เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา (10 – 16 เมษายน 2559) ผมได้หนีไปเที่ยวอินเดียโดยมีเป้าหมายหลักคือ Zero Point ที่ North Sikkim ครับ ก็คนเมืองร้อนแบบเราๆ ใครบ้างจะไม่อยากไปลองเหยียบหิมะที่ตีนเทือกเขาหิมาลัยกันสักหนในชีวิต
กลุ่มผมมีทั้งหมด 11 คน มันคือ Group of Death ชัดๆ มีเรื่องให้เร้าใจได้ทุกวัน ตั้งแต่เจออุบัติเหตุจนเกือบตกรถไฟ นอนพื้นรถไฟแขกหนึ่งคืน หินถล่ม ดินสไลด์ รถจี๊ป (ของคนอื่น) ตกเหว ถนนปิดจนต้องอาศัยนอนบ้านฟาร์ม วิ่งหนีหินถล่มเหมือนฉากในหนังเรื่อง The Lord of the Rings ฝ่าพายุฝน ลูกเห็บ หิมะ หมอก และอ้วกแขก
เกริ่นมาเสียยาว เข้าเรื่องกันสักทีดีกว่า North Sikkim Highway จริงๆ ก็เป็นแค่ถนนเส้นหนึ่งที่เป็นทางผ่านเฉยๆ แต่พวกผมดันซวยต้องติดแหง็กอยู่ที่นี่ทั้งขาไปและขากลับ รวมๆ เกือบจะ 48 ชั่วโมง จากทางผ่านก็เลยกลายเป็นทางหลักของผมไปโดยปริยาย เรามาทำความรู้จักกับ North Sikkim Highway กันสักหน่อยนะครับว่าถนนเส้นนี้คืออะไร
ถนนเส้นนี้คือถนนเส้นหลักที่เชื่อม Gangtok เมืองหลวงของรัฐสิกขิมไปยังเมือง Lachung ซึ่งอยู่ตอนเหนือของสิกขิม ระยะทางประมาณ 120 กว่ากิโลเมตร เป็นถนน 2 เลนเล็กๆ เลียบหน้าผาที่มีความสูงตั้งแต่ 1,600 – 2,900 เมตรจากระดับน้ำทะเล ถนนเส้นนี้เล็กมาก พลาดนิดเดียวก็อาจจะลงไปนอนที่ก้นเหวได้เลย และด้วยความสูงขนาดนี้ก็คงไม่เหลือซากกลับไทยแลนด์แดนสยามแน่นอน
กลุ่มผมต้องใช้รถจี๊ป 2 คัน ไกด์พื้นที่ 2 คน และคนขับรถอีก 2 คน ตามกำหนดการ เราออกจาก Gangtok ตอน 10 โมงเช้า ก็ควรจะเดินทางถึง Lachung ประมาณ 6 โมงเย็น ถนนเส้นนี้ทั้งเส้นจะเลาะริมหน้าผาตลอดและข้างล่างหน้าผาจะเป็นแม่น้ำเส้นยาวที่ไหลลงมาจาก Zero Point วิวข้างทางสวยมาก สวยจนลืมไปเลยว่าเรากำลังวิ่งอยู่บนถนนลอยฟ้าเลียบเหว ระหว่างทางก็จะมีน้ำตกอยู่ 4 จุด มี 2 จุดที่สูงและใหญ่มากๆ แต่ตอนที่ผมไป น้ำค่อนข้างน้อยเลยไม่สวยเท่าไร ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ระหว่างทางส่วนใหญ่จะทำฟาร์มและเลี้ยงสัตว์ จึงเจอวัวและม้าเล็มหญ้ากันอยู่ตลอดสองข้างทาง เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเพราะเราก็มัวแต่ตื่นเต้นกับวิวถนนลอยฟ้า มองไปด้านข้าง ห่างไปไม่กี่เมตรก็มีเมฆลอยอยู่ข้างๆ ธรรมชาติที่สมบูรณ์ ทำเอาตื่นตาตื่นใจ ใครจะไปหลับลง
บรรยากาศดูชื่นมื่นใช่มั้ยล่ะครับ? แต่ความชื่นมื่นนี้ก็อยู่ได้ไม่นาน พอถึงครึ่งทางหลัง ฝนเริ่มตกหนัก หมอกเริ่มหนาตั้งแต่ช่วงด่านตรวจขึ้น North Sikkim ก่อนถึงที่หมายประมาณไม่เกิน 30 กิโลเมตรซึ่งจวนจะถึงอยู่แล้ว จากฝนปรอยๆ ก็เริ่มเปลี่ยนกลายเป็นฝนหนาและลูกเห็บในบางช่วง จนสักพักเราก็มาเจอรถติดนานมากจนผิดสังเกต Shing Shang คนขับรถสายแข็งของเราก็ไม่รอช้า แซงขวายาวๆ ไปดูเหตุการณ์แบบริงไซด์ แต่ผมไม่ได้นั่งคันนั้นนะ คนขับรถของผมชื่อ Dava ค่อนข้างใจเย็น เนิบๆ สโลว์ไลฟ์ ตรงข้ามกับ Shing Shang ชนิดหน้ามือกะหลังเท้า
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง รถหลายคันเริ่มกลับรถสวนลงมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งรถคันของกลุ่มเราด้วยที่สวนทางมา เพื่อนของผมตะโกนผ่านสายฝน ได้ยินไม่เป็นคำ แต่แว่วมาคำนึงว่า “รถตกเหวววว!!” หา! รถตกเหว ด้วยประการนี้รถผมก็กลับรถด้วยโดยพลัน จะกลับไปพักรอที่หมู่บ้านสุดท้ายที่เราผ่านมา ซึ่งขับมาได้ประมาณ 10 กิโลเมตรก็เจอรถติดอีกรอบ พร้อมด้วยรถทีมเรากลับรถสวนมาอีกรอบพร้อมเสียงเพื่อนคนเดิมตะโกนมาว่า “หินถล่มมม!!” หา! หินถล่ม ยังไงล่ะนี่ กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง
เรากลับรถกันอีกรอบ ย้อนมาสักพัก เพื่อหาที่จอดรถที่ดูว่าน่าจะปลอดภัยจากหินถล่ม ตอนแรกคิดว่าต้องนอนในรถ ปรากฏว่าบนความซวยยังมีความโชคดี ก่อนหน้านี้ รถอีกคันที่ Shing Shang เป็นคนขับก็พยายามลงไปช่วยรถคันที่โดนน้ำซัดตกเขา เหตุมาจากคนขับพยายามฝ่าดินถล่มแต่ไม่สำเร็จ รถไปติดหล่มกลางทาง คนขับเลยลงจากรถหาหินหาไม้มาหนุน Shing Shang ก็ลงไปช่วย ระหว่างที่กำลังหาหินหาไม้กันอยู่ น้ำซัดลงมาจากเขาพร้อมหินพัดรถลงไปแต่ยังดีที่ไม่มีใครในรถแล้ว แต่ Shing Shang ก็โดนหินกระแทกที่ขาได้แผลเหวอะอยู่เหมือนกัน รถทีมเราอีกคันก็รับคนขับรถคันที่ตกเหวขึ้นมาด้วย เขาเลยชวนเราไปพักที่บ้านฟาร์มของเขา คืนนี้ก็เลยมีที่ซุกหัวนอน
เราเดินตากฝนกันมืดๆ ผ่านถนนดินเล็กๆ แฉะๆ เข้าไปพักที่บ้านไม้เล็กๆ จำนวน 15 ชีวิต รวมทั้งยังมีเจ้าบ้านอยู่แล้วอีก 4 คน อบอุ่นมากๆ เจ้าของบ้านที่เสียรถไปทั้งคันยังอุตส่าห์ใจดีรีบหาที่นอนหาผ้าห่มมาให้ น่ารักมากๆ ส่วนไกด์ของเรากับคนขับรถก็รีบไปเอาผักที่ซื้อมาซึ่งตอนแรกจะเตรียมไปทำกับข้าวที่ Lachung ก็คงต้องเอามาทำที่นี่กันก่อนแล้วแหละ จากไกด์ก็แปลงร่างเป็นพ่อครัว ทำผัดผัก หุงข้าวให้เรากิน แต่คนที่มีอารมณ์กินข้าวมากที่สุดดูเหมือนจะมีแค่ไกด์ คนขับรถ ผมและเพื่อนอีก 3 คน เพราะเป็นพวกที่เป็นมิตรกับอาหารและอยู่อินเดียมานาน (ในกลุ่มเรามีสาวศิลปากร 2 คนที่เคยมาเรียนปริญญาโท 2 ปีที่ Santiniketan University ถ้าใครอยากรู้ว่ามหาวิทยาลัยนี้มีดีอะไร แนะนำให้ไปหาหนังสือ อินเดียใต้ต้นไม้ มาอ่านครับ) ส่วนคนที่เหลือยังไม่หายจากอาการอาหารเป็นพิษตั้งแต่วันก่อนหน้าก็นอนกันตั้งแต่ 2 ทุ่ม ส่วน Shing Shang ที่ขาเจ็บต้องเดิน 4 กิโลเมตรมืดๆ คนเดียว ลากขาพังๆ ไปทำแผล สตรองจริงๆ
กินกันเสร็จ ไกด์กับคนขับรถ 3 คนแยกไปนอนในรถ ส่วนเรา 11 คนนอนในบ้านฟาร์ม ตอนไฟจากเตาผิงยังไม่มอดก็อุ่นดี พอ 5 ทุ่มไฟจากเตาผิงเริ่มหมดเท่านั้นแหละ หนาวมากๆ ครับ ผมนอนริมประตูและไม่มีผ้าห่ม นอนไม่ได้จริงๆ ตื่นทุก 15 นาทีตั้งแต่เที่ยงคืนถึงตี 4 พอตี 4 ไกด์ของเราสองคนเปิดประตูเข้ามา ที่นี่สว่างเร็วมาก ตี 4 ฟ้าก็สางแล้ว พอตี 5 ไกด์ก็พาเดินแทร็กกิ้ง 4 กิโลเมตร เข้าหมู่บ้านไปหาอาหารเช้า
พอเดินออกจากบ้านแล้วหันหลับไปดู ไม่น่าเชื่อว่าพอเห็นตอนสว่างจะสวยมาก วิวห้องราคา 20,000 บาทต่อคืนผมว่าก็สู้บ้านไม้หลังเล็กๆ หลังนี้ไม่ได้ ระหว่างทาง 4 กิโลเมตรที่เราต้องเดินเข้าหมู่บ้าน เราไม่รู้สึกเหนื่อยกันเท่าไร เพราะอากาศเย็นและวิวสวยๆ ระหว่างทาง ทั้งน้ำตก ภูเขาที่ใหญ่มากรอบทิศทาง ชนิดที่บางลูกเรามองไม่เห็นยอดของมันด้วยซ้ำ
พอถึงหมู่บ้าน และเริ่มทานอาหารเช้าก็นั่งนึกในใจว่าเราจะไปถึง Zero Point มั้ยเนี่ย มานั่งเทียบว่าถ้าถนนที่ปายไปแม่ฮ่องสอนโดนหินถล่ม เห็นออกข่าวว่าปิดสามสี่วัน แต่พี่แขกที่นี่กลับทำผมผิดคาด กินข้าวเสร็จไม่ทันย่อย ปรากฏว่าพี่แขกเคลียร์ทางเสร็จแล้ว เบ็ดเสร็จใช้เวลาแค่ 3 ชั่วโมง เรารีบเดินทางกลับเพื่อไปที่รถ หลังจากนั้นเราก็เดินทางกันต่อจนไปถึง Lachung กันตอน 11 โมงเช้า ล้างหน้าล้างตา กินมาม่า ใส่ชุดหนาๆ และออกเดินทางจาก Lachung กันตอนเที่ยงซึ่งช้ากว่ากำหนดการไปมาก ผจญกับหมอกและหิมะเล็กน้อย แต่เราก็ยังสามารถไปถึง Zero Point ได้สำเร็จ
ตอนแรก ผมคิดว่ากลุ่มเรานี่ดวงซวยกันมาก เจอสารพัดภัยพิบัติขนาดไกด์บอกว่าทำมาตั้งนานยังไม่เคยเจออะไรแบบนี้ กลุ่มเรานี่แหละพีกสุดแล้ว แต่พอกลับมานั่งนึก ผมว่าเราโชคดีมากกว่าที่เกิดเหตุการณ์ขนาดนั้นก็ยังปลอดภัยกันทุกคน และถ้าเราไม่ติดอยู่ที่ถนนในวันนั้น ก็คงไม่ได้เจอวิวสวยๆ แบบใกล้ชิด ไม่ได้รู้จักกับชาวบ้านที่นั่น ที่คนไทยบอกว่าเจองูกะเจอแขกให้ตีแขกก่อน ผมบอกเลยว่าไม่จริง และก็คงไม่ได้มีโอกาสไปนอนในบ้านฟาร์มที่ตื่นเช้ามาเจอภาพภูเขาล้อมรอบตระการตา มีเมฆลอยผ่านหน้า ถ้าใครมีแพลนจะไป North Sikkim ซึ่งต้องผ่าน North Sikkim Highway ผมแนะนำให้อย่าได้คิดจะกินยาแก้เมาแล้วหลับไปเพื่อให้พ้นๆ แปดชั่วโมงอันทรมานบนรถจี๊ป อย่าได้ทำแบบนั้นเด็ดขาด
คุณจะพลาดสิ่งดีๆ ที่อยู่ระหว่างทาง
North Sikkim Highway
address: เริ่มต้นเส้นทางที่เมือง Gangtok สิ้นสุดที่เมือง Lachung ในรัฐสิกขิม
hours: เปิดตลอดเวลา
how to get there: ลงเครื่องที่เมืองกัลกัตตา ขึ้นรถไฟที่ Local Station ต่อรถไฟ 8 ชั่วโมงไปยัง Siliguri จากนั้นต่อรถจี๊ป 5 ชั่วโมงไปยัง Gangtok ต่อรถจี๊ปอีกรอบใช้เวลา 8 ชั่วโมงไปยัง Lachung
note: การที่เราจะไปสิกขิมได้ ต้องทำใบอนุญาตก่อนและต้องจ้างไกด์พื้นที่ ถ้าเป็นชาวต่างชาติ อย่างน้อยต้องมีสองคนขึ้นไป และไม่สามารถรวมกลุ่มกับคนอินเดียได้นะครับ เตรียมกลุ่มไปกันก่อนก็จะดีกว่าไปหากลุ่มเอาดาบหน้า
ใครอยากส่งเรื่องที่น่าเที่ยวมาลงเว็บไซต์ a day online คลิกที่นี่เลย