Ten Drum Cultural Village : ตื่นตาตื่นใจกับโรงงานน้ำตาลที่ถูกเปลี่ยนผ่านเป็นลานกิจกรรมสร้างสรรค์

1

ผมค่อนข้างสับสนเล็กน้อยเมื่อถามไกด์ทัวร์ชาวไต้หวันว่าวันนี้เรากำลังจะไปเที่ยวที่ไหนกัน

“เรากำลังจะไปโรงงานน้ำตาล” ไกด์ตอบผมสั้นๆ ด้วยรอยยิ้ม

โรงงานน้ำตาลเหรอ ทำไมเราถึงต้องไปเที่ยวโรงงานน้ำตาลกันด้วยนะ นั่นคือคำถามที่ผมถามตัวเองในใจ ผมพอจะทราบอยู่บ้างว่าเมืองไถหนันที่ผมอยู่ตอนนี้นั้น เดิมทีในยุคที่ญี่ปุ่นเข้ามามีบทบาททางการเมือง เมืองนี้เป็นแหล่งผลิตน้ำตาลชั้นดี จากที่ผมคุยกับชาวเมือง พวกเขาบอกว่าถ้าใครได้เป็นเจ้าของโรงงานน้ำตาล คนคนนั้นจะถูกมองเป็นชนชั้นบนของเมืองทันที

แต่ทำไมเราถึงต้องไปเที่ยวโรงงานน้ำตาลกันด้วยนะ นั่นคือคำถามที่ผมกำลังจะพบคำตอบ

2

‘ใหญ่โคตร’ ผมนึกในใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า

เรามาถึง ‘โรงงานน้ำตาล’ ที่ไกด์บอกแล้ว แต่กับภาพเบื้องหน้า ใช้คำว่าโรงงานน่าจะไม่ถูกต้องนัก เพราะมันคือพื้นที่กว่า 47 ไร่ ที่ประกอบไปด้วยโรงงานเล็ก-ใหญ่หลายโรง ป้ายด้านหน้าแนะนำตัวกับเราว่าที่นี่คือ Ten Drum Rende Sugar Culture and Creativity Park หรือที่ชาวต่างชาติมักเรียกว่า Ten Drum Cultural Village

โรงงานน้ำตาลแห่งนี้เกิดขึ้นสมัยเดียวกับโรงงานน้ำตาลอื่นๆ ในเมืองไถหนัน ถ้านับดูแล้วโรงงานนี้มีอายุกว่า 80 ปี แต่เพราะพิษเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทำให้ต้องปิดกิจการไปเมื่อปี 2003 ในตอนนั้นมีโอกาสสูงมากที่โรงงานจะถูกยึดโดยธนาคาร แต่การเข้ามาของกลุ่มศิลปิน Ten Drum ก็ได้ช่วยชีวิตพื้นที่นี้ไว้

กลุ่มศิลปิน Ten Drum คือกลุ่มนักดนตรีพื้นถิ่นของไถหนันที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2000 พวกเขาสร้างศิลปะการแสดงและดนตรีโดยชูวัฒนธรรมที่โดดเด่นของเมืองไถหนันนั่นคือการตีกลอง กลุ่ม Ten Drum เข้ามาเป็นเจ้าของโรงงานน้ำตาลนี้เมื่อปี 2005 และเลือกที่จะดัดแปลงมันให้กลายเป็นหมู่บ้านทางวัฒนธรรมและลานกิจกรรมสร้างสรรค์อเนกประสงค์ โครงสร้างโรงงานเก่ายังคงถูกอนุรักษ์ไว้พร้อมการตกแต่งและดัดแปลงให้ทันสมัย หลายๆ พื้นที่ในเนื้อที่กว่า 47 ไร่นี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

3

ที่แรกที่ผมก้าวย่างเข้าไปคือโรงงานหลังหนึ่งที่มีปล่องไฟสูงสุดลูกหูลูกตา จากการประมาณด้วยสายตาน่าจะสูงประมาณตึก 5 ชั้น เดิมทีที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของสายพานการผลิตน้ำตาล แต่ปัจจุบันมันกลับบรรจุสไลเดอร์ที่สูงที่สุดในไต้หวันเอาไว้ ไกด์บอกกับผมว่าจากจุดสูงสุดลงมาถึงชั้นล่างใช้เวลาเพียง 5 วินาทีเท่านั้น (ฟังแล้วใจหล่นไปอยู่ตรงตาตุ่ม) ต้องบอกว่าสิ่งที่ไกด์บอกนั้นไม่ใช่เรื่องที่เกินจริงแต่อย่างใด เพราะหลังลองเล่นแล้ว ผมยกให้ที่นี่เป็นสไลเดอร์ที่ไวที่สุดและน่ากลัวที่สุดเท่าที่เคยเล่นมาเลยล่ะ (พูดแล้วยังขาสั่นไม่หาย)

ที่ที่สองที่ไกด์พาผมไปคือห้องเรียนเวิร์กช็อปสอนการตีกลอง ในห้องนี้มีกลองหลายร้อยตัวเรียงอยู่สำหรับผู้ที่อยากเข้ามาเยี่ยมชมและลองฝึกฝน วิทยากรสอนเราให้ตีกลองเป็นจังหวะตามเครื่องหมายที่อยู่หน้าห้อง ฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่นี่เป็นกิจกรรมที่ผมสนุกมากกว่าที่คิด การใส่แรงตีลงไปในแต่ละทีเหมือนได้ปลดปล่อยพลังบางอย่างและเสียงที่เกิดขึ้นก็สร้างความรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาจากข้างใน

หลังจากได้ฝึกตีกลองกันจนสะใจ ไกด์ก็พาผมไปยังสถานที่ไฮไลต์ของที่นี่ โรงละคร Tainan Dream Sugar Theatre คือโรงละครที่เกิดจากการดัดแปลงโรงงานขนาดใหญ่ให้กลายเป็นพื้นที่สำหรับทำการแสดงของกลุ่มศิลปิน Ten Drum หลายชิ้นส่วนและโครงสร้างยังถูกคงไว้แบบเดิมพร้อมต่อเติมให้กลายเป็นเวทีอลังการ

โชว์ที่ผมได้ชมตลอดครึ่งชั่วโมงเป็นโชว์ที่กลุ่มมักจะนำไปแสดงในเวทีระดับโลก ขอบอกเลยว่าคุณภาพของโชว์ก็อยู่ในระดับนั้นเช่นกัน จังหวะกลองและการแสดงที่พวกเขาสร้างขึ้นแม้จะไร้คำพูด แต่ผมเหมือนได้ยินเสียงพูดปลุกใจบางอย่างจากท่วงทำนอง สมแล้วกับที่โชว์พวกเขาเคยเข้าชิงรางวัลระดับโลกหลายรางวัล

จากการดัดแปลงพื้นที่ที่ผมเห็นตลอดครึ่งวันเช้า โรงงานน้ำตาลนี้บอกกับผมหลายๆ ครั้งว่าถ้าคุณมีพื้นที่และความคิดสร้างสรรค์มากพอ มันจะกลายเป็นอะไรก็ได้ ซึ่งที่ที่ผมมาเป็นจุดสุดท้ายเป็นเหมือนบทสรุปอย่างดี ผมกำลังเดินอยู่บนหลังคาของโรงงานที่สูงประมาณตึก 7 ชั้น ที่นี่ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นทางเดินสกายวอล์กโดยมีชิงช้าให้เล่นเป็นหมุดหมายสุดท้ายของการเดินทาง

ถ้าเรามองจากมุมนี้ เราจะเห็นพื้นที่ทั้ง 47 ไร่ของ Ten Drum Rende Sugar Culture and Creativity Park ผมมองเห็นอีกหลายจุดที่ผมไม่ได้เข้าไปสัมผัสเพราะเวลาที่ไม่อำนวย ยกตัวอย่างเช่น เวิร์กช็อปทำกลอง คาเฟ่ที่อยู่ดาดฟ้าของโรงงาน ทางเดินธรรมชาติ โรงงานที่บรรจุสนามเด็กเล่นไว้ข้างใน และร้านขายของที่ระลึก ถ้ามีเวลาทั้งวันผมคงอยู่ที่นี่ได้ยาวๆ เพราะมีกิจกรรมให้เลือกทำมากมายเหลือเกิน

4

ก่อนจากกัน ผมเอ่ยปากขอบคุณวิทยากรที่พาเราชมสถานที่ตลอดครึ่งวันและชื่นชมที่พวกเขาพัฒนาที่นี่จนโดดเด่นได้ขนาดนี้ เขายิ้มตอบผมก่อนตอบมาเป็นภาษาไต้หวันซึ่งไกด์แปลให้ผมฟังว่าสิ่งที่เขาทำ มันไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าความอยากเผยแพร่วัฒนธรรมท้องถิ่นให้คนภายนอกรู้ เพราะสำหรับเขามันคือความภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ผลักดันสิ่งนี้

ผมหลังกลับไปมองพื้นที่ 47 ไร่นี้อีกรอบ คราวนี้มันมีความหมายขึ้นมากเพราะผมเห็นภาพในอดีตที่ทับซ้อนกับความสร้างสรรค์ที่เกิดจากความตั้งใจในปัจจุบัน ทำเอาคิดเหมือนกันนะว่าเมืองไทยของเราก็น่าจะทำแบบนี้ได้ ขอแค่มีสักคนที่เริ่มต้นเหมือนกับที่กลุ่ม Ten Drum ได้ชุบชีวิตที่นี่ขึ้นมาอีกครั้ง

ใครที่แวะมาเมืองไถหนันและอยากสัมผัสประสบการณ์น่าตื่นตาตื่นใจ ผมขอแนะนำที่นี่ให้เป็นหนึ่งในจุดหมายที่ทุกคนควรมา ผมมั่นใจว่าที่นี่จะมัดใจทุกคนได้แน่นอน

Ten Drum Rende Sugar Culture and Creativity Park


address:
326, Wenhua Rd, Rende District, Tainan City
hour: 09.00 – 17.00 น.

AUTHOR