ในโลกที่ดอกพริมโรสเบ่งบานของ PRJ ศิลปินที่สร้างงานศิลปะโอบกอดและเยียวยาใจให้กับผู้คน

ช่วงนี้ถ้าคุณมีโอกาสได้แวะเวียนไปในโซน Metro Mall ของ MRT พหลโยธิน คุณคงสะดุดตากับความสดใสที่เกิดขึ้นในพื้นที่แห่งนี้ โดยเฉพาะ ‘เจ้าก้อน’ ตัวคาแรกเตอร์สีชมพูอ้วนกลมผลงานการสร้างสรรค์ของ PRJ หรือ ภริมโรจน์ ภิญโญ หนึ่งในศิลปินรุ่นใหม่ที่เข้ามาช่วยเพิ่มสีสันให้กับ Metro Art อาร์ตสเปซแห่งแรกของไทยในรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่นั่งต้อนรับผู้คนที่แวะเวียนไปมาด้วยรอยยิ้มที่ใครเห็นก็คงอดจะรู้สึกสดใสตามไปด้วยไม่ได้ รวมถึงงานในคอลเลกชัน The Happiness of GON World ซึ่งจัดแสดงอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ด้วย 

แต่ความสำเร็จในวันนี้ของเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบดอกพริมโรสมาตั้งแต่ต้น เพราะเส้นทางชีวิตของเขานั้นมีความพลิกผันมากมายตั้งแต่เด็กจนโต รวมถึงการติดกับดักทางความคิดด้านลบของตัวเองมาหลายปี เกิดเป็นบาดแผลในใจที่เกิดจากการถูกบุลลี่มาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาเกือบจะไม่ได้มาเป็นศิลปินที่ทำงานศิลปะเพื่อช่วยฮีลใจและสร้างความสุขให้กับคนดูงานของเขาด้วยซ้ำ

ชวนไปพบที่มาของ ‘เจ้าก้อน’ และเรื่องราวของ PRJ ในวันที่ความคิดในอดีตได้คลี่คลายลงไปจนเขาพบความสุขที่แท้จริงของตัวเอง รวมถึงความสำคัญของศิลปะที่เจ้าตัวเชื่อว่าจะช่วยเยียวยาและเติมพลังให้คุณสามารถลุกขึ้นมาต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ ในชีวิตได้อย่างเข้มแข็ง

ถ้าคุณไม่ได้ทำงานศิลปะ คุณคิดว่าการมี Art Space นั้น สำคัญต่อชีวิตคนอย่างไร

สำหรับผม Art Space คือพื้นที่ที่เปิดให้ทุกคน ทุกอาชีพ เข้าถึงได้ทุกอาชีพ ทุกเพศ ทุกวัย ผมเคยตั้งคำถามว่าทำไมศิลปะอื่นๆ เช่น เพลงหรือการแสดงถึงเข้าถึงผู้คนได้ง่าย แต่สำหรับงานภาพวาด ผมกลับรู้สึกว่ามันเป็นแค่ทางเลือกมากกว่า บางคนก็พูดว่าต้องรวยก่อนถึงจะเสพงานศิลปะนี้ได้ ทำไมอาชีพของผมถึงได้อยู่ไกลจากคนทั่วไปเหลือเกิน แต่ตอนนี้ทางสถานีรถไฟฟ้า MRT พหลโยธิน ได้สร้าง Art Space ขึ้นมา แล้วให้ผมนำผลงานมาติดตั้งไว้ที่นี่ ผู้รู้สึกดีใจมาก เพราะอย่างน้อยงานของเราจะได้ทำหน้าที่โอบกอดและเยียวยาผู้คนได้บ้าง และทำให้คนทั่วไปรู้สึกว่างานศิลปะนั้นไม่ได้เข้าถึงยากเลย อย่างน้อยต่อไปเมื่อศิลปินท่านอื่นๆ มีโอกาสได้นำผลงานมาแสดงที่นี่ เขาอาจจะทำให้คนรู้สึกว่า แทนที่ในวันอาทิตย์เขาจะนอนอยู่บ้านเฉยๆ ก็มีสถานที่ให้เขาออกมาเดิน มาชมงาน มารู้จักว่าศิลปะไม่ได้มีแค่ภาพวาด ภาพสีน้ำ หรือภาพเหมือนเท่านั้น แต่มีงานที่พูดถึงภาพประกอบ งานคาแรกเตอร์ หรือแม้แต่งานศิลปะกราฟฟิตี้ก็ได้

ศิลปะที่สร้างความตื่นตะลึงให้คุณเป็นงานแบบไหน

ผมเคยเห็นตึกสีเทาที่กำแพงด้านข้างของตึกมีงานศิลปะกราฟฟิตี้ระบายอยู่ตรงนั้น ทำให้ผมรู้สึกถึงพลังของงานศิลปะทันทีที่มันสามารถทำให้ตึกแห่งนั้นมีชีวิตชีวา มีสีสัน ทำให้ผมเชื่อว่าศิลปะสามารถสร้างชีวิตให้กับสถานที่ที่เหี่ยวแห้งได้ ยิ่งถ้าสถานที่ตรงนั้นเป็นจุดที่ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมา งานศิลปะที่ตั้งอยู่ตรงนั้นอาจทำให้คนที่กำลังรีบเดินสามารถหยุดมองผลงานได้สักนาที แล้วถ้าผลงานนั้นสามารถเข้าถึงหัวใจของเขาได้ เยียวยาเขาได้ พื้นที่ตรงนั้นก็จะเป็นเหมือนตัวกระตุ้นให้เขาเริ่มอยากรู้แล้วว่าในบ้านเรานั้นมีแกลเลอรีอยู่ที่ไหนบ้าง อาจจะให้แรงบันดาลใจต่อบางคนได้ว่าแล้วงานศิลปะแบบอื่นๆ มีอะไรบ้างหรืองานแบบไหนที่เขายังไม่เคยเสพ บางคนอาจจะเคยเห็นภาพวาดโมนาลิซ่าแต่ก็ยังไม่ได้ประทับใจอะไร แต่ยังมีงานศิลปะแขนงอื่นๆ ที่เขาอาจจะชอบก็ได้ ถ้าเราสามารถเห็นงานศิลปะที่มีความหลากหลายได้ เดี๋ยวเขาก็จะเริ่มหางานศิลปะที่ตัวเองชอบดูไปเรื่อยๆ ได้เอง เพราะศิลปะนั้นพร้อมที่จะรับใช้มนุษย์อยู่แล้ว เหมือนกับงานของผมที่พร้อมจะโอบกอดคนดู และสร้างพื้นที่ปลอดภัยในใจให้กับคนดูอยู่เสมอ

คุณบอกว่าผลงานชื่อ ‘ความสุขในโลกของเจ้าก้อน’ คือการผจญภัยไปใน Forest City ที่มีความสุขงอกงามขึ้นมา และได้ทำอะไรตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ คอนเซ็ปต์นี้สะท้อนตัวตนของ PRJ อย่างไร

‘เจ้าก้อน’ คือ สภาวะในจิตใจของผม เป็นเหมือนก้อนไอติม ซึ่งชื่อเล่นของผมคือ ไอติม ชื่อจริงคือ ภริมโรจน์ ซึ่งเป็นชื่อที่คุณแม่ตั้งไว้รอตั้งแต่ก่อนผมเกิดเพราะคิดว่าคงได้ลูกผู้หญิง ตอนแรกแม่คิดไว้ว่าจะให้ชื่อพริมโรส แต่เมื่อคลอดออกมาแล้วพบว่าผมเป็นผู้ชายก็เลยเปลี่ยนเป็นภริมโรจน์แทน ซึ่งแรงบันดาลใจมาจากชื่อดอกพริมโรส ดอกไม้แห่งความรุ่งเรือง แต่ชื่อนี้กลับเป็นปัญหากับผมมาตลอด 30 ปี ยิ่งผมเป็นเด็กที่ต้องย้ายโรงเรียนบ่อยๆ ด้วยแล้ว ด้วยความที่ชื่อแปลกก็จะถูกเพื่อนๆ ล้อเสมอ และพี่น้องคนอื่นในบ้านก็เป็นผู้หญิงหมดเลย ผมจึงซึมซับความอ่อนน้อม ความอ่อนโยนเข้ามาไว้ในตัว ผมเคยพยายามเปลี่ยนตัวเองให้แมนขึ้นลองเป็นนักกีฬาฟุตบอลแต่ก็รู้สึกว่าไม่ใช่ตัวเอง ตอนนั้นผมเป็นคนที่ไม่ชอบตัวเองมากๆ ไม่ชอบทุกอย่างที่ตัวเองเป็นเลย

คุณจึงใช้ศิลปะมาช่วยบรรเทาความรู้สึกนี้ด้วยใช่ไหม

ไม่เชิงว่าใช้ศิลปะเป็นตัวหลัก เพราะก่อนหน้านี้ผมศึกษาต่อทางด้านการออกแบบ ไม่ได้เรียนศิลปกรรมโดยตรง เมื่อเรียนจบผมก็เปิดบริษัทรับทำงานกราฟิก เมื่อทำงานจริงเราจะเจอโจทย์มากมายจากลูกค้า เจออะไรหลายๆ อย่างจากการทำงานร่วมกับแบรนด์ต่างๆ จนทำให้รู้ว่าสิ่งต่างๆ ที่ได้เจอมาตลอด 30 ปีในชีวิต ได้สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผมขึ้นมา และผมก็เริ่มชอบความเป็นตัวของตัวเองทีละเล็กทีละน้อย ดังนั้นในผลงานชุดนี้จะมีภาพเจ้าก้อนที่เหมือนกำลังนั่งสมาธิอยู่ซึ่งผมตั้งชื่อคอลเลกชันนี้ว่า Achieve ซึ่งเป็นเหมือนความรู้สึกของผู้ที่บรรลุนิติภาวะ ได้เรียนรู้ว่าเราแค่ชอบตัวเองก็ได้ แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นตัวเอง 100% เลยก็ได้เหมือนกัน ภาพลักษณ์ผมข้างนอกอาจจะเป็นสีดำแต่ข้างในตัวตนของผมเป็นสีชมพูก็ได้ เราสามารถมีตัวตนระหว่างโลกทั้งสองนี้ได้ การทำงานในชีวิตจริงแม้ผมจะถูกเอารัดเอาเปรียบบ้าง แต่ผมก็มีความสุขในโลกนี้ได้ กลับกันในอีกโลกผมก็มีความสุขกับเจ้าก้อน มีความสุขกับดอกพริมโรส และความสนุกที่เราได้อยู่ข้างในโลกแห่งนี้

เป็นการใช้ความรู้สึกของการได้ผจญภัยเพื่อปลดล็อกความกลัวของตัวเอง?​

อาจจะไม่ใช่เรื่องของความกลัว เพราะผมแค่ไม่ชอบตัวเอง ผมจึงสร้าง Forest City เป็นเหมือนพื้นที่ปลอดภัย เป็นโลกอีกใบที่ทำให้เรารู้สึกเป็นตัวของตัวเองได้ เหมือนกับคำว่าศิลปะรับใช้ผู้คน และศิลปะของผมอาจจะสามารถรับใช้คนอื่นๆ ได้ด้วย ซึ่งเจ้าก้อนสามารถทำอย่างนั้นได้จริงๆ มีคนส่งข้อความมาหาผมว่าเขาชอบเข้ามาดู IG ของผม เขาเข้ามาดูทุกวันเลย ภาพของเจ้าก้อนช่วยสร้างกำลังใจให้เขา ช่วยให้เขามีกำลังใจทำงานหาเงินมาใช้หนี้ แต่ก็เข้าใจว่าคงไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความสุขในโลกของเจ้าก้อนได้

คุณตั้งใจตั้งแต่แรกเลยไหมว่าจะสร้าง ‘เจ้าก้อน’ เพื่อช่วยฮีลใจคนดู

ไม่เลยครับ ตอนแรกที่ผมร่างเจ้าก้อนขึ้นมามันเป็นสิ่งที่ abstract มากๆ ผมวาดไปเรื่อยๆ ตอนแรกยังไม่เป็นรูปเป็นร่างอะไรเลย ดวงตาก็ไม่มี แต่ผมวาดออกมาเยอะมากๆ เพราะตัวเองเป็นคน Extrovert มากๆ ด้วย เป็นคนที่อยากปลดปล่อย อยากพูด อยากขี่มอเตอร์ไซค์แล้วไปยืนตะโกนดังๆ ที่ชายทะเล อยากร้องคาราโอเกะ อยากปลดปล่อยความรู้สึกข้างในตัวออกมา การวาดรูปก็เป็นวิธีที่ให้ผมปลดปล่อยอารมณ์ออกมาได้ และเป็นการได้ทำอะไรที่ดีกว่าแค่หายใจทิ้งหรือถ่มน้ำลายออกไป ผมวาดไปเรื่อยๆ จนตั้งคำถามกับตัวเองว่างานของเราจะทำประโยชน์อะไรได้บ้างไหมที่มากกว่าความสวยงาม ผมจึงลองมาจัดระเบียบความคิดว่าผมเป็นใคร ผมทำอะไร ผมเป็นยังไง จนผมมาเจอความอ่อนแอตัวเอง เราก็ค่อยๆ ขมวดมันไปเรื่อยๆ เป็นเจ้าก้อนในวันนี้ที่เติบโตขึ้นจากเจ้าก้อนเมื่อ 5 ปีที่แล้ว และจะเป็นเจ้าก้อนที่ไม่เหมือนตอนนี้ในอีก 10 ปี ข้างหน้า ผมลองรื้ออารมณ์ไปกับมัน ใส่ดวงตา ใส่องค์ประกอบต่างๆ เข้าไป และเมื่อเจ้าก้อนสามารถสร้างความรู้สึกกับคนดูได้ ก็เหมือนผมได้เจอคุณค่าของตัวเองแล้ว ผมใจฟูมากๆ ซึ่งจุดเริ่มต้นทั้งหมดก็มาจากการที่เรายอมรับว่าตัวเองเป็นคนที่อ่อนแอมาก

ดังนั้นถ้ามองดูรายละเอียดจะเห็นว่าเจ้าก้อนแม้จะดูนุ่มนิ่มแต่ตัวมันเต็มไปด้วยบาดแผล เป็นรอยแผลเล็กๆ ที่อยู่รอบตัวจากสิ่งที่ผมได้เจอมาในอดีต แต่เจ้าก้อนเองก็ไม่เคยหยุดยิ้มเลย เหมือนจะบอกว่าก็มาเลยสิไม่ว่าเรื่องอะไร เจ้าก้อนคือแรงบันดาลใจให้กับบางคนรู้ว่าต่อให้ต้องมีบาดแผลแค่ไหนเราก็สู้กับมันได้ เหมือนที่ผมสู้กับเรื่องต่างๆ มา 30 ปี เดี๋ยวเราจะเจอทางออกเอง เหมือนผมที่ยอมรับความเป็นตัวเอง จากนั้นเราก็พบสีสันเกิดขึ้นในความรู้สึกแล้ว และเป็นความสดชื่นเหมือนอยู่ท่ามกลางดอกพริมโรส และเราจะสามารถเป็นตัวเองได้ในเวอร์ชันที่ดีขึ้นด้วย

คุณบอกว่าถูกบุลลี่มาตั้งแต่เด็ก อยากรู้ว่าพลังใจที่เข้มแข็งจนทำให้ผ่านพ้นเรื่องแย่ๆ พวกนั้นได้มาจากไหน

คงเป็นพ่อและแม่ของผม คุณแม่เรียนมาทางวารสารศาสตร์ ท่านจะมีความคิดที่แปลกๆ และเท่ ดูจากชื่อผมก็ได้ (หัวเราะ) ท่านเองก็ทำงานสายครีเอทีฟด้วย ส่วนคุณพ่อก็จะอารมณ์นักเลงหน่อยๆ เขาเรียนรุ่นเดียวกับพี่หนุ่ย (อำพล ลำพูน) ผมมีทั้งพ่อและแม่ที่แข็งแรงมาก น้องสาวผมก็แข็งแรง และช่วงที่ผมเข้าเรียนมหาวิทยาลัยปีที่ 1 ตอนนั้นทางบ้านประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ ผมต้องทำงานหาเงินใช้เองเพราะทางบ้านไม่สามารถช่วยเหลือได้ จุดนี้ที่ทำให้ผมแข็งแรงขึ้นมาต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ผมทำงานพิเศษหลังเลิกเรียน พยายามเอาตัวเองให้รอดและต้องเรียนให้จบ ด้วยกระบวนการของชีวิตช่วงนั้นทำให้ผมเติบโตขึ้นมากๆ

คุณเคยลองเป็นนักกีฬาฟุตบอลโรงเรียนแล้วไม่ใช่ตัวเอง แต่เรารู้มาว่าคุณเองเคยเป็นนักเทควันโดระดับจังหวัดด้วย ทำไมไม่เอาดีทางนั้นเลยล่ะ

จริงๆ ผมเพิ่งมารู้ตัวว่าเป็นคนชอบการแข่งขันจากการเป็นนักกีฬาเทควันโด ตอนนั้นได้เป็นตัวแทนจังหวัด ตัวแทนภาค และเกือบจะเป็นตัวแทนทีมชาติเลย ผมอยู่ในขั้นเตรียมซ้อมจริงจัง แต่ก็ไม่ได้แข่งต่อ แต่ก็หยุดไปเพราะเพื่อนๆ มีแฟน และผมก็ตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งด้วย (หัวเราะ) แต่การเล่นเทควันโดทำให้ผมเริ่มค้นพบว่าตัวเองลึกๆ เป็นคนที่ชอบการแข่งขัน เทควันโดคือสิ่งที่ทำให้เราแข่งกับคนอื่นได้นอกจากการเรียน และการวาดรูปก็ใช่ด้วยเหมือนกัน แต่เป็นการแข่งขันที่เหมือนกับการวิ่งแข่ง ที่เราต่างมีลู่วิ่งของตัวเอง เราวิ่งแข่งกันไปให้ถึงเส้นชัยในลู่วิ่งของตัวเองไม่มีการขัดขากัน ผมสนุกกับการแข่งขันแบบนี้ตั้งแต่ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยจนถึงได้เข้าทำงานที่ DUCTSTORE เพราะผมมีเป้าหมายว่าอยากเก่งเหมือนพี่ตั้ม Mamafaka

ตอนนี้คุณภูมิใจกับเจ้าก้อนมากๆ ถามกลับกันว่าถ้าตั้งแต่แรกเจ้าก้อนไม่สามารถเข้าไปนั่งอยู่ในใจคนดูได้ คุณจะรู้สึกแย่ไหม

ไม่เคยคิดเลย เจ้าก้อนเป็นงานอดิเรกของผมหลังเลิกงาน ผมแค่ปล่อยมันออกมาเหมือนกับการกินข้าวที่เมื่อหิวเราก็ต้องกิน แต่ถ้าผมไม่วาดรูปผมต้องอกแตกตายแน่ๆ ศิลปะแขนงนี้การเอาความอัดอั้นของผมออกมาได้ดีที่สุด เพียงแต่ภาพวาดไม่ได้ใช้การเสพด้วยการกินเข้าไป แต่เป็นการรับอารมณ์และความหมายผ่านทางดวงตา

จากงานอดิเรกสู่การเป็นงานเพื่อหาเลี้ยงชีพ คุณรู้สึกกดดันบ้างหรือเปล่า

ปัญหาเริ่มเกิดขึ้นช่วงปลายปีที่ผ่านมา เพราะชื่อเสียงที่เกิดขึ้นบีบให้ผมต้องวาดรูปเป็นอาชีพแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ผมกับแฟนยังสามารถช่วยกันจัดการเรื่องต่างๆ ได้ โชคดีที่เราได้ Galleria Benetti มาช่วยดูแลเรื่องการทำธุรกิจด้านต่างๆ ซึ่งเป็นข้อดีเพราะผมไม่ต้องทำอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการวาดรูปเลย ซึ่งผลงานทั้งหมดที่อยู่ใน Metro Art นี้ผมทำงานทั้งหมดมากกว่าครึ่งปีเลย เพราะงานครั้งนี้มีขอบเขตที่ค่อนข้างใหญ่เพราะมีทั้งงานจิตรกรรมและประติมากรรม ตอนที่ทำก็พบความยุ่งยากหลายอย่างเรียกว่าถ้าโปรเจกต์ใหญ่กว่านี้อีกนิด ผมคงต้องทำงานสถาปัตยกรรมด้วย อาจจะต้องสร้างเจ้าก้อนขึ้นมาเป็นบ้านเลยก็ได้ (หัวเราะ)

คุณจะฟูมฟัก ‘เจ้าก้อน’ ให้เติบโตไปทางไหน

อยากให้เจ้าก้อนโตขึ้นในแบบที่เป็นหนุ่มขึ้น มีวุฒิภาวะมากขึ้น รู้ว่าต้องวางตัวยังไง ทำอย่างไรที่จะโอบกอดคนอื่นได้ดีขึ้น เมื่อก่อนเจ้าก้อนเป็นแค่สิ่งที่ผมปล่อยออกมา แต่มันดันตรงกับจริตของคนที่เขาได้เห็นแล้วรู้สึกเหมือนถูกเจ้าก้อนโอบกอด ดังนั้นผมเชื่อว่าอย่างไรก็ตาม เจ้าก้อนไม่สามารถที่จะอยู่ตัวคนเดียวได้ ต้องมีผมที่คอยสนับสนุนมันด้วย ผมอยากให้เจ้าก้อนเป็นเหมือนสิ่งที่วง Paper planes ทำได้ นั่นคือ เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้องๆ ที่มาดูงาน และพร้อมที่จะรับใช้แบรนด์ต่างๆ ที่อยากเข้ามาร่วมงานด้วย

การเรียนรู้ชีวิตที่เติบโตขึ้นของเจ้าก้อน จะค่อยๆ ทำให้รอยยิ้มของมันหุบลงไหม

ไม่ว่าอย่างไรก็ตามผมกับเจ้าก้อนจะยิ้มให้กับปัญหา ผมจะไม่เป็นศิลปินที่บอกว่าคุณก็อ่อนแอไปสิไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย เราทั้งคู่จะเป็นตัวอย่างของคนที่ยิ้มสู้กับปัญหา ยกตัวอย่างภาพเจ้าก้อนถือร่มแต่นั่งกินกาแฟไปด้วย ผมต้องการสื่อว่าเราสามารถนั่งพักดื่มกาแฟชิลๆ ได้ แต่ยังไงก็ต้องกางร่มไปทำงานต่อ การได้แวะพักสักหน่อยก็น่าจะดี เราสามารถหยุดพักได้แล้วไปต่อ ซึ่งลึกๆ ก็มาจากสิ่งที่ผมได้ฝ่าฟันมาจากการเป็นเด็กระยองที่ต้องไปเรียนมหาวิทยาลัยต่างจังหวัด (มหาวิทยาลัยบูรพา) ซึ่งมีหลายคนที่เป็นแบบผม เป็นนักศึกษาที่ต้องเดินทางจากจังหวัดอื่นเพื่อศึกษาต่อ และเขาก็ต้องแข็งแรงฉับไว เพราะชีวิตมันหยุดพักยาวๆ ไม่ได้หรอก

เจ้าก้อนจะสามารถเดินทางไปพบปะผู้คนในประเทศต่างๆ ได้ไหม

ต้องไปได้อยู่แล้วครับ (หัวเราะ) เพราะเจ้าก้อนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และถ้าเทียบงานของศิลปินต่างชาติ งานของคนไทยราคาไม่สูงอยู่แล้ว เพราะค่าเงินของเราต่ำมาก (หัวเราะ) หนึ่งแสนบาทของเราคงไม่เยอะมากอยู่แล้วสำหรับคนต่างชาติ ผมจึงมีเป้าหมายว่าจะเป็นศิลปินระดับโลกให้ได้ แต่ถ้าสุดท้ายผมทำไม่ได้อย่างน้อยผมก็ตั้งเป้าหมายให้ตัวเองอยู่ในระดับเอเชีย เพราะจริงๆ ศิลปินเอเชียนั้นเก่งมากทั้งจีน เกาหลี หรือศิลปินอินโดนีเซียนั้นมาแรง ประโยคที่ว่าประเทศไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกคือเรื่องจริง อย่างช่วงที่ NFT บูม มีศิลปินระดับโลกคนหนึ่งบอกว่าประเทศไทยมีศิลปินเยอะมาก เขาไม่คิดว่าจะมีเยอะขนาดนี้ คนไทยเจ๋งจังเลย นั่นเป็นเพราะประเทศเรามีสิ่งที่สร้างให้คนเป็นศิลปินได้ เป็นศิลปินที่เกิดขึ้นมาจากการถูกกดดัน คนในประเทศเราถูกกดทับเยอะ มีความเหลื่อมล้ำเยอะ จึงมีศิลปินเกิดขึ้นเยอะ งานของผมตอนนี้มีคนซื้อไปหมดแล้ว ซึ่งมาจากความช่วยเหลือของแกลเลอรี ถ้าผมขายเองน่าจะไม่ได้เพราะคงยอมให้เขากดราคา ดังนั้นตอนนี้ผมเชื่อว่าเจ้าก้อนพร้อมที่จะออกไปสู่สายตาคนอื่นๆ ในโลกได้แล้ว

เมื่อค้นพบความสุขของตัวเองแล้ว คุณพบว่าอะไรคือความคลี่คลายที่ไม่เคยคิดถึงมาก่อน

ความมีอีโก้ครับ เมื่อก่อนผมมีความคิดนี้ติดตัวมากๆ และเป็นความคิดที่น่ารังเกียจมากๆ ด้วย เช่น เมื่อก่อนที่ผมเห็นคนที่ไม่ได้ตั้งใจทำงานเลย แต่ตัวเขากลับมีคนติดตามผลงานเยอะ ผมจะรู้สึกว่าทำไมเขาเป็นคน idiot จัง หรือคนที่หน้าตาดีแค่นั้นไม่มีอะไรเลย ทำไมคนไปชอบหมอนั่นจัง หรือคนที่ชอบคนคนนี้เพราะเขาแค่เตะฟุตบอลเก่งแค่นี้เองเหรอ จนผมพบสิ่งที่เรียกว่าการตื่นรู้ของตัวเอง ผมเริ่มมองภาพที่กว้างขึ้นและผมว่าคนที่น่ารังเกียจคือตัวเองที่มีความคิดแบบนั้น และผมก็คลี่คลายความคิดนั้นออกไปได้ แต่ความมีอีโก้ในบางเรื่องเป็นสิ่งที่เราต้องมีด้วยเหมือนกัน เช่น เราจะเป็นคนอะไรก็ได้ไปเสียทุกอย่างไม่ได้ เราต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเราด้วย เมื่อก่อนผมเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองขนาดจะเลือกคณะเรียนยังต้องให้เพื่อนช่วยเลือกให้เลย (หัวเราะ) แต่ตอนนี้ผมมีความมั่นใจในตัวเองแล้ว ผมเชื่อว่าผมเลือกทางเดินได้ถูกแล้ว ต่อไปนี้ผมจะไม่ให้ใครมากำหนดทางเดินชีวิตของผมแล้ว

สำหรับวันนี้ที่ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวพร้อมทำลายความมั่นใจของเราลงไปได้ คุณมีคำแนะนำบ้างไหม

อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร เหมือนครั้งหนึ่งที่ผมเป็นเด็กหลังห้อง แล้วมองคนที่อยู่หน้าห้องที่เรียนที่เขาเก่ง หล่อ หน้าตาดี มีกิจกรรมเด่นๆ ทำ แล้วรู้สึกว่าเขาเจ๋งจังเลย แล้วก็เอาตัวเองไปเปรียบเทียบ สุดท้ายเราเป็นทุกข์เสียเอง พอผมรู้สึกชอบตัวเอง ผมก็เรียนรู้ถึงความแตกต่างในตัวคนแต่ละคน เช่น ถ้าให้คนแต่ละคนมาวาดรูปวงกลม ทุกคนก็วาดวงกลมของตัวเองที่องศาความเบี้ยวไม่เหมือนคนอื่นอยู่แล้ว ผมมองว่านี่เป็นความเจ๋งเฉพาะตัวของแต่ละคน ศิลปะจึงมีอยู่ในทุกสิ่งที่มีชีวิตหรือทุกอย่างของโลกใบนี้ ดังนั้นไม่ต้องไปมองว่าคนอื่นดีกว่าเราหรอก แต่จะทำได้หรือเปล่าเพราะการคิดแบบนี้มันยาก

การยอมรับตัวเองเป็นสิ่งที่ทำได้ยากแต่ต้องทำให้ได้

ใช่ มันยากที่จะยอมรับ โดยเฉพาะเรื่องการเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะมันเป็นกลไกของชีวิต สัญชาตญาณในตัวมนุษย์ทำให้เรามีการแข่งขัน สิ่งมีชีวิตต้องแข่งขันในหลายๆ เรื่องเสมอ มันคือส่วนหนึ่งของการพัฒนาและวิวัฒนาการ ผมเองก็แข่งกับตัวเอง แต่ก็สนุกกับการได้แข่งขันกับเพื่อนมากกว่า ตอนนี้ผมมีเพื่อนที่เป็นศิลปินหลายคน ผมอยากวิ่งแข่งกับพวกเขา มันสนุกดีนะ เพราะการแข่งขันกับตัวเองมันรู้สึกเหงา (หัวเราะ) คงเพราะผมเป็นมนุษย์สังคมด้วยก็ได้ เลยอยากช่วยผลักดันกันและกันไปเรื่อยๆ

ตลอด 30 ปี ที่ผ่านมาคุณคิดว่าเป็นการเลือกเส้นทางของตัวเองหรือเพราะชีวิตถูกลิขิตไว้แล้ว

ผมเป็นคนเลือกเอง ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองฟลุกหรือว่าใช้ดวงอะไรเลย ผมแลกวันนี้มาด้วยเลือด ผมทำงานหนักมาก ผมทำงานไม่หลับไม่นอนเลย ซึ่งแฟนผมจะเห็นตลอด สิ่งที่ผมทุ่มเททำให้ผมค้นพบตัวเอง เจอจุดหมายปลายทางที่จะไป พอเล่าออกมาอาจฟังเหมือนไม่นาน แต่ผมใช้เวลาทั้งหมดมาเป็นสิบปี และเป็นสิบปีที่ไม่มีความฟลุกเกิดขึ้นเลย ผมภูมิใจกับสิ่งที่ตัวเองทำไป และอยากส่งต่อเรื่องนี้ให้น้องๆ ที่กำลังตั้งใจทำงานของตัวเองอยู่ ซึ่งคุณก็ต้องใช้เวลาเหมือนกันเพราะของจริงต้องใช้เวลาพิสูจน์เท่านั้น


เรื่อง: ทรรศน หาญเรืองเกียรติ / ชุติมณฑน์ แก้วมี  ภาพ: สันติพงษ์ จูเจริญ

AUTHOR

PHOTOGRAPHER