“สุดท้ายแล้วความพยายามก็เพื่อตัวเราเองทั้งนั้น” จิ๊บ BNK48

Highlights

  • ถ้าเทียบกับเมมเบอร์คนอื่น BNK48 จิ๊บ‒สุชญา แสนโคต ถือว่าเป็นเมมเบอร์ที่มีคะแนนความนิยมในลำดับท้ายๆ แต่สิ่งที่โดดเด่นของเธอในช่วงหลังๆ คือการเป็นไอดอลด้านความพยายาม
  • หลังจากภาพยนตร์สารคดี BNK48 : GIRL DON’T CRY ออกฉาย ชื่อของจิ๊บเริ่มเป็นที่พูดถึงมากขึ้นจากความทุ่มเทของเธอ ซึ่งการคุยกันในครั้งนี้ เธอบอกเราว่าเธอรู้สึกดีใจมากกับกระแสของหนัง ในฐานะของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง การได้สร้างความสุขให้กับคนอื่นก็เป็นความสุขของเธอเช่นกัน
  • ถึงแม้ปัจจุบันกระแสความนิยมของเธอจะยังไม่ได้พุ่งสูง แต่จิ๊บยืนยันกับเราว่าเธอได้อะไรจากความพยายามเสมอ ที่สำคัญคือเธอยังไม่มีแผนจะจบการศึกษาตอนนี้เพราะยังอยากพัฒนาไปพร้อมกับเพื่อนๆ BNK48 ต่อไป

นับดูก็เป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้วที่เราได้รู้จักวงไอดอลเกิร์ลกรุ๊ป BNK48

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบัน BNK48 กลายเป็นกระแสสังคมไปแล้ว เรื่องราวของวงและประวัติของเมมเบอร์แต่ละคนถูกนำออกมาตีแผ่ในวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ แต่อย่างหนึ่งที่เราทุกคนน่าจะเห็นกันนั่นคือเมื่อพื้นที่หรือเวทีสำหรับพวกเธอมีจำกัด เมมเบอร์แต่ละคนจึงมีโอกาสออกมาปรากฏตัวได้ไม่เท่ากัน

ภาพยนตร์สารคดี BNK48 : GIRL DON’T CRY ที่เพิ่งจะลาโรงไป บอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี ในหนังเราจะได้ทราบถึงระบบคร่าวๆ ของวง BNK48 ผ่านการบอกเล่าของเมมเบอร์แต่ละคน เราจะได้เห็นว่าถึงแม้พวกเธอทั้งหมดจะเป็นเพื่อนกัน แต่การแข่งขันและระดับสูงต่ำในวงนั้นมีอยู่จริง ด้วยความนิยมที่นับออกมาเป็นตัวเลขจากโซเชียลมีเดีย รวมถึงการปรากฏตัวบนพื้นที่สื่อ ทำให้มีเพียงสมาชิกของ BNK48 บางคนเท่านั้นที่จะได้อยู่ในแสงสปอตไลต์ และที่เหลือจะต้องเสียสละไปอยู่หลังเวทีแทน

มีฉากหนึ่งในภาพยนตร์สารคดี BNK48 : GIRL DON’T CRY ที่เราเชื่อว่าถ้าใครได้ดู ทุกคนคงจะต้องจำได้เป็นแน่ เล่าแบบไม่สปอยล์ก็คือฉากนี้เล่าถึงความพยายามผ่านถ้อยคำของ ‘จิ๊บ BNK48’ หรือ ‘จิ๊บ‒สุชญา แสนโคต’ เมมเบอร์ที่เมื่อดูตามตัวเลข เราสามารถพูดได้ว่าความนิยมของเธอค่อนข้างน้อยกว่าคนอื่น รวมถึงกระแสข่าวที่มักจะเกิดขึ้นโจมตีเธอเป็นประจำในเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกที่ไม่เป็นไปอย่างที่คนอื่นหวัง เหตุผลเหล่านี้ส่งผลให้เธอมักจะถูกจัดวางไว้เป็นตัวสำรองมาโดยตลอด แต่คำพูดจากความรู้สึกของเธอใน BNK48 : GIRL DON’T CRY นั่นเองที่ทำให้ใครหลายคนภายนอกเข้าใจคนที่อยู่ข้างในมากขึ้น

“คนที่มาบอกหนูว่าพยายามไม่พอ หนูอยากรู้ว่ามันต้องพยายามขนาดไหนมันถึงจะพอสำหรับเขา”

ด้วยเหตุนี้เอง หลังจากที่หนังสารคดีเรื่องนี้ลาโรง เราคิดว่าคงจะดีถ้าเราได้คุยกับเธอต่ออีกสักหน่อยถึงเรื่องราวในภาพยนตร์และฟีดแบ็กที่ตามมา รวมถึงความรู้สึกนึกคิดของเธอในตอนนี้

เนื้อเพลงท่อนหนึ่งของ BNK48 กล่าวไว้ว่า ‘ความพยายามไม่เคยทำร้ายสักคนที่ตั้งใจ’

ดังนั้นตอนนี้ เรากำลังคุยกับจิ๊บด้วยความสงสัยที่ว่าจริงๆ แล้วความพยายามตลอดเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา

มันทำร้ายเธอบ้างหรือเปล่า

เหมือนว่าฉันนั้นเคว้งคว้างลอยไปกับเสียงเพลง

ยังคงบรรเลง ไม่มีวันเลือนลาง

เรานัดพบกับจิ๊บในวันที่เธอมีคิวขึ้นทำการแสดงที่เธียเตอร์ของ BNK48 พอดี

หลังจากโชว์เสร็จสิ้นและผู้ชมเริ่มทยอยออก เราจึงได้โอกาสคุยกับเธออย่างสบายๆ รอไม่นานจิ๊บก็ปรากฏตัวในชุดที่เพิ่งขึ้นแสดงและพกเอาพลังงานมาอีกเต็มร้อย เธอคุยกับเราอย่างออกรสบริเวณที่นั่งของคนดูหน้าเวทีนั่นเอง

“ไม่รู้ทุกคนเป็นไหมนะ เวลาก่อนขึ้นเวทีหนูก็จะเฉยๆ แต่พอขึ้นไปบนเวทีเท่านั้นแหละ มันเหมือนเวทีมีอะไรบางอย่าง พอเราได้เต้น ได้ร้อง มันทำให้เรามีพลัง” จิ๊บบอกเราด้วยน้ำเสียงที่ส่งพลังออกมาถึงเราอย่างง่ายดาย

“เรามีความสุขมากๆ บนเวที แล้วเราก็รู้ตัวว่า ไม่ว่าจะเวทีไหนก็อาจจะมีอีกหลายๆ คนที่ไม่รู้จัก BNK48 ดังนั้นเราก็แค่อยากเต้นไปเรื่อยๆ ให้คนเหล่านั้นเห็นเราแล้วมีความสุขไปด้วย”

เราฟังสิ่งที่จิ๊บบอกก็อดทำให้คิดไม่ได้ว่า ในความเป็นจริงนั้นช่างโหดร้ายกับความคิดของเธอเสียเหลือเกิน การที่เธอไม่เคยติดเซ็มบัตสึหรือมีคะแนนความนิยมไม่มากพอ ทำให้โอกาสในการส่งต่อความสุขของเธอนั้นน้อยลงไปด้วย ซ้ำร้ายกระแสเรื่องหน้าตาที่โจมตีเธอก็โหดไม่ใช่เล่น สิ่งเหล่านี้ทำให้เราสงสัยว่าเธอจัดการความขัดแย้งนี้ยังไง

“ท้อบ่อยเหมือนกัน” จิ๊บตอบทันทีพร้อมเสียงหัวเราะที่ฟังดูแล้วเราก็ได้แต่ยิ้มให้กำลังใจ

“เหมือนไม่ได้ผ่านมาแค่เกือบ 2 ปีเลย เหมือนผ่านมานานแล้ว มีหลายเรื่องที่เข้ามาในหัวเราแต่ละวัน คนเราถ้าเจออะไรขนาดนี้ก็มีคิดเหมือนกันนะว่าฉันจะทำยังดีเนี่ย จะรอดไหม (หัวเราะ) คอมเมนต์ที่เกิดขึ้นกับตัวหนูมันหลายแง่มุมมาก ดังนั้นเราต้องแยกแยะให้ได้ว่าเราต้องทำอะไร เราเป็นใคร พยายามไม่ใส่ใจมาก และบางครั้งเราก็ต้องปล่อยไปบ้าง

“ถ้าล้ม เราก็พยายามลุก อาจจะไม่ได้ลุกเร็วขนาดนั้นหรืออาจจะไม่ได้ลุกขึ้นมาได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่หนูก็พยายามค่ะ อยากลุกขึ้นมาทำสิ่งที่เราทำอยู่ต่อให้ได้ เราไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน เราแค่อยากให้ทุกคนมีความสุข”

แค่ช่วงแรกของการสนทนา เราก็ได้ยินคำว่าความพยายามแทบนับไม่ถ้วน

และเรื่องราวความพยายามของจิ๊บนี่เองที่ทำให้เธอเริ่มถูกพูดถึงขึ้นมา

เพราะไม่รู้ว่าเขานั้นในใจแอบคิดอะไร

ยังคงกังวลไม่แน่ใจในคำตอบนั้น

ฟีดแบ็กหลังจาก BNK48 : GIRL DON’T CRY เป็นยังไงบ้าง” เราเอ่ยถามด้วยความอยากรู้

“ดีใจนะคะ มีหลายคนเห็นว่าเราก็พยายามอยู่นะ เราไม่ได้นั่งเฉยๆ แล้วรอให้คนมาเห็น ดีใจที่ทุกคนชอบและดีใจที่เราเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้คนที่ไม่รู้จัก BNK48 เริ่มเข้ามาติดตาม”

ดูเหมือนสิ่งที่เธอพยายามสื่อสารจะส่งออกไปถึงผู้ชมจำนวนมากได้จริงๆ เราเกือบหลงลืมไปว่าหญิงสาวที่กำลังนั่งคุยกับเราด้วยความสดใสตอนนี้ เธอมีอายุแค่ 16 ปีเท่านั้น แถมเป็นวัยที่ 16 ที่ผ่านอะไรมามากมาย ดังนั้นเราคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เธอจะเติบโตได้มากกว่าคนวัยเดียวกันด้วยปุ๋ยเร่งโตที่เยอะขนาดนี้

แต่ผิดคาด เธอกลับมองว่าเธอเองก็เป็นเหมือนคนอื่นทั่วไปนั่นแหละ

“เราก็เป็นแค่หนึ่งคน หนึ่งคนที่เหมือนนิทานหนึ่งเรื่อง พวกเราต่างมีเรื่องราวไม่เหมือนกัน ของหนูอาจจะเป็นนิทานที่แค่พลิกหน้ากระดาษ เรื่องราวก็เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาก ถ้าถามว่านิทานเล่มนี้มันหนักไหม มันก็หนักสำหรับหนูนะ แต่ถ้าถามว่าคนอื่นที่ไม่ได้เป็น BNK48 เขาหนักน้อยกว่าไหม หนูคิดว่าไม่ใช่ เรามีความหนักคนละแบบ เรื่องที่หลายคนเครียด บางทีหนูก็ไม่เครียด ดังนั้นหนูรู้สึกว่าเราแค่เครียดกันคนละแบบ สิ่งสำคัญคือเราต่างเป็นกำลังใจให้กันก็พอ

“ในงานจับมือก็มีคนมาถามและให้กำลังใจหนูเยอะมาก ดีใจมากที่เราเป็นไอดอลของเขาในแง่ความพยายาม หลายคนบอกหนูว่าเวลาเขาเห็นหนู เขาก็จะมีแรงทำงาน ดังนั้นสำหรับเด็กที่มาจากไหนก็ไม่รู้แล้วทำให้คนอื่นมีพลังและมีความสุขได้ แค่นี้หนูก็ดีใจมากแล้ว

“มันเป็นอะไรที่แบบว่าโอ้ มาย ก็อด” เธอพูดและหัวเราะพร้อมกับแอ็กชั่นท่าทางราวกับเล่นละครเวที

เราหัวเราะตามเธอและรู้สึกว่ามาตรวัดความสุขของเรามันสูงขึ้นมานิดๆ

เพราะยังไงก็ต้องเสี่ยง รักไม่รักก็ต้องเสี่ยง

Come on Come on Come on Come on Baby

ถึงแม้ปัจจุบันจิ๊บจะไม่ติดเซ็มบัตสึสักที รวมถึงคะแนนความนิยมที่ถึงแม้จะเพิ่มขึ้นแต่ก็ยังไม่ได้สูงจนส่งให้เธอเป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่การก้าวเดินในเส้นทางสายไอดอลของเธอก็ยังคงเดินต่อ เธอยังคงพยายามเหมือนกับเมมเบอร์ทุกคนที่ก็พยายามในเป้าหมายที่แตกต่างกันไป

แล้วความพยายามในความหมายของเธอคืออะไร นั่นคือสิ่งที่เราสงสัย

“จริงๆ แล้วสุดท้ายหนูรู้สึกว่าความพยายามมันก็เพื่อตัวเองทั้งนั้น หนูไม่รู้เหมือนกันนะว่าแฟนคลับคิดกันว่ายังไง แต่หนูจะบอกเสมอว่าถ้าหนูไม่ติดเซ็มบัตสึอย่างที่ทุกคนหวังก็อย่าเสียใจ ตัวหนูเองอาจจะเสียใจบ้างแต่เราไม่อยากให้แฟนคลับของเราเสียใจเลย หนูอยากบอกทุกคนว่าถึงเราจะไม่ได้เป็นเซ็นเตอร์ เราอาจจะไม่ได้สมหวัง เราอาจจะดูเหมือนจะไม่ได้อะไรเลย แต่จริงๆ แล้วเราได้นะ

“เราได้หลายอย่าง ยกตัวอย่างหนูเองที่ชอบร้องเพลงและชอบเต้น การอยู่ที่นี่ก็ทำให้เราได้ทำสิ่งที่เราชอบแล้ว เราได้เพิ่มศักยภาพของตัวเองอีกต่างหาก การอยู่ที่นี่ทำให้เราได้อะไรหลายอย่างมากจริงๆ ถึงมีช่วงท้อหรือหมดไฟ แต่เดี๋ยวพลังมันก็มาใหม่” จิ๊บอธิบายให้เราฟังถึงแนวคิดที่เราแอบปรบมือให้ในใจ

ในความคิดของเรา การเป็นคนคาดหวังน้อยและเข้าใจสถานการณ์ตัวเองแบบจิ๊บ เราเชื่อว่าสองสิ่งนี้จะทำให้จิ๊บอยู่พัฒนาตัวเองและส่งต่อความสุขในฐานะ BNK48 ได้อีกนาน แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่กลัวว่าสุดท้ายการผิดหวังซ้ำๆ จะทำให้จิ๊บตัดสินใจจบการศึกษากับ BNK48 ไปในที่สุด

“ไม่ใช่ตอนนี้นะ” จิ๊บตอบข้อสงสัยของเราพร้อมพลังงานบวกเช่นเดิม

“ว่ายังไงดีล่ะ (นิ่งคิด) มันก็คงมีวันหนึ่งที่เราต้องแกรดฯ (จบการศึกษา) ไปอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เรายังอยากอยู่กับทุกคนใน BNK48 นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เราอยู่เลยนะ เราอยู่กับเพื่อนๆ มานาน และหนูรู้สึกว่าพวกเรายังไปได้มากกว่านี้อีก ดังนั้นเรายังอยากอยู่ตรงนี้และพัฒนาพร้อมๆ กันไปเรื่อยๆ”

ก่อนจากกัน เราโยนคำถามสุดท้ายให้จิ๊บได้ลองมองย้อนอดีต

“ถ้ารู้ว่าเข้ามาใน BNK48 แล้วจะเจอเรื่องราวทั้งหมดนี้ แล้วถ้าย้อนกลับไปเลือกได้ยังอยากจะเข้ามาเป็น BNK48 อยู่ไหม”

“หนูคิดว่าหนูก็คงเข้ามาอยู่ดี แต่เอาจริงๆ เราไม่รู้หรอกว่าเข้ามาแล้วจะเป็นยังไง ทุกอย่างมันต้องลองเสี่ยงดู เพราะอะไรรู้ไหม” เธอถามเรากลับพร้อมรอยยิ้มก่อนจะว่าต่อ

“เพราะยังไงก็ต้องเสี่ยง รักไม่รักก็ต้องเสี่ยง Come on Come on Come on Come on Baby”

“ให้คุกกี้ทำนายกัน”

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ปฏิพล รัชตอาภา

ช่างภาพอิสระที่สนใจอาหาร วัฒนธรรม และศิลปะร่วมสมัย มีความฝันว่าอยากทำงานศิลปะเล็กๆ ไปเรื่อย รวบรวมผลงานไว้ที่ pathipolr.myportfolio.com