‘แมว’ สิ่งมีชีวิต 4 ขาหน้าขนที่วันหนึ่งไม่ทำอะไรนอกจากนอนและจ้องจะครองโลก แต่ถึงน่าหมั่นไส้แค่ไหน กลับมีคนอาสาเป็น ‘ทาส’ อย่างเต็มใจ จนเกิดเป็นลัทธิทาสแมวที่แฝงตัวอยู่แทบทุกวงการไม่เว้นแม้กระทั่งโลกของศิลปะ
ถ้าพูดถึงความตัวพ่อเรื่องคลั่งรักแมว ‘หลุยส์ เวน’ (Louis Wain) จิตรกรชาวอังกฤษคนนี้ไม่เป็นสองรองใคร ผลงานเกือบทุกชิ้นของเวนมีแมวเป็นตัวเอกของภาพ แต่แทนที่จะวาดรูปเหมือนธรรมดา เขากลับสร้างเอกลักษณ์ให้น้องเหมียวด้วยโทนสีฉูดฉาดและองค์ประกอบภาพที่ใครเห็นก็ต้องหยุดดู

เวนสร้างลายเซ็นให้ผลงานตัวเองด้วยการใส่อากัปกิริยาของคนเข้าไปในแมว พาเจ้า 4 ขาไปจิบน้ำชา เต้นรำ ล้อมวงสังสรรค์ ประหนึ่งเป็นคนในสังคมชั้นสูง รวมไปถึงผลงานไฮไลต์อย่างเซตภาพ The Kaleidoscope Cats ที่โดดเด่นด้วยลวดลายซับซ้อน สีสันฉูดฉาด และองค์ประกอบเรขาคณิตที่ดูเหนือจริง ว่ากันว่านี่คืองานในบั้นปลายชีวิตของเวน ช่วงที่เขาถูกอาการจิตเวชครอบงำ จากความปวดร้าวในจิตใจถูกถ่ายทอดผ่านผืนผ้าใบจนนำมาสู่สไตล์งาน Psychedelic Art ที่ทรงอิทธิพล

สำหรับเวน แมวไม่ใช่แค่สัตว์ที่เลี้ยงไว้แก้เหงา แต่มันเยียวยาโลกทั้งใบให้กลับมามีสีสัน สร้างชื่อให้เขาในฐานะจิตรกร อยู่กับเขาในลมหายใจสุดท้ายของชีวิต และแม้เขาจะจากไปแล้ว แต่ฉายา Psychedelic Cats ศิลปินผู้คลั่งแมวยังคงอยู่ ถึงขนาดมีการนำชีวประวัติของเขาไปถ่ายทอดในภาพยนตร์เรื่อง The Electrical Life of Louis Wain ในปี 2021 อีกด้วย
ตามไปรู้จักชีวิตที่เกิด แก่ เจ็บ และรักแมวแบบวนลูปของหลุยส์ เวนให้มากขึ้นกันเลย

Cats are my life’s work – Louis Wain
ปลอบประโลมด้วยแมว
เส้นทางการเป็นตัวพ่อทาสแมวของเวน ไม่ได้ถูกพระเจ้าขีดไว้ตั้งแต่เกิด แต่มันมาจากความบังเอิญในชีวิต ที่พลิกผันทำให้เขาเข้าไปคลุกคลีกับเจ้า 4 ขา จนเกิดเป็นความผูกพันที่ตัดไม่ขาด
หลุยส์ เวน เกิดและเติบโตในประเทศอังกฤษ และเริ่มเข้าสู่วงการศิลปะด้วยการเข้าเรียนใน West London School of Art จากนั้นก็เดินตามเส้นทางศิลปินมาเรื่อยๆ ผลงานในช่วงแรกของเขาเน้นวาดภาพวิวทิวทัศน์ธรรมชาติ และภาพสัตว์ทั่วๆ ไป โดยที่ไม่มีแมวอยู่ในวงโคจร
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญคือการแต่งงานกับ ‘เอมิลี่ ริชาร์ดสัน’ (Emily Richardson) สาวรุ่นพี่ที่อายุมากกว่าเขา 10 ปี ความรักที่ควรจะราบรื่นกลับมีอุปสรรคเมื่อเอมิลี่ป่วยเป็นวัณโรค ท่ามกลางความโศกเศร้าในโรงพยาบาล เวนได้รับเลี้ยงแมวตัวหนึ่งที่ชื่อว่า ‘ปีเตอร์’ และวาดภาพมันเป็นของขวัญให้กับภรรยาที่นอนป่วย ความน่ารักของแมวในภาพสร้างรอยยิ้มให้กับเอมิลี่ในบั้นปลายของชีวิต

ถึงแม้ภาพวาดแมวในวันนั้น จะไม่สามารถรักษาชีวิตของภรรยาเขาได้ แต่ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ในเส้นทางศิลปินของเวน เขาสร้างโลกในอุดมคติผ่านแมวที่เป็นตัวเอก พามันทำกิจกรรมที่เหมือนกับมนุษย์ จับเจ้าเหมียวมาร้องเล่น เต้นรำบนผืนผ้าใบ จนเกิดเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร และสร้างชื่อเสียงให้กับเขาในฐานะศิลปินผู้วาดแมว
แมวที่ไม่ใช่แค่แมว
แมวอาจเป็นสัตว์ 4 ขาจอมหยิ่งสำหรับใครหลายคน แต่สำหรับหลุยส์ เวน เขามองความไม่สนโลกเหล่านั้นเป็น ‘ความน่าสนใจ’ ทั้งท่าทาง พฤติกรรมที่มองเผินๆ เหมือนจะคาดเดาไม่ได้ แต่ความจริงแล้วมันซ่อนเจตนาที่เราไม่รู้เอาไว้
เวนเชื่อว่าแมวมีอารมณ์และความรู้สึกไม่ต่างจากมนุษย์ นี่จึงเป็นสาเหตุที่เขาใส่บุคลิกของคนเข้าไปในแมว ประกอบกับอิทธิพลของการ์ตูนภาพประกอบในช่วงยุคนั้นที่หนังสือเด็กมักจะให้สัตว์แต่งกายเป็นคนและเป็นตัวดำเนินเรื่อง ทำให้เวนวาดภาพแมวในลักษณะเหมือนมนุษย์ ปกปิดขนนุ่มฟูด้วยชุดสูทตามแฟชั่นยุควิกตอเรีย และเปลี่ยนหน้านิ่งไร้อารมณ์ ให้แสดงความรู้สึกออกมาผ่านดวงตา

ไม่ว่าจะ The Bachelor Party ปาร์ตี้สละโสดของสุภาพบุรุษแมวที่ล้อเลียนการปาร์ตี้ของเหล่าคุณผู้ชาย, A Kitten’s Christmas Party งานเลี้ยงวันคริสต์มาสของแก๊งเหมียวที่เหล่าแมวยืน 2 ขา เต้นรำทำเพลงกันเหมือนมนุษย์ หรือ The Naughty Kittens ห้องเรียนแมวที่มีนักเรียนตัวแสบกำลังถูกทำโทษ


ภาพวาดของเวนเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ราวกับมันกำลังเล่าเรื่องเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันของเหล่าเหมียวให้เราได้เข้าใจ เขาไม่ได้วาดแค่แมวที่เหมือนจริง แต่เลือกที่จะสื่อสารความรู้สึกของพวกมันผ่านลายเส้นที่คล้ายกับการ์ตูน เป็นการผสานความสมจริงเข้ากับโลกแห่งจินตนาการ สร้างแมวในผืนผ้าใบให้เป็นตัวแทนอารมณ์และจิตใจในก้นบึ้งของมนุษย์
ความฉูดฉาดที่แลกมากับอาการป่วย
แม้เซตภาพวาดแมวเสมือนคนของเขา จะสร้างชื่อให้เวนเป็นที่รู้จักในยุคนั้น แต่ในช่วงบั้นปลายของชีวิต จากลายเส้นนุ่มนวลอ่อนโยนเป็นระเบียบ กลับแปรเปลี่ยนเป็นความแข็งทื่อตรงไปตรงมา และถูกละเลงทับด้วยสีสันที่ฉูดฉาดจนราวกับเป็นคนละคนวาด
The Kaleidoscope Cats คือเซตภาพที่เป็นผลมาจากอาการป่วยเป็นโรคจิตเภท (Schizophrenia) ของเวน แมวในโลกอุดมคติกลายเป็นแมว Abstract ที่ไม่มีอยู่จริง เวนเลือกที่จะใช้เรขาคณิตมาเรียงต่อกันให้กลายเป็นภาพแมวที่ซับซ้อน พร้อมสร้างความโดดเด่นด้วยสีสันที่จัดจ้านสะดุดตา
องค์ประกอบของภาพเต็มไปด้วยความสับสน สะท้อนสภาพจิตใจของเขาที่ยุ่งเหยิง ดวงตาของแมวที่เคยยิ้มแย้ม กลับแข็งทื่อและดูเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด พลังงานลบที่ถูกถ่ายทอดออกมา สร้างความขนลุกและอึดอัดให้กับคนที่จ้องมอง

เวนใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลายของเขาที่โรงพยาบาลจิตเภท แต่แม้จะป่วยหนักขนาดไหน เขาก็ยังคงจับพู่กันวาดรูปแมว ราวกับมันเป็นเครื่องแสดงอารมณ์ความรู้สึกเพียงอย่างเดียวของเขา
เซตภาพวาดแมวของเวนอาจเห็นได้ทั่วไปในยุคนี้ แต่ถ้าย้อนกลับไปหลายร้อยปีก่อน ในยุคที่ศิลปะยังคงวนเวียนอยู่กับวิว ทิวทัศน์ และสังคมชนชั้นสูง การที่จิตรกรเลือกที่จะจรดพู่กันวาดภาพ ‘แมว’ สัตว์ที่ชาวอังกฤษในยุควิกตอเรีย (1837 – 1901) มองว่าเป็นลางร้ายนั้น ต้องใช้ความกล้าหลายเท่าตัว
หลุยส์ เวนทำลายกรอบความอคติของคนต่อแมว และสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับมัน จากตัวนำโชคร้าย กลายเป็นสัตว์ที่น่ารักน่าเอ็นดู เป็นเพื่อนสนิท 4 ขาของมนุษย์ที่แม้จะมีโลกส่วนตัวไปสักหน่อย แต่ก็ไม่เคยทิ้งเราไปไหน เสน่ห์พิเศษที่ไม่มีสัตว์ไหนในโลกเหมือนนี้เอง ที่ทำให้ลัทธิทาสแมวทรงพลังมาทุกยุคสมัย
I see cats in everything—joy, sadness, and madness.
They are the mirrors of my soul. – Louis Wain