Cascade Saddle : เส้นทางเดินป่าแสนสวยคุ้มค่าเหนื่อยของนิวซีแลนด์

เคยไหมที่ภาพถ่ายหนึ่งใบดึงดูดใจให้เราออกเดินทาง
ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักสถานที่นั้นมาก่อน แต่มีความมั่นใจว่าสักวันหนึ่งเราจะต้องไปเยือนสถานที่แห่งนั้นให้ได้

ทริปนี้เกิดขึ้นจากการบังเอิญไปเจอภาพโปรไฟล์ในเฟซบุ๊กของเพื่อนคนหนึ่ง
ยืนนิ่งๆ บนจุดสิ้นสุดของทางเดิน ฉากหลังเป็นภาพภูเขารูปทรงพีระมิดตั้งตระหง่าน
เบื้องล่างเป็นหุบเขามีลำธารไหลผ่าน ใจเต้นตุ๊บตั๊บๆ ให้ความรู้สึกราวกับว่าเราอยู่ตรงนั้นกับเขาด้วย
ทั้งสวยทั้งหวาดเสียว

สอบถามได้ความว่าที่มาของภาพถ่ายใบนี้มาจากเส้นทางเดินป่าที่ชื่อว่า
Cascade Saddle เชื่อมระหว่าง West Matukituki (Wanaka) กับ Rees-Dart Track (Glenorchy) การเดินทางจากเมือง Wanaka ถึงจุดเริ่มต้นทางเดินที่ The Raspberry Creek Car Park ระยะทางรวม 54 กิโลเมตร หากใครมีเวลาไม่มาก
มีเส้นทางเดินป่าสั้นๆ 5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 1.5 – 2 ชั่วโมงจากที่จอดรถ ชื่อ Rob Roy Glacier ซึ่งเปิดประสบการณ์ให้เราได้สัมผัสธารน้ำแข็ง น้ำตก
และวิวภูเขาสูงแบบใกล้ชิด

หากใครที่มีประสบการณ์เดินป่ามาก่อน
และมีเวลาหน่อยที่
Mt. Aspiring National Park ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่อง The Lord of the Rings มีเส้นทางเดินป่าที่น่าสนใจหลายเส้นทาง
เช่น Liverpool Hut, French Ridge Hut และ Cascade Saddle เป็นต้น สำหรับนักพิชิตยอดเขา ขอแนะนำ Mt. Aspiring ได้ชื่อว่าภูเขาที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของนิวซีแลนด์ ความสูง 3,033 เมตร ได้รูปสามเหลี่ยมพอดิบพอดี ซึ่งไม่ว่าจะเลือกเส้นทางไหน
ที่หมายแรกที่ต้องไปให้ถึงคือ Aspiring Hut ที่พักค้างแรมของ
New Zealand Alpine Club ตั้งอยู่กลางหุบเขา
ล้อมรอบด้วยวิวภูเขา มี 38 เตียงนอน ได้รับความนิยมสำหรับคนทุกกลุ่มพราะเป็นเส้นทางเดินป่าที่เข้าถึงง่าย
ส่วนใหญ่เดินบนทางราบ
ผ่านฟาร์มวัวของเกษตรกร ระยะทาง 9 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางแค่ 2 ชั่วโมง

Cascade Saddle เป็นเส้นทางเดินป่าที่เหมาะสำหรับช่วงหน้าร้อนของทุกปี
(พ.ย. – เม.ย.) หากเป็นฤดูอื่นๆ
จะต้องมีประสบการณ์การเดินป่า มีอุปกรณ์และการเตรียมความพร้อมที่เหมาะสม เพราะนอกจากจะมีชื่อเสียงด้านความสวยงามของวิวทิวทัศน์แล้ว
อีกด้านหนึ่งก็ถือว่าเป็นเส้นทางสายมรณะที่มีอัตราการตกเขาและมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในนิวซีแลนด์
ได้ชื่อว่าเป็น track ที่อันตรายติด 1 ใน 20 ของโลก

เราออกเดินทางกันในช่วงปลายเดือนมีนาคม
อากาศกำลังดี ที่สำคัญมีเพื่อนร่วมทริป จุดมุ่งหมายของกลุ่มเราคือ ต้องการพิชิต Cascade Saddle ให้ได้ภายใน 1 วัน (เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ไม่อยากเคลื่อนย้ายรถ)
เพราะเส้นทางนี้พักค้างแรมที่ Dart Hut
ได้ และสิ้นสุดทางเดินที่ Glenorchy (Rees-Dart
Track) ระยะทางรวม 46 กิโลเมตร เดินทางกัน 4 – 5 วันเลยทีเดียว
พวกเราเลยเลือกเดินทางลัดไปกลับ 12 กิโลเมตร ออกเดินทางกันช่วงเช้า 8 โมง กะว่ากลับถึงที่พัก Aspiring Hut 2 ทุ่ม เดินทางกันแบบ 12 ชั่วโมงต่อเนื่อง

จาก Aspiring Hut ถึง The
Pylon (จุดสูงสุด) ใช้เวลา 4 ชั่วโมง ผ่านป่าไม้ น้ำตก ลำธาร
ฟังเสียงนกเคล้าเสียงน้ำ ให้ความรู้สึกสดชื่น ตลอดเส้นทาง สิ่งที่ต้องเตรียมใจก็คือความสูงและความชันที่ไต่ระดับความโหดขึ้นไปเรื่อยๆ

ใกล้จะพ้นเขตป่า
ภูมิประเทศเปลี่ยนเป็นทุ่งหญ้าแอลไพน์ มองไปทางไหนก็เจอแต่หมอก ถอดใจว่ามาทริปนี้คงไม่ได้เห็นอะไร
แอบบ่นในใจแต่สองเท้ายังคงก้าวต่อไป พอพ้นเขตหมอกเท่านั้น
ภาพวิวยอดเขาคล้ายมงกุฎเพชร ถูกโอบกอดไปด้วยทะเลหมอกเบื้องล่าง
ขาวราวกับสำลีฟูละล่องอยู่บนท้องฟ้า ทำให้ใจชื้นขึ้นมาหน่อยว่าเราจะได้เห็นอะไรบ้าง ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า Cascade Saddle คืออะไร แล้วเส้นทางนี้จะพาไปสิ้นสุดที่ตรงไหน

ช่วงที่ยากที่สุดของ track นี้อยู่ที่ก่อนจะถึงจุดสูงสุด The Pylon (1,835 m) ต้องอาศัยการปีนหินทางขึ้นค่อนข้างชัน ลื่นและแคบ
มีป้ายเตือนให้ระวังตกเขา นี่ขนาดมาหน้าร้อนไม่มีหิมะยังต้องระวังกันเป็นพิเศษ

นึกถึงว่าหากสภาพอากาศเลวร้าย ฝนตก ลมแรง
หิมะถล่ม นี่คงยากที่จะหาแหล่งกำบังบนยอดเขาที่มีเพียงหินกับหญ้า (Snow Grass and Tussock) ที่เพิ่มความลื่น
เข้าใจแล้วว่าทำไมที่นี่จึงมีคนตกเขากันมากกว่าเส้นทางเดินป่าทั่วไป

หลังจากเดินทางมากว่าครึ่งค่อนวัน 6 ชั่วโมงจาก Aspiring Hut ในที่สุดเราก็พิชิต Cascade Saddle จาก The Pylon เราต้องเดินลงเขามาเจอลำธารที่ใช้เป็นสถานที่กางเต็นท์ค้างแรมของนักเดินป่า
และข้ามภูเขาไปอีกลูกนึง รู้สึกทึ่งราวกับว่าได้ไปผจญภัยในดินแดนที่ไม่ได้คาดฝันมาก่อน
เหมือนการเดินทางของ Hobbit ใน Unexpected Journey วิวและการผจญภัยที่ได้ไม่มีซ้ำ แถมยังมีอะไรใหม่ๆ
ให้ตื่นตาตื่นใจตลอดเส้นทางก่อนจะถึงที่หมาย

เราพักทานข้าวเที่ยงกันที่ Cascade Saddle แทบไม่รู้สึกตัวเลยว่ามาถึงแล้ว
เพราะ Cascade Saddle ที่เราดั้นด้นออกตามหา เป็นเพียงชะง่อนหินเล็กๆ
ไม่ได้เป็นจุดสูงสุดของยอดเขา ไม่ได้เป็นจุดสวยสุดของเส้นทางนี้ เป็นเพียงจุดที่คั่นกลางระหว่างภูเขาสองลูกคือ
Mt. Liverpool กับ Mt. Tyndall เผยให้เห็นวิว 360 องศาของภูเขาและหุบเขาทั้งสองด้าน จากความยากลำบากในการปีนป่ายเพื่อพิชิตจุดนี้
หลังจากการค้นพบเส้นทางเดินนี้ของ C.E. Smith กับ
A.P. Harper ใน ค.ศ. 1939 เป็นเวลากว่า 20 ปี ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเปิดให้นักเดินทางเข้ามาเที่ยว
แถมในระยะหลังมีคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยของเส้นทางนี้ ถึงขนาดว่าจะต้องปิดไม่ให้เข้ามา
หรือเปลี่ยนแปลงเส้นทางเดินใหม่ เพื่อลดอัตราการตกเขา โชคดีที่ยังไม่ได้ข้อสรุป
ทำให้วันนี้เรามีโอกาสได้มาเยือน วิวที่ได้คุ้มค่าทุกฝีก้าว สมกับคำที่ว่า ‘The best view comes after the
hardest climb’

การเดินทางไกลที่เหนื่อยล้า
ขาที่อ่อนแรงแทบจะก้าวต่อไปไม่ไหว กลับมีพลังขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
เมื่อมองย้อนกลับไปถึงวันแรกที่เราตั้งใจแค่จะมาเที่ยวถ่ายรูป แต่พอมาถึงจริงๆ
กลับไม่กล้าเพราะเจ้าหน้าที่แจ้งว่าอันตรายเกินไปในช่วงที่ยังมีหิมะบนยอดเขา ผิดหวังนิดๆ
ที่ไม่ได้มาเที่ยวได้ง่ายๆ อย่างใจคิด แต่ก็ถือโอกาสสำรวจรอบๆ ใน Rob Roy Glacier และ Liverpool Hut ซึ่งวิวที่ได้ก็สวยงามไม่แพ้กัน
แถมยังได้บทเรียนโบกรถเที่ยวคนเดียวแบบเขินๆ ในที่สุดเราก็ได้กลับมาเยือนที่นี่อีกครั้งแบบไม่ได้ตั้งความหวังอะไรมาก
การเปิดใจทำให้เราได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ภาพต่างๆ ที่เราเห็นตลอดเส้นทางไม่ว่าจะเป็นธารน้ำแข็ง
Dart Glacier แคยอนที่สะท้อนเงาแดดระยิบระยับราวกับโลหะที่มีชีวิต ภาพของ Mt. Aspiring ที่โดดเด่นเป็นแรงบันดาลใจได้สมชื่อ อีกทั้งความพยายามที่จะไปให้ถึง
Cascade Saddle แม้ว่าระหว่างทางจะยากลำบากแค่ไหน ก็คุ้มค่าแล้วที่ได้มาเยือน
เข้าใจแล้วว่า บางครั้งจุดมุ่งหมายปลายทางไม่ได้สำคัญเสมอไป ความสุขของการเดินทางเกิดขึ้นในระหว่างทางนั่นเอง
อยากจะย้อนไปขอบคุณเจ้าของภาพใบนั้นที่เปิดโอกาสให้เราได้ถ่ายภาพอีกหลายใบที่คิดว่าน่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆ
คนอยากออกเดินทาง

Mount Aspiring National Park

Address: ตั้งอยู่ใกล้ West Matukituki Valley
Hours: เปิดให้บริการทุกวัน แต่เพื่อความปลอดภัยแนะนำให้เดินในช่วงฤดูร้อนของทุกปี
(พ.ย. – เม.ย.)
และอย่าลืมเช็กสภาพอากาศที่ Doc Site (Department of Conservation) ก่อนออกเดินทางนะคะ
How to get there: ขับรถไปเองหรือโบกรถเที่ยว
ระยะทางจาก Wanaka ถึง The Raspberry Creek Car Park 54 กิโลเมตร
ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง

Map:

ใครอยากส่งเรื่องที่น่าเที่ยวมาลงเว็บไซต์ a day online คลิกที่นี่เลย

AUTHOR