ของอิซึรินะ

งานเลือกตั้งเวิลด์เซนบัตสึ ซิงเกิลที่ 53 ของ AKB48 หรือที่เรียกย่อๆ กันว่างานเลือกตั้ง เป็นงานค้นหาเซนบัตสึทั้ง 16 คน จากสมาชิกของทุกทีมทั่วเกาะญี่ปุ่นใน 48 กรุ๊ปเพื่อมาเป็น 16 คนสุดท้ายที่จะได้โปรโมตเพลงประจำซิงเกิลนั้น ความพิเศษของมันอยู่ตรงที่เซนบัตซึทั้ง 16 ตำแหน่งนั้นเกิดจากการโหวตของแฟนๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์ ในปีนี้เรียกได้ว่าคึกคักกว่าทุกปีที่ผ่านมา เพราะนอกจากจะเป็นครั้งแรกที่เปิดโอกาสให้วงน้องสาวต่างประเทศมีสิทธิ์ลงเลือกตั้งได้ด้วยแล้ว ยังเป็นครั้งแรกของสมาชิก BNK48 ที่จะได้ลิ้มลองรสชาติของงานเลือกตั้งด้วยตัวเอง มันเป็นครั้งแรกของทุกคนในทีม ยกเว้นอิซึรินะ

“รินะลงเลือกตั้งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 8 แล้วค่ะ” รินะพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงแต่แววตาของเธอวูบไหวไปครู่หนึ่ง สำหรับรินะงานเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการลงเลือกตั้งครั้งที่ 2 ของเธอในฐานะสมาชิกวง BNK48 และครั้งที่ 8 ในเส้นทางสายไอดอล และใช่ ตลอดการเลือกตั้ง 10 ครั้ง เธอยังไม่เคยได้ติด 1 ใน 100 อันดับเลย

“ตอนที่รู้ว่าเฌอปรางกับมิวสิคได้ตำแหน่งก็ดีใจมากๆ เลยค่ะ” รินะกล่าวด้วยน้ำเสียงภูมิใจก่อนที่เธอจะเงียบไปครู่หนึ่งและพูดขึ้นมา “แต่ลึกๆ ข้างในแล้วรินะเองก็รู้สึกเหมือนกันค่ะ…แต่ไม่อยากบอกใคร”

ฉันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกไม่ง่ายบางอย่างผ่านรอยยิ้มนั้น ความรู้สึกนี้คงเป็นอีกหนึ่งรสชาติที่มีแต่ไอดอลตระกูล 48 กรุ๊ปเท่านั้นที่มีสิทธิ์ลิ้มลองมัน ความรู้สึกของคนที่ผ่านอะไรมาด้วยกัน สู้มาด้วยกัน แต่สุดท้ายแล้วไม่ใช่พวกเราทั้งหมดที่จะได้ไปถึงฝันนั้น การต้องพบเจอกับความรู้สึกแบบนี้มาตลอด 8 ปี เธอรับมือกับมันได้อย่างไร

“อาจเป็นเพราะรินะเป็นคนเก็บความรู้สึกเก่ง เลยเลือกที่จะเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้ไม่ให้ใครรู้ รินะเป็นคนให้ความสำคัญกับความรู้สึกของคนอื่นก่อนความรู้สึกของตัวเอง แน่นอนว่ามันก็มีเวลาที่ตัวเองรู้สึกแย่ รู้สึกไม่ดีอยู่เหมือนกัน แต่พอเห็นคนที่ลำบากกว่า แย่กว่าแล้ว รินะก็อดช่วยไม่ได้ อย่างน้อยแค่ช่วยนั่งข้างๆ เป็นกำลังใจให้เขาก็ยังดี”

ทันทีที่เธอพูดจบ ฉันไม่ประหลาดใจเลยว่าทำไมเธอถึงยืนระยะในเส้นทางสายไอดอลได้นานถึง 8 ปี แม้การเป็นไอดอลจะต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นข้อบังคับหรืออะไรต่างๆ นานา แต่สิ่งที่ดูจะเป็นเรื่องยากที่สุดในชีวิตไอดอลคือการจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง

ถ้าเมื่อไหร่ที่เราเอาความรู้สึกของตัวเองเป็นใหญ่ ทีมจะไปต่อไม่ได้ กลับกันถ้าเราเอาความรู้สึกของทีมเป็นที่ตั้ง แล้วความรู้สึกของเรา ตัวตนของเราล่ะ เราจะไปไว้ที่ไหน คำตอบนี้คงไม่มีใครตอบได้ดีเท่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าฉันอีกแล้ว

“รินะมี pride เป็นของตัวเองค่ะ เวลาที่อยู่กับตัวเองก็เป็นคนชอบคิดนู่นคิดนี่ ทั้งเรื่องดีและไม่ดีเหมือนกัน แต่สุดท้ายแล้ว เพราะรินะมีศักดิ์ศรีของตัวเองที่จะต้องรักษาให้ได้ ก็เลยเลือกที่จะเก็บความรู้สึกเหล่านั้นไว้ข้างในและแสดงออกมาอีกแบบหนึ่ง รินะไม่อยากให้ทุกคนมาเป็นห่วง ฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นรินะก็จะท่องไว้ในใจเสมอว่า ฉันยังไหว ฉันยังทำได้ สุดท้ายความรู้สึกพวกนี้ก็เอาชนะความรู้สึกแย่ๆ ไปได้หมดเลย”

แล้วไอดอลไม่มีสิทธิ์เสียใจเหมือนมนุษย์ทั่วไปเลยหรือไง

“ก็มีบางวันที่รินะกลับบ้านไปแล้วร้องไห้เหมือนกันค่ะ แต่เพราะรินะไม่อยากให้ใครเห็นด้านที่อ่อนแอของตัวเองเลยไม่อยากที่จะร้องไห้ให้ใครเห็น” เธอยกมือขึ้นมาแตะสร้อยคอเส้นเล็กสีทองที่มีจี้สลักเป็นคำว่า ‘Rina’ ขณะที่กำลังเล่าประโยคนี้ให้ฉันฟัง

“เพราะไม่ชอบร้องไห้ นี่เลยเป็นสาเหตุที่รินะชอบยิ้มใช่ไหมคะ” ฉันถามเธอต่อ

“ใช่ค่ะ” รินะตอบมาเป็นภาษาไทยก่อนจะหัวเราะเสียงใสลั่นไปทั่วเทียเตอร์

2 กรกฎาคม 2018 : ประเทศไทย

ครบรอบ 1 ปีกับการเป็นอิซึรินะแห่ง BNK48

“รินะคิดว่าหน้าที่ของไอดอลคืออะไร” ฉันถามรินะ

เธอนิ่งเงียบไปสักพัก ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง และเหมือนเมื่อรินะได้ยินคำว่า ‘ไอดอล’ แววตาของเธอก็เปลี่ยนไป ในแววตาคู่นั้นของเธอมันสะท้อนความเชื่ออะไรบางอย่างออกมา

“ไอดอลเป็นอาชีพที่ให้ความหวัง ความฝันแก่แฟนๆ ค่ะ หน้าที่ของไอดอลคือการทำให้ทุกคนสนุกสนานไปกับเรา แน่นอนว่ามันก็มีวันที่เราอารมณ์ไม่ดีหรือไม่อยากทำ ถ้าเราแสดงไปทั้งๆ ที่อารมณ์ไม่ดี มันส่งออกมาเห็นนะคะ แฟนๆ ก็จะกังวลว่าเราเป็นอะไรหรือเปล่า ซึ่งการทำแบบนั้น รินะว่าเราทำหน้าที่ไอดอลได้ไม่ดีค่ะ (หัวเราะ) เวลาอยู่บนเวทีถ้าเราสนุกกับตรงนั้น แฟนๆ ที่เห็นว่าเรากำลังสนุกกับสิ่งที่เราทำ เขารับรู้ถึงความรู้สึกเราได้ สุดท้ายแล้วแฟนๆ ก็จะสนุกไปด้วย”

ทันทีที่เธอพูดจบ ฉันอดไม่ได้ที่จะหันไปมองรอบๆ เทียเตอร์ที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ จริงสินะ สถานที่แห่งนี้คงเป็นแค่ฮอลล์ขนาดกลางที่รองรับคนได้ประมาณ 350 ที่นั่ง แต่ที่มันกลายมาเป็นเวทีแห่งความฝัน เวทีแห่งความหวังขึ้นมาได้ ก็เพราะมีหญิงสาวตรงหน้าและสมาชิก BNK48 ที่ทำให้มันมีชีวิตขึ้นมา ฉันมองไปที่เวทีนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามเธอถึงอนาคตว่าเธอวาดฝันมันไว้อย่างไรกัน

“อยากให้ BNK48 ได้ไปแสดงคอนเสิร์ตที่ฮอลล์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยค่ะ (หัวเราะ) เพราะเดือนกรกฎาคมจะครบรอบหนึ่งปีที่รินะมาอยู่ไทย ก็เลยอยากจะลองไปแสดงที่นั่นกับน้องๆ ดูสักครั้ง” รินะนิ่งไปสักพักราวกับเธอกำลังคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะพูดประโยคที่ฉันเชื่อว่าถ้าใครได้ยินก็คงตกใจไม่ต่างกันกับฉัน

“เพราะรินะเองคิดว่าอีกสัก 3 ปี คงต้องถึงเวลาที่จะประกาศจบการศึกษาแล้วค่ะ”

“ทำไม” ฉันถามเธอต่อไปทันทีที่เธอพูดจบโดยที่ฉันเองก็ไม่รู้ตัว ในหัวของฉันเวลานั้นมีเพียงแค่เสียงของเธอที่ดังก้อง อาจจะเพราะหน้าตาเหลอหลาจากอาการช็อกของฉัน เธอหัวเราะเสียงใสก่อนจะตอบคำถามที่ฉันถามเธอไป

“ตอนนี้รินะอายุ 23 ปี อีก 3 ปี ก็อายุ 26 แล้วค่ะ รินะรักการเป็นไอดอล รักการได้มาแสดงต่อหน้าทุกคน มันเป็นความสุขที่สุดของรินะ แต่การเป็นไอดอลในวัย 26 ปีก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกันและรินะเองก็ยังมีความฝันของตัวเองที่อยากทำให้สำเร็จ การเป็น วาไรตี้ ทาเลนโตะ รินะ ในอนาคตอยากจะได้ยินคนเรียกรินะแบบนั้นน่ะค่ะ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ

จากการติดตามข่าวและการบอกเล่าของสมาชิกภายในวงก็พอทำให้ฉันรู้ว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา อิซึรินะแห่ง BNK48 ได้ทำอะไรมากมายเพื่อให้ทีมของเธอ วงของเธอ น้องสาวของเธอแข็งแกร่งขึ้นเท่าที่จะทำได้ จนฉันอดสงสัยไม่ได้จริงๆ ว่าเวลาที่เหลืออีก 3 ปี หรือประมาณอีก 1,000 วันต่อจากนี้ เธอมีเป้าหมายอะไรที่อยากทำให้สำเร็จก่อนที่เธอจะประกาศจบการศึกษาและมอบนามสกุล BNK48 ให้รุ่นน้องของเธอได้ดูแลต่อไป

“รินะอยากจะถ่ายทอดเรื่องราวของ 48 กรุ๊ปให้กับรุ่นน้อง เพราะรินะเป็นรุ่นพี่ที่มาจาก AKB48 เป็นพี่สาวของน้องๆ BNK48 รินะมีหน้าที่ที่จะต้องถ่ายทอดความรู้เรื่องราวเกี่ยวกับ AKB48 ให้กับเมมเบอร์ ยังมีน้องเมมเบอร์บางคนที่ยังไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับ AKB48 มากนัก รินะอยากให้น้องๆ ทุกคนได้รู้เรื่องราวว่ากว่าจะมีทุกวันนี้ได้ รุ่นพี่ต้องผ่านความยากลำบากหลายๆ อย่างมา ในวันแรกที่รุ่น 1 แห่ง AKB48 ได้ทำการแสดงมีแฟนๆ มาดูแค่ 7 คนเองค่ะ รินะอยากจะส่งต่อความทรงจำเหล่านี้ที่เคยได้รับมาจากรุ่นพี่ให้กับน้องๆ ต่อค่ะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่มาดมั่น แววตาของเธอสะท้อนออกมาให้เห็นเลยว่าเธอหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ

ฉันแปลกใจแต่ไม่ประหลาดใจกับคำตอบของเธอ เพราะถ้าหญิงสาวตรงหน้านี้คือคนที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของคนอื่นก่อนความรู้สึกของตัวเอง เลือกที่จะเก็บความทุกข์ใจของตัวเองไว้และเข้าไปช่วยน้องๆ ยามที่มีปัญหา ตัดสินใจที่จะใช้รอยยิ้มเพื่อกลั้นน้ำตาของตัวเอง การที่เธอจะยก 1,000 วันที่เหลือต่อจากนี้เพื่อ 48 กรุ๊ปของเธอก็ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดอะไร

“ท่าทางรินะคงยกเวลาทั้งหมดให้กับ 48 กรุ๊ปไปแล้วใช่ไหม”

“คงอย่างนั้นแหละค่ะ” เธอพูดจบพร้อมด้วยรอยยิ้มเหมือนเคย

ระหว่างที่ช่างภาพเก็บภาพรินะ ฉันสังเกตว่าประสบการณ์บนเส้นทางสายไอดอลที่ผ่านมาเกือบ 8 ปีไม่มีวันโกหก รินะเปลี่ยนท่าทางต่างๆ ตามที่ช่างภาพต้องการได้อย่างไม่เคอะเขิน แววตา รอยยิ้ม ต่างส่งออกมาได้เป็นธรรมชาติ ฉันมองไปที่เธอแล้วอดยิ้มตามไปไม่ได้ อาจเป็นเพราะฉันเข้าใจเบื้องหลังของรอยยิ้มนี้มากขึ้น รอยยิ้มจากผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ถูกใช้มาเป็นสิ่งที่คอยมอบพลังให้กับแฟนๆ สิ่งที่ให้กำลังใจรุ่นน้อง ในบางเวลารอยยิ้มนี้ก็มีเพื่อเป็นเขื่อนกลั้นน้ำตาให้กับเธอในวันที่เธอจะต้องขึ้นไปแสดงบนเวทีแห่งความฝันนั้น เวทีที่เธอให้ความเคารพมันมากกว่าใคร อาจจะเป็นเพราะเธอรู้ถึงที่มาของมัน ทำให้เธอไม่เคยปล่อยสักวินาทีเดียวให้ความหม่นหมองในใจทำให้เวทีแห่งนี้ถูกลดค่าลง

ฉันเข้าใจเหตุผลของการที่เฌอปรางขอบคุณเธอบนเวทีแห่งนั้นแล้วล่ะ เพราะถ้าเป็นฉัน สิ่งที่ฉันทำก็คงไม่ต่างอะไร หญิงสาวคนนี้สมควรได้รับการขอบคุณแล้วจริงๆ ไอดอลสาวที่มีชื่อว่า อิซึตะ รินะ แห่ง BNK48

ก่อนจะจากกัน ฉันถามเธอว่าวันที่เธอจะประกาศจบการศึกษา เธอจะจบการศึกษาในฐานะไหน รินะยิ้มก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายเป็นภาษาไทยสไตล์คาวาอี้ของเธอว่า

“ไม่กลับ AKB48 แล้วค่ะ จะจบการศึกษาในฐานะอิซึรินะ BNK48 ค่ะ”


ภาพ
ดวงสุดา กิตติวัฒนานนท์ และ พชรธร อุบลจิตต์

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ดวงสุดา กิตติวัฒนานนท์

ช่างภาพนิตยสาร a day ผู้ชอบกินอาหารที่ถ่าย

พชรธร อุบลจิตต์

เป็นช่างภาพที่เรียนการเมืองแต่ชอบเดินทางเป็นอาชีพแถมยังชอบทำขนมเป็นงานอดิเรก กำลังเก็บเงินไปเอเวอเรสต์และซื้อตู้เย็น