ด้วยความที่ชอบอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น เราเลยคุ้นชินกับภาพตัวเอกบุกเข้าป่าไปเก็บตัวฝึกวิชา ยืนพนมมือนิ่งๆ ใต้น้ำตกที่ไหลซู่ บำเพ็ญตนอย่างแน่วแน่ ลดทอนความว้าวุ่นทุกรูปแบบเพื่อเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ บรรลุแก่นวิชา เลเวลอัพ แล้วไปปราบเหล่าร้ายต่อ พล็อตนี้มีเยอะจนเดาทางได้สบายมาก แต่เราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันมีอยู่จริง แถมการฝึกตนแบบนี้สืบทอดต่อเนื่องมากว่า 1,300 ปีแล้วด้วย!
ยะมะบุฌิ (Yamabushi) คือคำเรียกนักบวชที่อาศัยอยู่ในป่าแถบเทือกเขาเดะวะ เมืองท์ซึรุโอะกะ จังหวัดยะมะงะตะ พวกเขาใช้แนวทางฝึกตนสไตล์ฌูเก็นโด ซึ่งเป็นแนวคิดที่ผสมผสานทั้งพุทธ เต๋า ลัทธิบูชาภูติผีและภูเขาเพื่อเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ โดยเน้นเรื่องวินัยและวิถีแบบนักรบ เพื่อตามหาแก่นแท้และความสงบของจิตใจท่ามกลางความยิ่งใหญ่และเรียบง่ายของธรรมชาติ
โดยปกติแล้ว เหล่ายะมะบุฌิจะปลีกวิเวกออกจากสังคม บำเพ็ญตนกันเงียบๆ ในกลุ่มเล็กๆ ของตนเอง แต่บริษัท Megurun Inc. เล็งเห็นความเป็นไปได้ที่จะนำแนวทางนี้มาปรับใช้กล่อมเกลาจิตใจชาวเมืองที่แสนว้าวุ่น เขาจึงทำโครงการ ‘ยะมะบุฌิโด’ ขึ้นมา เป็นการสร้างคำใหม่เพื่อเรียกการฝึกตนที่ปรับให้คนทั่วไป (รวมไปถึงชาวต่างชาติด้วยนะ!) เข้าถึงได้ง่ายขึ้นโดยมีเป้าหมายคือการปล่อยวางความวุ่นวายต่างๆ เพื่อค้นหาและรู้จักตัวเอง เติมพลังทางจิตใจ เลเวลอัพทางอารมณ์ เพื่อกลับไปสู้ต่อในชีวิตจริง
หัวใจหลักในการฝึกคือ ‘กลับคืนสู่ธรรมชาติ หยุดคิด หยุดคาดหวัง จงสัมผัสด้วยความรู้สึก’ คอร์สนี้ได้รับการดูแลโดยมาสเตอร์ผู้สืบทอดรุ่นที่13 โดยตรง เขามองว่าคนสมัยนี้ยึดติดกับวัตถุและมีเรื่องที่ต้องคิดในหัวมากเกินไป สิ่งที่เหล่าผู้ต้องการทวงคืนพื้นที่ทางอารมณ์ต้องทำ คือการเดินป่านั่งสมาธิ สวดมนต์ เดินสมาธิยามค่ำคืน ฝึกจิตใต้น้ำตก รวมไปถึงการกระโดดข้ามกองไฟ! (และอื่นๆ อีกมากมาย)
อาจจะฟังดูโลดโผนและต้องการความห้าวหาญ แต่ที่นี่ยินดีต้อนรับคนทุกเชื้อชาติไม่เกี่ยงเพศสภาพ มีไกด์อธิบายเป็นภาษาอังกฤษด้วย แต่เขาบอกว่ามีพาร์ทที่ต้องการคำแปลนิดเดียวเพราะการฝึกส่วนมากเกิดขึ้นภายใต้ความเงียบ เน้นความรู้สึกและการสัมผัสผ่านประสบการณ์ตรงตอนนี้มีให้เลือกทั้งแบบ 3 วัน และ 5 วัน จะจัดแค่ปีละ 13 รอบ รอบละไม่เกิน 10 คน มีที่พักและอาหารให้พร้อม แม้อาหารระหว่างการฝึกจะเป็นมังสวิรัติแบบดั้งเดิมที่เน้นกินเพื่ออยู่ แต่หลังจบคอร์สมีอาหารท้องถิ่นโฮมเมดเซ็ตใหญ่รอแสดงความยินดีที่ลองพยายาม ยิ่งเมืองท์ซึรุโอะกะได้รับการแต่งตั้งเป็นเมืองแห่งความสร้างสรรค์ด้านอาหารจาก UNESCO ด้วย น่าจะเป็นการเก็บตัวเข้าค่ายสำหรับผู้ใหญ่ที่ทั้งสบายใจและกายแฮปปี้
ยะมะบุฌิโดเพิ่งเริ่มได้ไม่นาน ยังไม่รู้จะนำไปสู่อะไรบ้าง แต่เราแอบเอาใจช่วยลึกๆ เพราะถือเป็นอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่น่าสนใจศึกษาต่อมาก นอกจากจะช่วยสร้างความแข็งแรงทางอารมณ์ให้กับคนเมือง สะท้อนปัญหาเรื่องความเครียดของคนในสังคม ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น มีการคืนกำไร10% ให้ชาวบ้านและปันงบเพื่อใช้บูรณะสิ่งก่อสร้างและอาคารเก่าแก่ต่างๆ ในขณะเดียวกันก็ช่วยอนุรักษ์วิถีชีวิตและขนบธรรมเนียบแบบดั้งเดิมให้อยู่รอดต่อไปด้วย ถ้าทำแล้วรุ่ง น่าจะเป็นโมเดลที่ดีให้กับอีกหลายๆ วัฒนธรรมท้องถิ่นเล็กๆ ที่กำลังถูกกลืนหายไป
แต่ก็นั่นแหละ เขาบอกแล้วว่าอย่าคิดมาก