After the Storm : ไม่เป็นไรหรอก…ถ้าเราจะโตไปเป็นผู้ใหญ่แบบที่ไม่ได้หวังไว้

Director: ฮิโรคาสึ
โคเรเอดะ

Region: Japan
Genre:
Drama

ในฐานะที่เราเป็นแฟนตัวยงที่ติดตามผลงานของฮิโรคาสึ
โคเรเอดะ มาอย่างต่อเนื่อง พอรู้ข่าวว่าปีนี้เขามีผลงานเรื่องล่าสุดมาให้เราเตรียมชมกันอีกแล้วก็แทบอดใจรอไม่ไหว
โดยหน้าหนัง
After
the Storm

ยังคงวนเวียนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของครอบครัว เล่าด้วยทีท่าเรียบนิ่งตามสไตล์ที่โคเรเอดะถนัด
แล้วปล่อยให้ภาพ บทสนทนา และรายละเอียดเล็กน้อยในหนังค่อยๆ ทำปฏิกิริยาต่อคนดูอย่างเรา
ก่อตัวและซัดสาดไม่ต่างจากพายุไต้ฝุ่น

เรื่องราวของเรียวตะ
(ฮิโรชิ อาเบะ) อดีตนักเขียนนวนิยายอนาคตไกลที่เคยได้รางวัลอันทรงเกียรติทางวรรณกรรม
แต่ปัจจุบันเขากลับเลี้ยงชีพตัวเองด้วยการเป็นนักสืบชู้สาว (ถึงเขาจะอ้างว่ากำลังหาแรงบันดาลใจเขียนนวนิยายเรื่องใหม่ก็เถอะ)
แถมยังติดการพนันจนต้องแยกทางกับเคียวโกะ (โยโกะ มากิ) อดีตภรรยา ที่ยื่นคำขาดว่าหากเขาไม่สามารถหาเงินมาช่วยเลี้ยงดูชินโง
(ไทโย โยชิซาวะ) ลูกชายได้ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเจอกันอีกต่อไป เรียวตะจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว-สิ่งเดียวที่เขาพยายามยึดคว้าไว้ได้-ในวันที่กำลังจนตรอกสุดๆ

ครึ่งแรกของหนังปูพื้นให้เรารู้จักเรียวตะในฐานะ
‘ผู้ใหญ่ที่ล้มเหลวทั้งเรื่องส่วนตัวและความสัมพันธ์’ ซึ่งพลิกผันไปจากวัยเด็กที่ไม่เคยคิดว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ หนังเล่าหลายสถานการณ์ที่ชี้ให้เห็นความไม่เอาไหน
ทั้งการเข้ามาค้นมรดกจากพ่อที่เสียชีวิตไปในแฟลตอาคารสงเคราะห์ที่โยชิโกะ (คิริน
กิกิ) แม่ของเขาอาศัยอยู่เพียงคนเดียว
แลกเปลี่ยนข้อเสนอบางอย่างกับคนที่เขาตามสืบไม่เว้นแม้แต่เด็กมัธยมปลายเพื่อให้ได้เงินมากขึ้น

เนื้อหาจริงๆ
ของหนังที่สะกดให้เรานิ่งงันเกิดขึ้นเมื่อสมาชิกทั้ง 4 กลับมารวมตัวกันในวันที่พายุไต้ฝุ่นหมายเลข
23 ของปีถล่มชานเมืองโตเกียวจนเคียวโกะและชินโงกลับบ้านไม่ได้ ช่วงเวลาหนึ่งคืนก่อนที่ท้องฟ้าจะสดใส
เลยเป็นโอกาสให้เรียวตะลองพยายามประสานรอยร้าวอีกครั้ง
เพื่อทำให้ชีวิตของเขาเข้ารูปเข้ารอยอีกที

สิ่งที่เราชอบคือหนังไม่ได้โฟกัสเฉพาะความสัมพันธ์ของเรียวตะกับเคียวโกะเท่านั้น
แต่ยังตั้งใจเล่าความสัมพันธ์พ่อกับลูกชายที่ต่างเป็นภาพกลับกันซึ่งอาจเป็นเพราะทั้งคู่ได้เจอกันแค่เดือนละครั้ง
ความสัมพันธ์ของโยชิโกะที่อยากให้เรียวตะเองเป็นผู้ใหญ่ที่ดีกว่านี้
หรือความสัมพันธ์ของแม่ผัวลูกสะใภ้ที่แม้จะเลิกรากับลูกชายไปแล้วแต่ก็ยังอยากให้หวนกลับมา
(ลามเลยไปถึงความสัมพันธ์ของพี่สาวที่หนังหยอดมุกตลกน่ารักๆ มาให้เรายิ้มได้หลายช่วง)

หลายคนอาจเดาคำตอบได้ว่าโคเรเอดะคงไม่เลือกให้หนังจบแบบสดใสไร้เมฆบัง
แต่ถึงอย่างนั้น คนดูก็ยังยิ้มได้กับทางเลือกที่ตัวละครตัดสินใจ
เพราะมันคือทางเลือกที่เราได้เห็นการเติบโตและก้าวไปข้างหน้า หนังทบทวนคำถามที่ได้ยินบ่อยๆ
ว่า ‘โตขึ้นอยากเป็นคนแบบไหน?’ ให้เราลองคิดกับมันตามเงื่อนไขและความจริงของชีวิตมากขึ้น
ในวัยเด็ก เราอาจเคยวาดภาพผู้ใหญ่ที่เราอยากเป็น ประสบความสำเร็จ
และมีชีวิตรักที่ดี แต่โลกไม่เคยรับประกันความคาดหวังนั้น และเมื่อถึงวันที่เรารู้แล้วว่าเราเป็นแบบนั้นไม่ได้อีกต่อไป
เราจะทำอย่างไรดี

ไม่ต้องเดินไปจนสิ้นหวังอย่างที่เรียวตะเป็น
เราก็เชื่อว่าทุกคนคงเข้าใจความรู้สึกของการติดหล่มความคาดหวังของตัวเองจนเดินต่อไม่ได้มาบ้าง
ในขณะที่หนังก็ให้ภาพเคียวโกะเป็นตัวอย่างคนที่ไม่ยึดติดกับอดีตเก่าๆ
แล้วตัดสินใจเดินหน้าต่อทันทีที่รู้ว่าชีวิตกำลังจะเป็นในแบบที่เธอไม่ต้องการ

ใน
After
the Storm

โคเรเอดะก็ยังเก่งในการใส่รายละเอียดเล็กน้อยให้คนดูจดจำ ทั้งน้ำแข็งไสไม่ค่อยหวานที่แช่ค้างไว้ในตู้เย็นจนแข็ง
ลายมือโย้เย้ของเรียวตะที่โยชิโกะพูดทีเล่นทีจริงว่านี่คงเป็นตัวบอกความไม่เอาไหนของครอบครัวเรา
หลุมหลบภัยในสนามเด็กเล่น ลอตเตอรี่ใบแรกที่เรียวตะสอนให้ชินโงเลือกซื้อ
หรือนวนิยายที่ได้รับรางวัลของเรียวตะ โคเรเอดะใส่สิ่งเหล่านี้ลงในจุดต่างๆ
ของเรื่องแล้วเก็บไปขมวดช่วงท้ายให้เราได้มองเห็นความหมายของมันลึกซึ้งยิ่งขึ้น

แต่เหนือสิ่งอื่นใด
สิ่งที่ยังวิ่งอยู่ในหัวเราตั้งแต่เดินออกจากโรงภาพยนตร์จนถึงตอนนี้คือการแสดงแบบ ‘น้อยได้มาก’
ของคิริน กิกิ นักแสดงคู่บุญที่เราคุ้นหน้ากันดีในผลงานของโคเรเอดะหลายเรื่อง
ที่เรื่องนี้เราเทใจให้จังหวะสุดเป๊ะเหมือนบังคับได้ แววตาเจือความปวดร้าวนิดๆ
และความลึกในรายละเอียดการแสดงที่แม้ว่าจะทำท่าเริงร่าดูตลก
แต่ภายในเรากลับสัมผัสได้ถึงความเหงาของคนแก่ที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว และความรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบให้ครอบครัวลูกชายกลับมาลงเอยด้วยดี
ในฐานะที่เธอเป็นคนเลี้ยงดูเขามา

ท้ายที่สุด
หนังก็ไม่ได้ตอบคำถามที่โยชิโกะเอ่ยกับเคียวโกะว่า ‘ทำไมเรื่องราวถึงมาเป็นแบบนี้ได้?’

ไม่ต้องไปหาคำตอบมัน

มีแต่วันที่พายุผ่านพ้นแล้วรอให้เราเดินต่อไป

AUTHOR