จะมีสถานที่สักกี่แห่งที่มหัศจรรย์แปลกตาราวกับหลุดมาจากโลกเทพนิยาย เมืองเกอเรเม่ (Goreme) แห่งคัปปาโดเกีย (Cappadocia) ประเทศตุรกี ให้อารมณ์ประมาณนั้น
ความมหัศจรรย์ของดินแดนแห่งนี้บังเกิดขึ้นเมื่อราว
8 ล้านปีก่อนหน้านี้
ถ้าเป็นภาษาเทพนิยายก็ต้องบอกว่า
กาลครั้งหนึ่งนาน นานมาแล้ว ณ ดินแดนแห่งหนึ่ง มีภูเขาไฟขี้โมโหอยู่สองลูก วันหนึ่งทั้งคู่ได้บันดาลโทสะ
พ่นลาวาและเถ้าถ่านออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน กระทั่งทับถมพื้นที่โดยรอบจนกลายเป็นชั้นดิน
ชั้นหิน ที่สูงเวิ้งว้างสุดสายตา
กาลเวลาได้ผ่านไป สายลม สายฝน ได้เดินทางผ่านมายังดินแดนแห่งนี้ แวะทักทายเยี่ยมเยียนชั้นดิน
ชั้นหินเหล่านั้น การแวะทักทายแต่ละครั้ง ชั้นดิน ชั้นหินได้กร่อนเศษเนื้อของตนเป็นของขวัญร่วมเดินทางไปกับสายลมและสายฝน กระทั่งตัวตนที่เคยเป็นชั้นสูง เว้าแหว่งกลายสภาพเป็นแท่งหินรูปร่างแปลกตา
วันเวลาผ่านไปอีกครั้ง มนุษย์ที่เดินทางผ่านมายังดินแดนแห่งนี้ เห็นแท่งหินเหล่านั้น…ช่างละม้ายคล้ายปล่องไฟ จึงได้เรียกขานแท่งหินเหล่านั้นว่า ‘ปล่องไฟนางฟ้า’
และ
ณ กาลเวลานั้นเอง ฉันได้มาเยือนดินแดนแห่งนี้
ชั้นหิน
ชั้นดินที่ทับถมหนาสูงจากอดีตนั้นอ่อนนุ่ม
เมื่อกัดกร่อนกลายเป็นแท่งหินขนาดยักษ์ มนุษย์จึงขุดเจาะเข้าไปพักอาศัยอยู่ด้านในเป็นเช่นนั้นมาเนิ่นนาน แม้กระทั่งโรงแรมที่ฉันเข้าพักยังเป็น Cave Hotel ที่นำถ้ำอาศัยดั้งเดิมมาปรับเป็นโรงแรมต้อนรับนักท่องเที่ยว
แวบแรกที่เข้าไปในห้องพักจึงรู้สึกปริ่มเปรม ฉันได้แปลงกายเป็นมนุษย์ถ้ำไปแล้ว
และเมื่อออกมายืนตรงระเบียงด้านนอก พื้นที่โล่งกว้างที่รายล้อมก็เต็มไปด้วยก้อนหิน แท่งหินรูปร่างแปลกละลานตา แท่งหินใกล้ที่พักเหล่านั้นไม่ได้สูงสะโอดสะองแบบที่เรียกกันว่าปล่องไฟนางฟ้า ออกจะกลมๆ ป้อมๆ เสียด้วยซ้ำ แต่แค่นั้นก็มหัศจรรย์มากแล้ว
เดินออกจากที่พักไปสำรวจรอบๆ พบป้ายชี้ทางไปสู่ Pegion Valley สองเท้ารู้สึกคันขะยุกขะยิกขึ้นมา เพิ่งจะบ่ายคล้อยไม่ถึงกับเย็นย่ำทีเดียวนัก
ออกไปสำรวจพื้นที่บริเวณนี้สักหน่อยจะเป็นไรไป ในเมื่อพื้นที่รอบๆ ล้วนเป็นลานเปิดโล่ง ถึงหลง ก็หลงไปได้ไม่ไกลนักหรอก
คิดเช่นนั้น
สองเท้าเลยเดินย่ำไปตามทางที่ป้ายชี้บอก ตลอดเส้นทางนั้นอยู่ในวงล้อมของป่าหินมีแต่แท่งหิน
แท่งหิน และแท่งหิน หลายแท่งนั้นมีช่องขุดเจาะเข้าไปด้านใน บางแท่งเห็นได้ชัดว่าเป็นที่อยู่อาศัยด้วยมีร่องรอยการอาศัยอย่างชัดเจน
บางแท่งนั้นชวนฉงนเพราะช่องที่เจาะนั้นเล็กมาก มารู้ภายหลังว่าเป็นช่องเจาะเพื่อให้นกพิราบบินเข้าไปอาศัยด้านใน
เพื่อที่จะได้เก็บมูลไปทำประโยชน์ต่อไป
ลักษณะภูมิประเทศที่แปลกตาทำให้เพลิดเพลิน
ทั้งยังมีดอกหญ้าสีสดแต่งแต้มตลอดทางไม่ขาดสาย อะไรต่อมิอะไรจึงชวนตื่นตาไปหมด
แล้วเส้นทางก็นำพาไปเผชิญกับหน้าผาสูง เอาไงดี? มาตั้งขนาดนี้แล้ว
หันไปมองหน้าเพื่อนร่วมทาง ก่อนตัดสินใจปีนป่ายขึ้นไปด้านบนซึ่งบางช่วงนั้นชันเกือบ 90
องศาเลยทีเดียว แต่ด้วยความที่เป็นเขาหิน จึงมีที่เกาะให้ปีนป่ายยันเท้าไปตลอดทาง จนในที่สุดก็พาตัวอุ้ยอ้ายขึ้นไปถึงข้างบนจนได้
เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนจึงรู้สึกอึ้งเล็กน้อย
เมื่อเจอเข้ากับลานจอดรถขนาดใหญ่ มีรถบัสเพิ่งเข้ามาจอด และมีนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่เดินทยอยลงมาเพื่อชมวิวตรงขอบผา ที่แท้ด้านบนของหน้าผาที่ฉันดั้นด้นเดินขึ้นมาเป็นจุดชมวิวข้างทางนั่นเอง
เมื่อมีนักท่องเที่ยว
ริมขอบผาจึงกลายเป็นแผงขายของที่ระลึก และเกือบด้านในสุดนั้นเอง นัยน์ตาสีฟ้าสดนับร้อยดวงได้มองจับจ้องออกมา
ดินแดนแถบนี้เชื่อเรื่องนัยน์ตาปีศาจ…เชื่อกันว่าบุคคลพิเศษบางคนมีดวงตาชั่วร้ายที่จ้องทำอันตรายผู้อื่นได้ ดวงตาสีฟ้าจึงเป็นเครื่องรางปกป้องภัยร้ายจากดวงตาปีศาจ จากเครื่องราง วันเวลาเปลี่ยนผ่านให้มันกลายเป็นของที่ระลึกปรากฏทั้งบนกำไล ต่างหู สร้อยคอ พวงกุญแจ ที่แขวนห้อยประดับ แลเห็นเกลื่อนตั้งแต่ตลาดในเมืองอิสตันบูล
และทุกแห่งที่มีนักท่องเที่ยว
หากไม่คิดว่าดวงตาสีฟ้าจะปรากฏแขวนห้อยบนต้นไม้จำลองริมผาเหนือป่าหินมหัศจรรย์ที่อยู่ด้านล่าง
ภาพที่เห็น ณ จุดชมวิวในเย็นย่ำของวันนั้น
จึงเป็นภาพบรรจบระหว่างนิทานกำเนิดดินแดนมหัศจรรย์กับความเชื่อดั้งเดิมเรื่องดวงตาปีศาจได้อย่างลงตัว
Pigeon Valley
address: Uchisar KasabasI | Nevşehir Kapadokya,Goreme 50240, Turkey
hours: เปิดตลอดทั้งวัน
แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือเช้าและเย็นเนื่องจากอากาศไม่ร้อนจัด
how to get there: มีรถบัสวิ่งระหว่างเมืองจากเมืองอิสตันบูลไปยังเมืองเกอเรเม่ทุกวัน
maps
ใครอยากส่งเรื่องที่น่าเที่ยวมาลงเว็บไซต์ a day online คลิกที่นี่เลย