THE ZOOKEEPER

สวนสัตว์ยังเป็นสถานที่ยอดฮิตสำหรับคนทุกเพศทุกวัยเสมอ
อะไรจะสนุกไปกว่าเดินเล่นไปพลางชี้นกเจอไก่ ชี้ไม้เจอลิงชิมแปนซี
นี่ยังไม่รวมสัตว์แปลกๆ หรือสัตว์ดุร้ายที่เราคงไม่มีโอกาสได้ใกล้มันแค่กระจกใสกั้น
แต่ถึงสวนสัตว์จะอนุญาตให้เราป้อนอาหารสัตว์กับมือหรือยืนจ้องตางูเหลือมได้นานๆ ก็คงไม่มีใครรู้จักและรู้ใจเหล่าสัตว์ได้ดีไปกว่าพนักงานบำรุงสัตว์
หรือ Zookeeper ที่ใช้เวลาอยู่กับสัตว์เหล่านี้มากกว่าลูกเมียตัวเองซะอีกแล้วล่ะ

ว่าแต่ Zookeeper คือใครกัน?

1. มีสัตว์ป่าเป็นลูกเป็นหลาน
หน้าที่ของคีปเปอร์ไม่ใช่แค่คนป้อนอาหาร
แต่ยังครอบคลุมตั้งแต่เช็กจำนวนสัตว์ว่าอยู่ครบดีหรือไม่ จดจำชื่อและอุปนิสัยของสัตว์ให้ได้ทุกตัวแม้จะเป็นนกฟลามิงโกที่เรามองยังไงก็หน้าตาเหมือนกัน
หมั่นสังเกตและตรวจเช็กสุขภาพเบื้องต้นว่าตัวไหนเศร้าซึม แยกตัวออกจากฝูงรึเปล่า
ถ้าเจอก็ต้องรีบแจ้งให้สัตวแพทย์มาดูอาการต่อ พูดง่ายๆ
คีปเปอร์ก็เหมือนเจ้าของสัตว์ที่ต้องเลี้ยงพวกมันให้กินดีอยู่สบาย
เจ็บไข้ก็พาไปหาหมอนั่นแหละ

2. ห้ามแพ้ตั้งแต่หน้ากรง
คนเป็นคีปเปอร์ต้องมาพร้อมนิสัยรักสัตว์
ชอบอยู่กับธรรมชาติเป็นทุนเดิม แต่แค่พกคุณสมบัติสองข้อนี้มากรอกใบสมัครนั้นยังไม่พอ
ตามระเบียบก็ต้องสอบทั้งข้อเขียนเรื่องความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับสัตว์และสวนสัตว์นั้นๆ
ส่วนภาคปฎิบัติ คีปเปอร์ทุกคนต้องจับงูให้ถูกวิธี ปีนต้นไม้ไล่ลิงได้
ว่ายน้ำพายเรือในบึงให้คล่อง ตอนสอบคณะกรรมการรวมไปถึงรุ่นพี่คีปเปอร์เก่าๆ จะเช็กละเอียดตั้งแต่วิธีเดินเข้าออกกรง
เพราะถ้าเดินผิดวิธี สัตว์ก็จะวิ่งตามหลังและอาจหลุดรอดไปได้

3. สัตว์เลือกนาย
คีปเปอร์ไม่ได้เป็นคนเลือกสัตว์ที่ต้องดูแล
แต่นิสัยส่วนตัว สกิลที่จำเป็นต่อการเลี้ยงสัตว์นั้นๆ จะเป็นตัวบอกความเหมาะสมเอง ถ้าพื้นฐานเป็นคนละเอียดใจเย็น
ให้ไปดูแลนกหรือสัตว์ปีกขนาดเล็กที่มีจำนวนเกินร้อยและใช้เวลาในการฝึกนานกว่าจะออกโชว์ได้น่าจะเข้าท่า
ส่วนสัตว์ดุร้ายอย่างเสือ สิงโต ฮิปโปโปเตมัส ความกล้าและใจถึงเป็นคุณสมบัติจำเป็น
เพราะหน้าที่ของคีปเปอร์คือใกล้ชิดสัตว์ให้มากที่สุดเพื่อจะได้สังเกตพฤติกรรมว่าช่วงนี้ติดสัด
หรือหงุดหงิดรึเปล่า

4.
หนีให้ได้ถ้านายแน่จริง
แผลนกจิก
รอยจระเข้กัด เป็นหลักฐานยืนยันการทำงานเกินร้อยที่คีปเปอร์แทบทุกคนมีติดตัว เพราะถึงจะคุ้นเคยเลี้ยงดูกันนานนับ
10 ปี แต่สัตว์ก็ยังมีสัญชาตญาณสัตว์ป่าและไม่ใช่ว่ามันจะอารมณ์ดีได้ทุกวัน (นึกถึงผู้หญิงในวันนั้นของเดือนสิ)
สกิลอีกอย่างที่คีปเปอร์ควรมีติดตัวไว้อุ่นใจดีคือฟุตเวิร์กที่คล่องตัวและรู้ทางหนีทีไล่ของส่วนจัดแสดงสัตว์ว่าต้องหลบเข้าช่องไหนถึงจะปลอดภัย
เพราะสัตว์เฉื่อยชาอย่างฮิปโปโปเตมัสเวลามันเคลื่อนตัวนี่
กะพริบตาทีเดียวก็มาอยู่ตรงหน้าแล้วนะ

5. เรียกเหมียวเหมียว
นกชื่อเหมียวก็มา
นอกจากจะตั้งชื่อฮิปโปว่าแม่มะลิ
เจ้านกเงือกบุ้งกี๋ หรือพี่หมีหมาชื่อมึน เพิ่มความคิวท์ให้นักท่องเที่ยวเรียกได้ถูกต้องแล้ว
ชื่อของสัตว์ทุกตัวยังเป็นสิ่งที่คีปเปอร์ สัตวแพทย์ และนักวิทยาศาสตร์สวนสัตว์ ใช้สื่อสารให้ตรงกัน
ชื่อยังเอาไว้ช่วยคีปเปอร์ตอนนับจำนวนสัตว์ด้วย
เพราะแค่ลองเรียกชื่อแป๊บเดียวเดี๋ยวพวกมันก็มา คีปเปอร์บางคนเลยเอาชื่อแฟนเก่ามาตั้งเป็นชื่อนกให้ชื่นใจเวลาเรียกหาซะเลย

6. ถ่ายทอดวิชาจากศิษย์พี่
เสือแต่ละชนิดชอบกินอะไร
นกยูงต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน เรื่องพวกนี้หาอ่านได้ง่ายๆ
โดยไม่ต้องเรียนจบทางสัตววิทยา
แต่เทคนิคการเข้าใกล้จระเข้ไม่ให้โดนฟาดหางว่าต้องเข้าตรงกลางลำตัวมันนะ
ถ้าไม่อยากโดนงูเหลือมฉกต้องอยู่ให้ห่างครึ่งหนึ่งของความยาวงู การรู้ใจสัตว์แต่ละตัวที่อุปนิสัยไม่เหมือนกันเลยนี่แหละที่ไม่มีมหาวิทยาลัยไหนเปิดสอน
คีปเปอร์รุ่นน้องเลยต้องเก็บเกี่ยววิชาจากรุ่นพี่ให้ได้มากที่สุดเพื่อ ‘เข้าสัตว์’ ให้ได้
คีปเปอร์รุ่นเก๋าบางคนมาขอฝึกงานที่สวนสัตว์ 9 ปีถึงจะเป็นพนักงานจริงๆ
ก็มี

7. อยู่บ้านสัตว์อย่านิ่งดูดาย
ห้องทำงานที่คีปเปอร์ใช้พักผ่อนและจัดเตรียมอาหารตามไดเอทการ์ดจะอยู่หลังส่วนจัดแสดง
แต่ส่วนที่ต้องดูแลให้สะอาดทุกวันจริงๆ กลับเป็นบ้านของสัตว์
และยังต้องตัดแต่งต้นไม้ โขดหิน พื้นดิน ให้ใกล้เคียงกับสภาพธรรมชาติที่สัตว์คุ้นเคยที่สุดด้วย
หากสังเกตว่าเสือขูดเล็บจนเปลือกไม้กร่อนก็ต้องยกขอนไม้ใหม่เข้ามาแทน แถมงานของคีปเปอร์ยังต้องดูแลไม่ให้นักท่องเที่ยวโยนอาหารแปลกๆ
ให้สัตว์กินอีกด้วยนะ

8. เหนื่อย แต่ก็ยอม
ที่ว่ามาอาจรู้สึกว่างานของคีปเปอร์ทั้งเหนื่อยแถมยังเสี่ยงอันตราย
แต่คีปเปอร์ทุกคนก็ยืนยันว่าเขาตื่นเช้ามืดมานับจำนวนค้างคาวที่หลับปุ๋ย โชว์ป้อนอาหารหมี
และแวะพูดคุยกับสัตว์ทุกตัวในสวนสัตว์ได้ไม่รู้เบื่อ “ถ้าวันไหนมันป่วยสิ
วันนั้นเราถึงจะเครียด ไม่มีความสุขทันที”

ขอบคุณ
สวนสัตว์ดุสิต
สพ.ญ.เสาวภางค์
สนั่นหนู (หัวหน้างานสุขภาพสัตว์)
เสนาะ
กิมปี (พนักงานบำรุงสัตว์)
สมพงษ์
สวัสดิ์นำ (พนักงานบำรุงสัตว์)
นพดล
ทิพย์ธัญญา (พนักงานบำรุงสัตว์)
นันทรัตน์
วงศ์ยืน (นักวิทยาศาสตร์สวนสัตว์)
มงคล
ส่งเสริมเจริญโชติ (วิทยากรฝ่ายการศึกษา)

ภาพ: ชนพัฒน์ เศรษฐโสรัถ

AUTHOR