จากแพสชั่นของคนช่างแต่งตัว สู่ความจริงจังในการทำแบรนด์สูทสุดเนี้ยบของพิชญ์ กาไชย

ช่วงก่อนจะได้คุยกัน เรารู้จัก พิชญ์ กาไชย ผ่านหน้าจอ ทั้งบทบาทอดีตศิลปินบอยแบนด์ค่าย RS พิธีกรหลายรายการบนยูทูบ กระทั่งแชมป์รายการทำอาหารชื่อดังอย่าง MasterChef Celebrity Thailand ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว สิ่งที่สะดุดตาเราคือแฟชั่นจัดจ้าน เป็นผู้ชายมาดดีที่ไม่ว่าจะหยิบจับเสื้อผ้าสตรีทหรือลุคทางการก็เอาอยู่ ยิ่งเมื่อเขาทำล้นตู้ รายการทางยูทูบที่ต้องแต่งตัวตามโจทย์ต่างๆ เมื่อ 2 ปีก่อน ยิ่งทำให้เราเห็นความจี๊ดในการแต่งตัวมิกซ์แอนด์แมตช์ได้ชัดเจน

ในบรรดาลุคต่างๆ ของแฟชั่นนิสต้าอย่างพิชญ์ มีเสื้อผ้าประเภทหนึ่งที่เขาใส่บ่อยจนเป็นภาพจำ นั่นคือชุดสูท ซึ่งไม่ใช่สูทธรรมดาๆ หาได้ทั่วไป แต่ต้องเป็นสูทที่ปกกว้างแบบวินเทจ มีกระดุมสองแถว และเสริมสัดส่วนให้ดูสง่าราวกับว่าตัดมาเพื่อเขาคนเดียวเท่านั้น

แน่นอน เพราะสูทส่วนใหญ่ที่เขาสวมมาจากร้านสูท tailor-made 612sixtwelve ของเขาเองที่ทำอย่างจริงจังแม้จะไม่เคยเรียนแฟชั่นมาก่อนเลยก็ตาม ในวันที่ร้านสูทของเขาเดินหน้ามากว่า 6 ปีจนขยายร้านได้ถึง 2 สาขา บทสนทนาต่อจากนี้เราจึงอยากชวนอดีตบอยแบนด์มาขุดคุ้ยถึงความชื่นชอบในการแต่งตัว จนถึงความจริงจัง ความอิน ความหมกมุ่นในการทำสูทและสิ่งที่รักจนถึงทุกวันนี้

พิชญ์ กาไชย

พิชญ์ กาไชย

พิชญ์ กาไชย

ความสนใจเรื่องการแต่งตัวเกิดขึ้นตอนไหน ใช่ช่วงที่ไปเริ่มต้นใช้ชีวิตไฮสกูลที่อเมริกาหรือเปล่า

เราชอบอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนจะไปอเมริกา มันถูกปลูกฝังมาอย่างนั้นเองมั้ง หรืออาจจะเป็นเพราะแม่ ตอนเด็กๆ เราจะชอบใส่รองเท้าแตะ พอจะใส่รองเท้าแตะออกจากบ้านแม่ก็จะไม่ให้ออก บอกตลอดว่าถ้าจะเปิดเท้าอย่างน้อยๆ ก็ไปใส่รองเท้ารัดส้น มันก็ติดนิสัย

เข้าใจวิธีการแต่งตัวตั้งแต่ตอนนั้นเลยไหม

สมัยก่อนไม่เข้าใจอะไรเลย แค่รู้สึกว่าวันนี้อยากใส่อะไรเราก็จะตั้งไว้เป็น key piece เช่น วันนี้อยากใส่รองเท้าคู่นี้ วันนี้อยากใส่กางเกงตัวนี้ ที่เหลือก็ไปจัดให้มันลงตัว ตอนเด็กๆ ยังไม่รู้เรื่องก็เล่นสีไปก่อน เช่น หยิบเสื้อสีฟ้าใส่กับกางเกงสีครีมบ้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่เด็กๆ คนอื่นอาจจะไม่ได้ทำกัน พอเริ่มเป็นมากขึ้นก็ใส่ดีเทล เพิ่มแอ็กเซสซอรีตามเทรนด์ เลือกสีตามเทรนด์ เลือกฟอร์ม ผสมหลายๆ อย่างรวมกัน เช่น เอาเชิ้ตแขนยาวมาใส่กับขาสั้น ใส่รองเท้าผ้าใบแทนรองเท้าหนัง สมัยก่อนตอนตกดึกเราจะเอาเสื้อผ้ามาวางคู่กัน โยนแอ็กเซสซอรี แล้วจดสิ่งที่เราจะใส่ไว้ในกระดาษใบใหญ่ๆ สำหรับใส่ 2 อาทิตย์ แล้วก็ไล่ใส่ตามนั้น เพื่อที่หนึ่ง–จะได้ไม่จับคู่ซ้ำ สอง–เรามีเสื้อผ้าเยอะ จะได้ใส่ครบทุกตัว แต่วันที่ไม่ได้ออกไปไหนผมก็จะไม่ใส่เสื้อผ้าที่จดไว้ ทำแบบนี้ตั้งแต่ก่อนไปอเมริกาแล้ว

พิชญ์ กาไชย

ช่วงที่หันมาแต่งตัว คุณเริ่มสนใจเสื้อผ้าแบบไหน

เริ่มจากเสื้อผ้าวินเทจก่อน เพราะเรารู้สึกว่าเสื้อผ้าสมัยก่อนสวยกว่าสมัยนี้ เราเริ่มเดินจตุจักร เริ่มซื้อคอนเวิร์สก่อน อย่างพวกคอนเวิร์ส made in USA ที่เขาเลิกทำไปแล้ว เราเริ่มรู้ว่าต้องดูยังไง ดูเส้นข้างหลัง ไส้ตะเกียง รู้มากขึ้นเรื่อยๆ ต่อมาก็ซื้อเสื้อยืดมือสอง ซื้อเสื้อฮาร์เลย์ลาย 3D หรือเสื้อผ้าบางๆ คอตตอน 100% พอมีเงินเยอะขึ้นก็เริ่มซื้อแจ็กเก็ตหนัง ฯลฯ วันหนึ่งเราก็หยุดซื้อเสื้อผ้าวินเทจเพราะขี้เกียจไปเดิน มันร้อน เริ่มเอาที่ตัวเองสบาย ก็มาซื้อของแบรนด์เนม พอซื้อแบรนด์เนมก็รู้สึกว่าเราเริ่มโตแล้ว ก็เริ่มซื้อสูท ทุกอย่างจะคิดเอาเอง ฟอร์มตัวเองให้เป็นอย่างนั้น พอเราต้องซื้อสูทเราก็เริ่มซื้อสูทแพงๆ พอซื้อไม่ไหวก็เริ่มทำเอง ศึกษา ลองตัดจนเปิดร้านสูท แล้วก็ใส่สูทร้านตัวเอง

จากคนชอบแต่งตัว ใช้เวลานานไหมกว่าจะเป็นเจ้าของแบรนด์สูท 612sixtwelve

ปีครึ่ง เป็นปีครึ่งที่ซื้อผ้าจากสำเพ็งแล้วก็เอากลับบ้านมาตัดแบ่ง นั่งมอเตอร์ไซค์ไปร้านตัดเสื้อสูท นั่งมอเตอร์ไซค์ไปร้านคนตัดกางเกง เขียนใบงาน ทำทุกอย่าง ไปรับของ ฟิตติ้งลูกค้า วัดตัวเอง ทำอย่างนี้ก่อนแล้วค่อยเริ่มมีลูกน้อง

พิชญ์ กาไชย

เวลาออกแบบสูทให้คนอื่น คุณคิดถึงอะไรบ้าง

คิดถึงความต้องการของเขาก่อนและปรับจากมัน ยังไงเขาก็จ่ายเงินมาให้เรา เพราะฉะนั้นเขาต้องได้ของที่เขาอยากได้ ถ้าเขามีแบบในหัวแล้วเราค่อยเพิ่ม-ลดรายละเอียดให้เขา เราจะไม่บอกว่าตัดอันนี้นะ อันนี้เจ๋ง นอกจากเพื่อนๆ ที่ผมจะบอกว่าเริ่มตัดจากสูททรงนี้ก่อน แล้วถ้าอยากตัดเพิ่มค่อยตัดสูททรงนี้ต่อ

เอกลักษณ์ของสูทของ 612sixtwelve คืออะไร

ผมใช้ทุกอย่างที่ตัวเองชอบ ร้านสูทถ้า traditional มากๆ ก็จะใช้ฟอร์มของอังกฤษ อิตาเลียน และเยอรมัน ผมเคยศึกษาและลองตัดแล้วทุกแบบและดึงรายละเอียดของสูทแต่ละอย่างมารวมกันก็จะได้ identity ของร้าน เวลาผมเดินไปงานแต่งงาน ต่อให้จำลูกค้าไม่ได้แต่ผมรู้เลยว่านี่สูทร้านผม ทั้งปก ทรง หรือ silhouette ของสูท ยิ่งกางเกงยิ่งดูออกง่ายเลย ผมจะดูออกว่านี่คือกางเกงร้านเราจากไซส์ ขากางเกง ทรงขากางเกง และเอว

สูทจากทางร้านก็มีการหยิบจับความวินเทจเข้ามาใช้เหมือนกัน

ใช่ สูทมันก็เหมือนเสื้อผ้าอื่นๆ ที่มีดีเทลในแต่ละยุคของมัน แค่เรารู้สึกว่าสูทยุค 30s-40s ฟอร์มมันสวย ยุคนั้นปกเสื้อสูทจะใหญ่ ตัวจะโคร่งหน่อย แล้วก็เป็นสูท (กระดุม) สองแถวเสียเยอะ มีสปอร์ตแจ็กเก็ต คนยังใส่สูทไปออกกำลังกายอยู่ ถ้ายุคก่อนหน้านั้นคนจะใส่เสื้อกั๊ก มีเสื้อกั๊ก (กระดุม) สองแถว เสื้อกั๊ก (กระดุม) แถวเดียว ผมว่าดีเทลของมันเยอะกว่าสูทสมัยนี้ ณ วันนี้คนก็เริ่มมาใส่สูทปกใหญ่กันเยอะ แต่จริงๆ แล้วฟอร์มของมันก็เริ่มมาจากสมัยก่อน เวลาผมขึ้นสูท ถ้าลูกค้าไม่พูดอะไรเกี่ยวกับปกผมจะขึ้นปกกว้าง 4 นิ้วทุกคน แต่ถ้าเกิดเขาพูดว่าไม่ชอบปกใหญ่ ผมลดจะให้มากที่สุดคือ 3 นิ้ว ที่ไม่ใช้ต่ำกว่านี้เพราะมันจะดูโมเดิร์นมาก ถ้าปกกว้างสองนิ้วเราไปซื้อสูทสำเร็จรูปได้เพียบเลย ผมเคยปฏิเสธลูกค้าให้ไปตัดร้านเพื่อนเพราะว่าเรื่องปกเสื้อนี่แหละ ถามว่าเราทำได้ไหม ทำได้ แต่มันเสีย identity ของร้านเรา

ดูเหมือนคุณให้ความสำคัญกับปกมาก

ผมว่าสูทที่ดี first impression แรกคือปก เราดูดีเทลของปกว่าเป็นทรงไหน เย็บแบบไหน ปกบางหรือไม่บาง แนบไม่แนบ ใช้ผ้าประมาณไหน แค่ปกอย่างเดียวก็ดูได้แล้วว่าสูทนี้แพงหรือถูก สิ่งที่สำคัญในการนิยามว่าสูทสวยไม่สวยก็คือปก

รายละเอียดตรงไหนที่จะไม่ปล่อยผ่าน

ทุกส่วนสำคัญหมด อย่างกระดุมเราก็คิดเยอะ ร้านสูททั่วไปมักจะใช้กระดุมพลาสติกหรือไม่ก็วัสดุสังเคราะห์ แต่ร้านที่มีเอกลักษณ์จะใช้กระดุมเขาสัตว์หรือพวกเปลือกหอยที่มาจากธรรมชาติ นั่นแปลว่ากระดุมแต่ละเม็ดจะมีดีเทลอย่างละนิดละหน่อยที่แตกต่างกันซึ่งเป็นเสน่ห์ ผมไม่สามารถปล่อยรายละเอียดตรงไหนผ่านไปได้ อย่างตอนวัดตัวลูกค้าผมก็วัดเองจนชำนาญแล้วค่อยสอนให้น้องวัด และผมยอมตัดสูทให้ลูกค้าใหม่บ่อยมาก คือบางคนสรีระของเขาทำให้ตัดชุดยากจริงๆ มันไม่ใช่แบบอ้วน-ผอม สูง-เตี้ย แขน-ขายาว แต่บางคนยืนเฉยๆ ไหล่ก็ไม่เท่ากัน เราก็ต้องรองบ่าด้านหนึ่งเยอะขึ้น ส่วนอีกข้างรองต่ำลงเพื่อให้ฟอร์มสวย หรือบางคนตัวหนา ใส่สูทแล้วปกอ้า ไม่แนบตัว ถ้าเราแก้สูทเกิน 2-3 ครั้งจนทรงสูทผิดไปหมดผมจะบอกว่าตัดใหม่ดีกว่าไหมครับ ขอโทษจริงๆ ที่เสียเวลาหน่อย ผมยอมโดนด่าว่าร้านนี้ตัดช้า ร้านนี้แก้เยอะ แต่ผมคิดว่าตัดใหม่มันสบายใจกว่า

ได้ยินว่ากับเพื่อนๆ คุณก็ตัดสูทให้เองด้วย

สำหรับเพื่อนผมจะมีแค็ตตาล็อกผ้าประมาณ 2 เล่มอยู่ที่ห้อง เวลาเพื่อนขี้เกียจไปที่ร้านผมจะให้มาหาที่บ้านได้ แต่ต้องบอกว่าเรามีผ้าแค่เซตนี้นะ ซึ่งเป็นเซตที่ไม่ได้แพง ถ้าอยากได้เซตแพงๆ ต้องไปที่ร้าน บางคนบอกว่าตัดไปงานแป๊บเดียว ไม่ต้องเอาแพงมากก็ได้ ผมก็ให้มาวัดตัว เลือกผ้า บอกดีเทลว่าอยากได้ทรง ปก กระเป๋าแบบไหน เอากระดุมสีอะไร จบ กลับบ้าน แล้วผมก็จะส่งต่อให้น้องที่ร้าน ประมาณ 3 อาทิตย์หรือเกือบเดือนค่อยโทรหาเพื่อนอีกทีให้มาลองชุด ทีนี้ผมค่อยมาแก้ ถ่ายรูป ขีดชอล์ก

จำเป็นแค่ไหนที่เจ้าของแบรนด์จะต้องรู้รายละเอียดเรื่องสูทขนาดนี้

สำคัญมาก เจ้าของร้านสูทควรรู้พื้นฐานของสูทเยอะๆ รู้ว่าทำไมถึงต้องทำแบบนั้นแบบนี้ รู้ว่าสูทกระดุมแถวเดียวใช้ปกได้กี่แบบ สูททักซิโดผ่าตรงไหน หรือถ้าไม่ผ่า ทำไมถึงไม่ผ่า สูทกระดุมสองแถวมีกี่แบบ ใช้ปกอันนี้ได้ไหม ดีเทลพวกนี้ผมคิดว่าควรจะต้องรู้ไว้เพื่อคุยกับลูกค้าหรือเอาไว้แก้งาน อย่างน้อยเราเป็นเจ้าของแบรนด์ก็ต้องใส่ใจเรื่องดีเทล ละเอียดกับมันให้มากที่สุด ถ้าผมเห็นน้องทำหลุดไปผมจะให้น้องโทรหาลูกค้าเลย แล้วบอกว่าให้เอาสูทกลับมาแก้

ทุกวันนี้จำกัดความการแต่งตัวของตัวเองยังไง

สมัยก่อนผมตัดแต่สูทสองแถวอย่างเดียวเลย คนจะเห็นผมใส่สูทที่ดูวินเทจตลอดเวลา ผมรู้สึกว่าสมัยนี้คนมองว่าสูทสองแถวเป็นแฟชั่น ทั้งๆ ที่มันเป็นสูทสมัยก่อนที่คนสมัยนี้เอามาใส่เป็นแฟชั่นเฉยๆ เดี๋ยวนี้ผมเลยหันมาใส่สูทคลาสสิกของคนไทยก็คือสูทแถวเดียว ใส่อะไรที่มันค่อนข้างเรียบง่ายมากที่สุด ไม่ค่อยอยากใส่อะไรหวือหวา

ตอนเด็กๆ ที่เราแต่งตัวจัด เวลาไปแฟชั่นโชว์เราจะเห็นเจ้าของแบรนด์เดินออกมา น้อยมากที่จะเห็นคนแต่งตัวเยอะ ส่วนใหญ่ใส่เสื้อดำ กางเกงดำหมดเลย แต่เขาทำเสื้อผ้าสวยมาก ตอนนั้นเราไม่เข้าใจว่าทำไมเขาไม่แต่งตัว แต่ตอนนี้เราเริ่มเข้าใจแล้วว่า อ๋อ ในเสื้อดำ กางเกงดำมันก็มีดีเทลของเขาอยู่ แต่เขาแค่ขี้เกียจมานั่งใส่ลายเยอะๆ แต่งตัวเยอะๆ แล้ววันหนึ่งที่เรากลายเป็นคนแต่งตัวเรียบ เราก็รู้เลยว่าเราผ่านอะไรมา เหมือนกลับมาอยู่กับสิ่งที่มันสงบมากๆ 

เราผ่านมาหมดทุกอย่างแล้ว ผ่านการแต่งลายชนลาย แต่งตัวเยอะๆ แต่งทุกชิ้น ใส่แหวน 4-5 นิ้ว ใส่สร้อย ใส่ต่างหู ใส่รองเท้าสีหนึ่งถุงเท้าอีกสีหนึ่ง ใส่เสื้อลายเสือ กางเกงหนัง บูต แต่งตัวให้เหมือนร็อกเกอร์ เหมือนดิสโก้ ใส่ขาม้า จนเราเหนื่อย เหนื่อยกับการแต่งตัว ทุกวันนี้ผมไม่ได้จดชุดที่จะใส่ล่วงหน้าแล้ว ผมสงบและแต่งตัวสบายมากขึ้น แต่ก็ยังติดแต่งตัวอยู่ทุกวัน กางเกงยีนส์ที่รักมากๆ ที่เคยใส่ ลีวายวินเทจปีต่างๆ ที่ซื้อมาผมก็เลิกใส่แล้วเอาไปขาย ตอนนี้ส่วนใหญ่ผมใส่กางเกงผ้า ใส่กางเกงขาใหญ่ ใส่เสื้อดำ ขาว เทา ถ้าอยากให้มากขึ้นก็หยิบแจ็กเก็ตมาใส่ตัวหนึ่ง วันไหนไม่อยากใส่กางเกงขาใหญ่ก็ใส่ที่ขาเล็กลง ผมเล่นทรงของมันมากกว่า เน้นสบายเป็นหลัก

ตอนทำอาหารก็แทบจะไม่แต่งตัว แต่เราก็จะมีภาพในหัวว่าถ้าใส่ผ้ากันเปื้อนสีนี้ เสื้อข้างในต้องใส่สีไหน ยังมีนิดหนึ่ง มันเลิกไม่ได้จริงๆ เดี๋ยวต้องเดินไปเดินมา ใส่รองเท้าหนังไม่ได้ งั้นใส่รองเท้าผ้าใบคู่นี้ ใส่เสื้อตัวนี้ เผื่อใครมาขอถ่ายรูป ยังคิดเรื่องการแต่งตัวอยู่นิดหนึ่ง

คิดว่าการเป็นคนใส่ใจในรายละเอียดให้อะไรกับคุณบ้าง

มันสร้างชีวิตได้นะ สร้างธุรกิจได้ ถ้าเราอินกับมันมากพอ อย่างผมก็เริ่มจากสิ่งที่ชอบ เราชอบกินเราก็ฝึกทำอาหาร ชอบแต่งตัวก็เริ่มซื้อเสื้อผ้าวินเทจ ซื้อของใหม่ๆ ทุกอย่างเริ่มจากสิ่งที่เราชอบ สิ่งที่เราพอทำได้ดี คือเราทำงานก็อยากได้เงิน แต่ไม่ได้เอาเงินเป็นที่ตั้งว่าจะต้องรวยล้นฟ้า เราอยากสนุกกับมันด้วย

ทุกวันนี้คุณได้แรงบันดาลใจมาจากไหนบ้าง

จากหลายที่นะ มันอาจจะอยู่ในหนัง ในทีวี หรือในทีเซอร์ สำหรับการแต่งตัว เวลาออกไปข้างนอกก็ได้แรงบันดาลใจ มันทำให้เราคิดว่าตรงนี้สวยจังเลย ชอบจังเลย หรือเราอาจจะได้เห็นโปสเตอร์ เห็นสิ่งใหม่ๆ ที่ทำให้รู้สึกว่า เฮ้ย เดี๋ยวกลับมาลองทำสูทแบบนี้ดีกว่า ฟอร์มมันสวย เท่ดี

พิชญ์ กาไชย

เวลาออกไปหาแรงบันดาลใจข้างนอก คุณมักจะไปยังไง

ปกติเวลาขับรถเองหรือนั่งรถตู้ผมจะไม่ค่อยได้ดูข้างทางสักเท่าไหร่ ไปถึงที่หมายแล้วก็จอดรถ กระโดดลง แต่เวลาขี่มอเตอร์ไซค์ผมจะชอบขับไปวนแถวๆ สุขุมวิทเพราะมันไม่ค่อยมีอะไรมากั้นสายตา บ้านหลังนี้สวยจังเลย ตรงนี้มีที่ให้เช่าอยู่ ตรงนี้ขาย ยิ่งขี่มอเตอร์ไซค์ที่เปิดมากกว่าการนั่งรถมันทำให้เราได้สำรวจ ได้เห็นสิ่งต่างๆ ได้เห็นคน แบบคนนี้แต่งตัวเท่จังเลย

มีมอเตอร์ไซค์คันไหนที่รู้สึกว่าเหมาะกับคุณเป็นพิเศษไหม

ผมว่า All New C125 มีลักษณะคล้ายกับผมเยอะมาก มันเหมือนไม่มีอะไรเลยแต่ถ้าเราไปนั่งส่องมันจริงๆ แล้ว โห เขาคิดเยอะมากๆ แต่งทุกชิ้นส่วนเลย ทั้งเปลี่ยนท่อเป็นท่อวินเทจแบบสมัยก่อน มีบังไฟ ที่พักเท้า คือแม้แต่ของที่มองไม่เห็นก็มีดีเทลอยู่ในนั้น ผมว่ามันเหมือนเราหยิบเสื้อยืด กางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบ และนาฬิกามาใส่รวมกัน เหมือนจะธรรมดาแต่ทำไมกลายเป็นว่าคนนี้แต่งตัวแฟชั่น มันเป็นเพราะเขารู้ว่ากางเกงควรยาวเท่านี้ ฟอร์มแบบนี้ รองเท้าควรจะสีนี้ ผมว่า All New C125 ก็เป็นแบบนั้นที่เหมือนจะไม่มีอะไรแหวกแนวแต่ทำไมมันสวย นั่นเพราะเขาก็คิดมาแล้วแหละ ซึ่งมันเหมาะมากกับคนติดรายละเอียด ติดแฟชั่น ชอบถ่ายรูปกับรถให้ดูแฟชั่น

พิชญ์ กาไชย
พิชญ์ กาไชย

All New C125 คือมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ในตระกูล C ที่ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอด 60 ปีที่ผ่านมา โดยโมเดลล่าสุดนี้เป็นการออกแบบใหม่อย่างประณีตภายใต้คอนเซปต์ ‘Craft Your Story’ ไม่ว่าจะเป็นเบาะหนังแบบสองตอนหรือโครงสร้างวัสดุเหล็กโครเมียมทั้งคัน ขณะเดียวกันก็เพิ่มเติมฟังก์ชั่นทันสมัยอย่างเครื่องยนต์ 125 ซีซี และกุญแจรีโมตอัจฉริยะที่มาพร้อมฟังก์ชั่นระบุตำแหน่งรถด้วย

#AllNewC125 #C125 #CraftYourStory #สะท้อนความคราฟต์ในตัวคุณ #CUBHouse

รับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ bit.ly/3gMoZ8y

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ณัฐวัฒน์ ตั้งธนกิจโรจน์

ชื่อโทนี่ แต่พวกเขามักจะรู้จักผมในนาม Whereisone