Kimi No Na Wa : หนุ่มสาวแปลกหน้าที่ผูกพันกันด้วยโชคชะตา ไม่ใช่ชื่อ

Director: Makoto Shinkai
Region: Japan
Genre: Animation / Drama / Romance

ทันทีที่ประโยคสุดท้ายของหนังขึ้นมาพร้อมกับเพลง
Nandemonaiya (なんでもないや) เสียงปรบมือจากผู้ชมก็ดังทั่วโรงภาพยนตร์
พิสูจน์ได้ว่าความสำเร็จของภาพยนตร์ทำเงินอันดับหนึ่งประจำปี 2016 ที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย

ชื่อของ มาโกโตะ
ชินไค เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางไม่เฉพาะแค่คอหนังญี่ปุ่นหรือสายอนิเมะ
จากผลงานสร้างชื่อสุดคลาสสิกของเขา
5
Centimeters Per Second
(2007) ที่ละเมียดละไมทั้งงานภาพ เพลงประกอบ
และเนื้อหาที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวบวกความเหงาของสังคมเมืองญี่ปุ่นที่โดนใจใครหลายคน
กลับมาคราวนี้กับผลงานแอนิเมชันเรื่องยาวของเขา K
imi No Na Wa (君の名は) หรือ Your Name ก็ยังเป็นงานที่ชินไครักษาลายเซ็นของเขาซึ่งไม่เหมือนใครไว้ได้อย่างครบถ้วน
และทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้ให้กับคนดูไม่ต่างกัน

Kimi No Na Wa
เล่าเรื่องราวของมิตสึฮะ (ให้เสียงโดย
โมเนะ คามิชิราอิชิ) เด็กสาวผู้อาศัยอยู่ในเมืองสมมติที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาสูงชื่ออิโตโมริ
ที่ฝันว่าตัวเองสลับร่างกับเด็กหนุ่มอีกคนที่อาศัยอยู่ในโตเกียว ทากิ (ให้เสียงโดย ริวโนะสุเกะ คามิกิ) เรื่องราวปาฏิหาริย์นี้ทำให้ทั้งสองคนได้รู้จักและเริ่มผูกพันกัน
จนมีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้พวกเขาต้องออกตามหากันและกันเพื่อแก้ไขบางสิ่งบางอย่างซึ่งผ่านไปแล้ว

สิ่งที่ดีและแปลกไปจากความคาดหมายของเราคือชินไคเลือกจะพาคนดูเข้าสู่เรื่องราวอย่างรวดเร็วโดยเปิดให้เห็นการสลับตัวกันของมิตสึฮะและทากิตั้งแต่เริ่มต้น
พาเราไปเจอความชุลมุนชวนหัวแทรกกับมุกตลกให้คนดูได้หัวเราะกันเป็นระยะๆ
ก่อนจะเล่าเรื่องราวในตำนานของตระกูลมิตสึฮะให้คนดูได้สงสัยคิ้วขมวด
จบลงที่การคลี่คลายช่วงท้ายเรื่องแบบที่คนดูต้องคอยเอาใจช่วย 2 ตัวละครหลักแบบตาไม่กะพริบ
และลุ้นว่าสุดท้ายแล้วเรื่องราวจะจบลงแบบไหนกันแน่?

สิ่งที่เราชอบคือเวลาของ
2 ตัวละครในหนังไม่ได้เล่าเป็นเส้นตรงแบบที่หนังสลับร่างทั่วไปทำ
วิธีการเล่าเรื่องบางช่วง คนดูอาจต้องนั่งไล่ไทม์ไลน์เอาเองนิดๆ
ว่าเหตุการณ์ไหนเกิดก่อนหลัง แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าจะเข้าใจ
สิ่งที่หนังพาเราไปไกลกว่าคือชินไคหยิบประเด็นความเชื่อเรื่องโลกหลังความตายแบบญี่ปุ่นมาเล่าคู่ไปกับโลกสมัยใหม่ได้อย่างไม่เคอะเขิน
ความต่างของเมืองและชนบทที่ทำให้ทากิกับมิตสึฮะต่างก็ใช้สิ่งที่ตัวเองมีและเป็นอยู่ทำภารกิจสำคัญของพวกเขาอย่างเต็มที่

ชินไคเก่งเสมอในการตั้งคำถามใส่คนดูเรื่องความผูกพันระหว่างมนุษย์ที่แม้จะไม่เคยเจอหน้าหรือรู้จักชื่อกัน
แต่เลือกให้ผูกโยงกันแล้วด้วยอะไรบางอย่างว่ามันจะเป็นจริงได้หรือไม่? แม้คนดูอาจมีคำตอบไว้ล่วงหน้าในใจแล้ว
แต่ระหว่างทาง
เขาก็เลือกจะไม่ประนีประนอมกับคนดูเหมือนกับผลงานหลายเรื่องก่อนหน้าเช่นกัน
ผลลัพธ์คือเราเชื่อว่าต้องมีใครหลายคนแอบเสียน้ำตาให้กับบางฉากแน่นอน

งานภาพของ
Kimi No Na Wa ทั้งทิวทัศน์ภูเขาอันสวยงามของเมืองอิโตโมริ
ความตระการตาของดาวหางที่กำลังพุ่งตกใส่โลกซึ่งเป็นหัวใจสำคัญอีกอย่างของเรื่องก็ทำให้เราเพลิดเพลินไปกับหนังได้ตลอด
(ฉากสำคัญหนึ่งของเรื่องมีภาพที่ทำให้เรานั่งนิ่งไปเลยหลายวินาที)
การจัดวางเพลงประกอบโดยวงร็อกญี่ปุ่นชื่อดัง Radwimps ก็ยิ่งช่วยเสริมความหมายของเรื่องได้ดี
จนเราขอเชียร์ว่าถ้าดูจบให้รีบไปหาเพลงทั้งอัลบั้มมาฟังเลยจะยิ่งอิน

Kimi No Na Wa
เลยถือเป็นอีกงานเด่นของชินไคที่เราไม่แปลกใจว่าทำไมถึงได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากผู้ชมญี่ปุ่น
เพราะมันเล่าทั้งเรื่องการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างอ่อนน้อมของมนุษย์
เรื่องราวปาฏิหาริย์แบบที่คนดูต้องเอาใจช่วย
ความเหงาและว่างเปล่าของคนเมืองในบางวัน และที่สำคัญ
คือความฮึดสู้ของหนุ่มสาวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังจนดูจบแล้วเราอยากออกไปทำอะไรสักอย่าง

เพื่อใครสักคนที่เราอาจไม่รู้จักชื่อกันมาก่อน


Kimi No Na Wa เข้าฉายแล้ววันนี้ 10 พฤศจิกายนในโรงภาพยนตร์เครือ Major Cineplex, SF Cinema และ Lido ติดตามรอบฉายได้ที่เพจ M Pictures Co.,Ltd

AUTHOR