6 แคมเปญโฆษณาทรงพลังที่อยากส่งกำลังใจให้เหล่า LGBTQ

Highlights

  • เนื่องในโอกาส pride month 'นริศพงศ์ รักวัฒนานนท์' ชวนชม 6 แคมเปญโฆษณาทรงพลังที่บอกเล่าเรื่องราวของ LGBTQ และยืนยันว่าการหยัดยืนร่วมกันจะเอาชนะการแบ่งแยกได้ในที่สุด

อีกครั้งและอีกปีที่เดือนแห่งการเฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศ หรือ pride month เดินทางมาถึง 

ภาพผืนธงสีรุ้งนับร้อยนับพันที่โบกพลิ้ว กลุ่มคนในเครื่องแต่งกายสีสันสดใสร่วมเดินขบวนอย่างรื่นรมย์ บ้างเต้นรำ บ้างชูป้ายสัญลักษณ์หรือข้อความอย่าง pride, love และอื่นๆ อีกมากมาย

เหล่านี้คือภาพยืนยันว่า ความหลากหลายคือเฉดสีสดใสที่ป้ายปาดให้โลกนี้สวยงามกว่าที่เคยเป็นมา และดูเหมือนโลกก็พร้อมจะเห็นด้วยกับสิ่งนี้จนค่อยๆ เปิดใจและกางอ้อมกอดต้อนรับ พร้อมโอบอุ้มพวกเขาอย่างกว้างขวางกว่าเดิม

แต่ท่ามกลางสีสันสดใสและทิศทางของการยอมรับในความหลากหลายที่ดูเหมือนกำลังมุ่งไปข้างหน้า เราคงต้องยอมรับว่า ยังมีกลุ่มคนอีกมากมายที่เลือกจะปฏิบัติต่อความต่างนี้ในฐานะ ‘ความผิดบาป’ ‘ความน่าละอาย’ และอีกหลายคำจำกัดความที่กลายเป็นสิ่งที่กดทับกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศไว้

บางคนเผชิญการเลือกปฏิบัติ บางคนพบกับความประสงค์ร้าย ทั้งทางกาย วาจา และใจ

นับจากการกำเนิดขึ้นของ pride month และการตระหนักถึงสิทธิของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ หลากหลายวงการในอุตสาหกรรมโลก ไม่ว่าจะเป็นกีฬา สื่อ การเมือง ศิลปะ และอื่นๆ อีกมากมาย ได้ก้าวออกมาสนับสนุนกลุ่มคนเหล่านี้ด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน

วงการโฆษณาก็เป็นหนึ่งในนั้น

ใช่ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะส่วนแบ่งการตลาด เม็ดเงินมหาศาล และสถิติที่ไม่อาจมองข้าม เช่น

  • จากสถิติปี 2015 กลุ่ม LGBTQ คือกลุ่มที่มีกำลังซื้อถึงเกือบ 1 ล้านล้านสหรัฐ หรือประมาณ 6.8 เปอร์เซ็นต์ของกำลังซื้อในสหรัฐฯ ทั้งหมด
  • แบรนด์ที่ปล่อยโฆษณาเกี่ยวข้องกับกลุ่ม LGBTQ มีสิทธิที่ยอดขายจะสูงขึ้นถึง 40 เปอร์เซ็นต์

การออกแคมเปญสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ ในเดือน pride month นั่นหมายถึงการได้พื้นที่ในสื่อ โซเชียลมีเดีย รวมไปถึงการพาภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ก้าวไปอีกขั้น จนนำไปสู่รางวัลและยอดขายท่วมท้น

หากเรายังเชื่อว่าในงานโฆษณาที่ดูเหมือนทำไปเพื่อตอบสนองต่อจุดประสงค์ทางการตลาดเพียงอย่างเดียวนั้น ยังแฝงข้อความที่มีความหมายและทรงพลังต่อการสนับสนุนกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ

เนื่องในโอกาส pride month เราขอรวบรวมงานโฆษณา 6 ชิ้นที่มีจุดประสงค์ในการสนับสนุนกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือกลุ่ม LGBTQ ในประเด็นและบริบทที่แตกต่างกันไป ในจุดนี้เราอาจต้องขอบคุณการตลาดและอำนาจของแบรนด์ที่ทำให้แต่ละงานนั้นได้รับการกระจายไปในวงกว้าง และ ‘พลัง’ ในงานที่ว่าก็ได้ส่งต่อมาถึงพวกเขาทุกคนในวันนี้

‘พลัง’ ที่ทำให้รู้ว่าพวกเขาไม่ได้อยู่คนเดียว

ไม่สิ จริงๆ แล้ว ไม่ใช่แค่ไม่ได้อยู่คนเดียว แต่ยังมีคนที่พร้อมจะสนับสนุนและพาพวกเขาก้าวเดินไปพร้อมกันในวันที่ทางข้างหน้ายังคงอีกยาวไกลเหลือเกิน

ทั้ง 6 ชิ้นนั้นจะมีงานไหนบ้าง เรามาดูกัน


01 

Coca-Cola – #ยิ่งเปิดใจยิ่งใกล้กัน

เริ่มด้วยงานจากประเทศไทยกันก่อน แม้ในหนังโฆษณานี้เรื่องของ LGBTQ จะเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของบริบทและเมสเซจที่น่าสนใจมากๆ 

Coke ต้องการจะบอกกับคนว่า การที่เราเปิดใจคุยกันตรงๆ บางทีมันน่าจะดีกว่าการอมพะนำ ไม่พูดกัน และเก็บความรู้สึกนั้นไว้ในใจ ซึ่งรังแต่จะเป็นการกัดกร่อนความสัมพันธ์ระหว่างกันเสียมากกว่า ซึ่ง Coke ก็เลือกที่จะบอกเล่าเมสเซจนี้ผ่านเด็กหนุ่ม 2 คน – ใช่ พวกเขาเป็นแฟนกัน และคนที่ควรรู้แต่ก็ไม่อยากให้รู้ที่สุดในเวลาเดียวกันก็คือ ‘แม่’ ของพวกเขา

เขาจะบอกแม่ไหม บอกแล้วแม่จะมีปฏิกิริยาอย่างไร ขอให้ลองดูกันเอง


02 

ANZ – #HoldTight

สำหรับชาว LGBTQ นั้น แม้การแสดงความรักเล็กน้อยแสนสามัญอย่างการ ‘จับมือ’ ก็ดูเป็นเรื่องน่าละอาย ทำให้คู่รักเพศเดียวกันหลายคู่หรือในรูปแบบที่สังคมมองว่าผิดปกตินั้น มักจะไม่จับมือกันเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ

ANZ ในฐานะธนาคารที่สนับสนุนความหลากหลายทางเพศมาตลอด จึงอยากจะบอกกับกลุ่มคน LGBTQ ว่า

‘เมื่อใดที่คุณอยากจะปล่อยมือ จงกุมมือกันให้แน่นกว่าเดิม’

จากเมสเซจนี้จึงกลายเป็นหนังโฆษณา #HoldTight ที่มีวิธีการเล่าแสนเรียบง่าย ทว่าสร้างอิมแพกต์จนสามารถคว้ารางวัล Cannes Lion ปี 2017 ในหมวด Film ไปได้อย่างงดงาม


03

Sunsilk – Hair Talk

กลับมาที่งานไทยอีกสักหนึ่งงาน งานที่เรียกทั้งเสียงชื่นชมและน้ำตาของคนที่ได้ดู ต่อให้คุณจะเรียกตัวเองว่า LGBTQ หรือไม่ก็ตาม หนังโฆษณาที่สร้างจากเรื่องจริงของ ร็อค–ขวัญลดา รุ่งโรจน์อำภรองมิสทิฟฟานี่ฯ ปี 2017 กับชีวิตที่รู้ดีว่าอยากเป็นผู้หญิงมาตั้งแต่เด็ก จึงต่อสู้ฝ่าฟัน ผ่านคอนฟลิกต์หลากหลายทั้งจากกรอบปฏิบัติ ระเบียบของสังคม

และที่ยากลำบากที่สุด – กำแพงระหว่างเธอและพ่อ

ความพิเศษของหนังเรื่องนี้คือการเล่าผ่าน ‘เส้นผม’ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนความมั่นใจของร็อค และยังลงล็อกกับ Sunsilk ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมอย่างไม่มีที่ติ ด้วยความสมบูรณ์แบบของการเล่าเรื่องและการพาแบรนด์เขยิบไปอีกขั้น งานโฆษณาจากไทยเรื่องนี้จึงคว้ารางวัล Cannes Lion ปี 2018 ท่ามกลางเสียงปรบมือและเสียงสูดน้ำมูกเบาๆ

*คำเตือน โปรดวางทิชชู่ไว้ใกล้ตัวก่อนดู*


04

Gillette – First Shave, the story of Samson

ไม่ว่าจะที่ไหน ตอนไหน อย่างไร การโกนหนวดครั้งแรกของคุณพิเศษเสมอ

เนื่องในโอกาส pride month นี้ Gillette แบรนด์ขายผลิตภัณฑ์โกนหนวดสำหรับผู้ชาย อยากจะถ่ายทอดความพิเศษนี้ให้พิเศษยิ่งขึ้นไปอีก โฆษณาตัวนี้เลยนำเสนอภาพของ ‘ชายข้ามเพศ’ ที่กำลังจะโกนหนวดครั้งแรก โดยมีคุณพ่อของเขาคอยสอนให้อย่างใกล้ชิด

นอกจากจะได้ซีนในฐานะแบรนด์แรกที่นำผู้ชายข้ามเพศมาโกนหนวดแล้ว Gillette ยังได้ใจคนทั้งโลกไปเต็มๆ ในฐานะแบรนด์ที่ก้าวข้ามกรอบของเพศกำเนิดไปสู่การดูแลผู้ชายทุกคนอย่างเท่าเทียม


05

MGM Resorts  UNIVERSAL LOVE

เพลงรักกว่า 99.99 เปอร์เซ็นต์เป็นเพลงรักของคนรักต่างเพศ แต่ทำไมต้องเป็นอย่างนั้นล่ะ?

MGM Resorts รีสอร์ตเจ้าดังในลาสเวกัส (เมืองที่นอกจากจะขึ้นชื่อในฐานะเมืองแห่งการพนันยังได้รับสมญานามว่า ‘มหานครแห่งการแต่งงาน’ อีกด้วย) อาจจะไม่ใช่คนแรกที่ตั้งคำถาม แต่พวกเขาเป็นเจ้าแรกที่ลงมือทำอะไรบางอย่าง

โดยร่วมมือกับ Legacy Recordings นำเพลงสุดฮิตในงานแต่งงานที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักหญิง หญิงรักชาย มาปัดฝุ่นใหม่ โดยเปลี่ยนเนื้อหาของเพลงให้กลายเป็นเพลงสำหรับคนรักเพศเดียวกันเสียเลย!

ยกตัวอย่างเช่น I Need A Man To Love ของ Janis Joplin ก็ถูกเปลี่ยนเป็น I Need A Woman To Love จากหญิงสาวที่ร่ำร้องหาชายหนุ่มกลายเป็นหญิงสาวที่โหยหาหญิงสาวด้วยกันมาเติมเต็มในห้วงรัก

นอกจากนี้ เพลงเหล่านี้ยังถูกขับร้องโดยศิลปินที่สนับสนุนความหลากหลายทางเพศ เช่น Bob Dylan, Kesha และตัวพ่อตัวแม่อีกมากมาย เป็นการสนับสนุนที่สวยงามและอาร์ตถึงแก่นจริงๆ


06

Rethink Agency  The Pride Shield

ขอปิดลิสต์ด้วยงานชิ้นที่เราชอบที่สุด อย่างที่กล่าวข้างต้นยังมีอีกหลายประเทศเหลือเกินในทั่วทุกมุมโลกที่การมีเพศสภาพที่แตกต่างจากเพศกำเนิดหรือการรักเพศเดียวกันยังเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ดังนั้นการใช้กำลังทำร้ายบุคคลเหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของใครหลายคน

ถ้าเรา – กลุ่ม LGBTQ ทั่วโลก ลุกขึ้นต่อต้านโดยพร้อมเพรียงกันล่ะจะเป็นอย่างไร ?

Rethink เอเจนซีโฆษณาจึงสาธิตสิ่งนั้นออกมาเป็นภาพ โดยการใช้ธงสีรุ้ง 193 ผืนซึ่งแต่ละผืนแทนค่าแต่ละประเทศบนโลกนี้มาวางเรียงกัน แล้วใช้ปืนยิง ผลที่ได้คือกระสุนทะลุ แต่ถึงจุดหนึ่งมันก็หยุดและร่วงหล่นลง

นั่นคือสิ่งที่ Rethink ต้องการจะบอก หากเรารวมกันแสดงพลังอย่างหนาแน่น วันหนึ่งความรุนแรงทั้งปวงจะหยุดลง

ด้วยมุมมองที่แตกต่าง วิธีเล่าอันมีชั้นเชิง บวกด้วยเมสเซจอันแสนทรงพลัง เราจึงขอเทใจให้ทั้งดวง เป็นอันดับหนึ่งในลิสต์ด้วยประการนี้นี่เอง

AUTHOR