The Fingersmith Letterpress : สตูดิโอ Letterpress ในสวนหลังบ้านของศิลปินหญิงชาวสิงคโปร์

เราพบกันเพราะหนังสือ

ขออนุญาตหยิบยืมชื่อหนังสือของครูต้อ บินหลา มาใช้เป็นคำนิยามสั้นๆ เกี่ยวกับจุดเริ่มต้นการผจญภัยครั้งนี้

ที่บอกว่าพบกันเพราะหนังสือ ก็เพราะว่าไม่กี่ชั่วโมงก่อนบินมาสิงคโปร์ เรามีโอกาสได้พบกับ แจ็กกี้-แจ็กเคอลีน โกห์ (Jackie-Jacqueline Goh) เจ้าของสตูดิโอ The Fingersmith Letterpress สตูดิโอทำงาน Letterpress ที่ตั้งรกรากอยู่บนเกาะเล็กๆ อย่างสิงคโปร์เป็นครั้งแรก
จากหนังสือ People of Print ของมาร์ครอย สมิท (Marcroy Smith) และแอนดี้ ครูก (Andy Cooke) โดยบังเอิญ

แต่ที่ไม่บังเอิญแน่นอน คือไม่กี่ชั่วโมงก่อนโบกมือลาเจ้า
Merlion กลับประเทศไทย เราตัดสินใจรวบรวมความกล้าออกเดินทางมาพบแจ็กกี้ตัวเป็นๆ
ที่สตูดิโอของเธอดูสักตั้ง

และเป็นโชคดีที่เธอใจดีเปิดสตูดิโอทำงานส่วนตัวในสวนหลังบ้านให้เราเข้าไปทำความรู้จักอย่างใกล้ชิด

จากความหลงใหล และหลงรักในกระบวนการพิมพ์แบบ Letterpress มาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ด้วยเทคนิคที่มีความแมนวลและให้ผลลัพธ์ที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวอย่างที่ดิจิทัลทำให้ไม่ได้ หลังเรียนจบจาก
LASALLE College of the Arts Singapore แจ็กกี้ตั้งใจเดินทางไปฝึกวิทยายุทธการพิมพ์เก่าแก่นี้ที่ออสเตรเลียกับช่างปลดเกษียณมือฉมังอยู่หลายเดือน
เมื่อกลับมาสิงคโปร์ ไฟในการเรียนก็ยังคงคุกรุ่น
และเธอไม่อยากให้มันมอดดับจึงเปลี่ยนพื้นที่ปลูกผักหลังบ้านให้กลายเป็นสตูดิโอทำงานเล็กๆ
ที่เธอสามารถขลุกอยู่ได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ

“ยินดีที่ได้รู้จักนะ Klaus!” ฉันกล่าวทักทายคู่หูคู่สตูดิโอของแจ็กกี้ทันทีที่เธอเปิดผ้าคลุมร่างกายของ Klaus Heissler, Heidelberg
“Windmill” เครื่องพิมพ์ Letterpress เยอรมันรุ่นคลาสสิกจากยุค 60s ที่ถูกปลดเกษียณจากงานพิมพ์แผ่นไหว้เจ้า
ป่วยเหงาใช้การไม่ได้อยู่ในห้องเก็บของมืดๆ แจ็กกี้นำมาปัดฝุ่นให้
Klaus ทำหน้าที่ของตัวได้อีกครั้ง

ในแต่ละวันคู่หูวัยดึกเครื่องนี้ได้มีโอกาสร่วมสร้างผลงานการ์ด
Travelers Series ที่บันทึกเรื่องราวการผจญภัยในประเทศต่างๆ
ของแจ็กกี้ ถ่ายทอดเรื่องราวความรักความผูกพันขนาดยาวของคู่แต่งงานให้ครบจบลงตัวในการ์ดเดียว
ไปจนถึงการ์ดขอบคุณตลกๆ ที่ใช้ในโอกาสเพี้ยนซนตามอารมณ์ของ Jackie อย่างการ์ดขอบคุณเพื่อนคนที่คอยเอามือจับผมของเราไม่ให้เลอะในวันเมาแอ๋อ้วกแตกอ้วกแตน

นอกจาก
Klaus แล้ว แจ็กกี้ยังปลุกเพื่อนที่ตายแล้วให้คืนชีพมาไว้ในสตูดิโออีก
2 เครื่องด้วยกัน นั่นก็คือ Thelma
and Louis, Adana table top press เครื่องพิมพ์ตั้งโต๊ะแบบใช้มือโยก ที่เธอมักใช้ฝึกมือช่วงเรียนอยู่ที่
LASALLE College of the Arts Singapore และทำงานสเกลส่วนตัวหลังกลับจากฤดูกาลฝังตัวที่ออสเตรเลียเพื่อฝึกวิชากับช่าง
Letterpress รุ่นเก๋า
กับ Edward Slice Hands Senior, Guillotine เพื่อนซี้ขี้ตัดกระดาษให้ได้ไซส์ที่ต้องการ

แจ็กกี้พาเราย้อนเวลากลับไปสู่การพิมพ์ในยุคแรกของโลก ชวนเล่นสนุกกับเพื่อนซี้ทั้ง
3 ในห้อง โดยมี Sumo หมาน้อยน่ารักนอนหมอบอยู่ข้างๆ ไม่ไปไหน

เราเองก็มือซนเดินไปรื้อค้นดูลิ้นชักหยิบจับตัวพิมพ์ตะกั่วที่ใช้ในการเรียงพิมพ์ในสมัยก่อน
เครื่องไม้เครื่องมือช่างที่แจ็กกี้ใช้ซ่อมบำรุงเครื่องพิมพ์
เปิดพลิกสมุดบันทึกสีในแต่ละงานที่ไม่สามารถทดลองหรือวางแผนได้เป๊ะจากคอมพิวเตอร์ ก่อนขลุกอยู่กับลังไม้ที่บรรจุผลงานการ์ดไม่สนใจเวลาเช็กเอาต์โรงแรม
หรือเช็กอินสายการบินใดๆ

“พวกนี้เป็นงานที่ไม่ผ่านมาตรฐาน”แจ็กกี้สะกิดให้เราเงยหน้าจากลังไม้มาดูที่โต๊ะทำงานกลางห้อง มันเป็นกองผลงานโปสการ์ดที่พิมพ์เสียแต่เรามองไม่ออกว่าเสีย
ตัดเบี้ยวแต่เรามองไม่ออกว่าเบี้ยว สีเพี้ยนแต่เรามองไม่ออกว่าเพี้ยน

“คนได้รับเขาอาจไม่รู้ แต่เรารู้ อย่างกองนั้นคือการ์ดแต่งงานที่ต้องพิมพ์แจกร้อยใบ
เราก็จะเช็กจนเจอให้ได้ว่ามีใบไหนผิดเพี้ยนจากมาตรฐาน กดพิมพ์สีหนึ่งต่อหนึ่งครั้ง
สองสีก็สองครั้ง ยังไม่นับต้องกดพับการ์ดให้ครบทุกใบนะ (หัวเราะ)”

ถึง
Letterpress จะเป็นระบบการพิมพ์ที่สูบทั้งพลังแรง เวลา และต้องการสมาธิขั้นสูง
เพราะถ้าพลาดไปกระบวนการเดียวก็อาจต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด แต่ก็ถือว่าคุ้มกับผลงานที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ผิวสัมผัสที่เป็นร่องลึกลงน้อยๆ สีสันใหม่ๆ ที่อิงก์เจ็ตไม่สามารถให้ได้ และขั้นตอนที่ต้องอาศัยมือกับใจทำงานไปพร้อมกันเริ่มตั้งแต่ออกแบบเรื่องราว
ผสมสี ลงมือพิมพ์ ไปจนถึงขั้นตอนบรรจุซองสะอาดสะอ้านกับหม่าม้าที่ดู
Netflix ไปพลางใส่ซองใสไปพลางในขั้นตอนสุดท้าย

“อยู่กับเมืองมากๆ มันเบื่อนะ
แต่ก็ดีตรงที่เราเลยสนุกกับการได้หาอะไรทำระหว่างใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ อย่าง Letterpress
มันเติมเต็มพลังชีวิตให้เรามาก และมันก็น่าจะตอบคำถามที่เราคุยกันว่าทำไมถึงเราถึงชอบงาน
Travelers Series มากสุด ก็เพราะมันทำให้เราได้ผจญภัยแล้วกลับมาก็ได้ทำอะไรที่ชอบด้วยนี่แหละ (หัวเราะ)” แจ็กกี้สารภาพด้วยรอยยิ้มระหว่างขับรถสีแดงคันเก่งออกจากสตูดิโอ มุ่งหน้าพาเราไปผจญภัยต่อในอาณาจักรหนังสือศิลปะของสิงคโปร์ก่อนแยกย้าย

บันทึกส่งท้าย

เมื่อ
3 ปีก่อนThe Finger Smith Letterpress ถูกค้นพบและจู่โจมโดยสองหนุ่มอังกฤษเจ้าของหนังสือ People of Print

สองหนุ่มคงไม่รู้สินะว่าความกล้าหาญของพวกเขาได้เป็นต้นเหตุให้สตูดิโอของแจ็กกี้ถูกจู่โจมอีกครั้งโดยสาวไทยที่แบกเป้เด๋อด๋ามาตายเอาดาบหน้าที่สิงคโปร์คนเดียวเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน

www.thefingersmithletterpress.com

AUTHOR