COPE : ชมพิพิธภัณฑ์เล่าเรื่องราวระเบิดในประเทศลาว

1
เที่ยวลาวคราวนี้
ของฝากชิ้นเดียวที่ผมซื้อคือ ขา 1 ข้าง

ผมหมายความตามนั้นจริงๆ

2
การกลับมาเวียงจันทน์รอบนี้ผมไม่ได้มาเที่ยว
แค่แวะมาคุยงานเท่านั้นเอง

เมื่อคุยงานกันจนลุล่วงแล้ว
ผมก็นัดสังสรรค์กับเพื่อนเก่าชาวลาว พี่ปุ้ย แม่หญิงลาวสาวสวย
ผู้จัดการสำนักพิมพ์ดอกเกด
และตีซึ่งตอนนี้ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ในองค์กรพัฒนาเอกชนที่ดำเนินงานในระดับนานาชาติชื่อ
COPE
(Cooperative Orthotic and Prosthetic Enterprise) มีเป้าหมายคือช่วยเหลือผู้พิการจากกับระเบิดทั่วประเทศลาว

พอนึกภาพว่าวันๆ
ตีต้องเจอแต่ผู้พิการมากมายที่มารับความช่วยเหลือ
ผมก็รู้สึกว่างานนี้มีคุณค่าแต่ว่าน่าจะทำแล้วหดหู่
เราก็เลยคุยเรื่องงานของตีแค่พอหอมปากหอมคอ แล้วเปลี่ยนไปคุยเรื่องสนุกๆ
ที่เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้แทน
บทสนทนาในคืนนั้นยืดยาวสมกับที่ไม่ได้เจอกันเนิ่นนาน ช่วงท้ายของการพูดคุย
เราก็วกกลับมาที่เรื่องงานของตีอีกจนได้ มันไม่ใช่เรื่องน่ารื่นรมย์
แต่พอได้ฟังเรื่องราวแบบเต็มๆ ผมก็บอกตีว่า
พรุ่งนี้ผมจะขอแวะไปเที่ยวที่ออฟฟิศของเป็นที่สุดท้ายก่อนกลับเมืองไทย

3
กรุงเทพฯ
ว่าร้อนแล้ว เวียงจันทน์ดันร้อนกว่า
ผมขี่จักรยานฝ่าเปลวแดดตอนเที่ยววันไปบนถนนคอนกรีตร้อนๆ ผ่านตลาดเช้า
ขี่เลียบตามไปคูเวียงไปเรื่อยๆ ก่อนที่ตัวจะละลาย ผมก็มาถึงสำนักงานของ COPE ผมตั้งใจว่าจะมาดูพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กๆ จัดทำอย่างง่ายๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อเล่าเรื่อง
ระเบิดในลาว โชคไม่ดี ตีออกไปทำงานข้างนอก เราเลยไม่ได้เจอกัน

ก่อนเดินชมพิพิธภัณฑ์
ผมนึกถึงสิ่งที่ตีและพี่ปุ้ยที่เล่าให้ฟังเมื่อคืน พวกเขาบอกว่า
ลาวเป็นประเทศที่มีกับระเบิดมากที่สุดในโลก ในช่วงสงครามเวียดนาม
อเมริกาที่ใช้ไทยเป็นฐานทัพ บินผ่านน่านฟ้าลาวไปทิ้งระเบิดใส่เวียดนาม
ถ้าทิ้งระเบิดไม่หมด เราก็ไม่อนุญาตให้เครื่องบินที่มีระเบิดลงจอดในเมืองไทย
เครื่องบินเหล่านั้นเลยโปรยระเบิดที่เหลือใส่ลาวก่อนกลับเข้าสู่น่านฟ้าไทย

นอกจากนั้น
อเมริกายังจงใจทิ้งระเบิดใส่ลาว เพื่อป้องกันการซ่องสุมกองกำลังของเวียดนามในลาว
ผลก็คือ ลาวโดนทิ้งระเบิดเงียบๆ โดยที่โลกไม่เคยรู้อยู่ 10 ปี ทิ้งถี่ขนาด 10 นาที มาที
จนชาวบ้านต่างจังหวัดต้องเข้าไปอาศัยในถ้ำ แล้วออกมาทำนาในเวลากลางคืน
ซึ่งไม่ค่อยมีการทิ้งระเบิด

สิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือ
ระเบิดพวกนี้ไม่ระเบิดทันที แต่จะทำงานเมื่อมีคนเหยียบ
เมื่อกลิ้งครบตามจำนวนรอบที่กำหนดไว้ หรือตามเงื่อนไขอื่นๆ
อีกมากมายเท่าที่อเมริกาจะคิดค้นได้ ในลาวก็เลยเต็มไปด้วยกับระเบิดร้อยพ่อพันแม่
ราวกับพิพิธภัณฑ์ระเบิดเมดอินยูเอสเอ หรือจะเรียกให้ถูกต้องกว่าก็น่าจะเป็น
ห้องทดลองระเบิดของสหรัฐอเมริกา

ระเบิดที่ถูกทิ้งลงมาในลาวตลอดระยะเวลา
10 ปีนั้นประมาณการกันว่าน่าจะอยู่ที่ กว่า 260 ล้านลูก
ส่วนใหญ่ถูกทิ้งลงมาตรงไหนตอนนี้ก็ยังอยู่ตรงนั้น
และกว่าครึ่งพร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ

ประเทศลาวมีทั้งหมด
17 แขวง กับระเบิดเหล่านี้ตกค้างอยู่ในพื้นที่ของ 14 แขวง

ตีบอกว่า
ทุกวันนี้อเมริกาให้เงินมาเก็บกู้ระเบิด (ซึ่งก็กู้ยากเหลือเกินเพราะระเบิดมันร้อยพ่อพันแม่มาก)
เมื่อคำนวณออกมาแล้ว ไม่รู้ว่าต้องเก็บอีกกี่ชาติถึงจะหมด
และสิ่งที่พี่ปุ้ยรู้สึกแย่ที่สุดก็คือ
อเมริกาไม่เคยให้เงินมาช่วยเหลือผู้ที่บาดเจ็บจากการโดนกับระเบิดเหล่านั้น
กลับเป็นประเทศอื่นๆ ที่ส่งเงินมาให้

ไม่แปลกเลยที่คนลาวจำนวนมากจะเกลียดอเมริกาเข้าไส้

4
เนื้อหาในพิพิธภัณฑ์เริ่มจากการทำความรู้จักกับระเบิดชนิดต่างๆ
จากนั้นก็พาไปดูว่า ระเบิดเหล่านี้อยู่ในชีวิตชาวลาวอย่างไร

อย่างแรก
คนลาวใช้ประโยชน์จากความเป็นโลหะของระเบิดเหล่านี้ พวกเขาเก็บไปขายได้
หรือถ้าไม่ขาย ก็เอาโลหะนั้นมาแปรรูปเป็นของใช้ในบ้าน เช่น มีด ขัน จาน ชาม
กระดึงผูกคอควาย ส่วนกระสวยระเบิดตัวแม่ที่บรรจุระเบิดลูกเล็กๆ นับร้อย
ซึ่งมีความยาวราวเมตร ก็ถูกนำมาใช้ทำเป็นเสาบ้าน

เราสามารถเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ทั่วประเทศลาว

ถัดจากนั้น
นิทรรศการก็พาเราไปดูคนที่ประสบอุบัติเหตุจากระเบิด ทั้งเสียแขน เสียขา
และเสียชีวิต นับรวมได้กว่า 12,000 ราย

ถึงชาวบ้านจะเสียขา
และไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ
พวกเขาก็ยังหาทางช่วยเหลือดูแลตัวเองได้ด้วยการทำขาเทียมแบบบ้านๆ ใช้เอง
ไม่ว่าจะแกะจากไม้ ม้วนจากสังกะสี สานจากไม้ไผ่ ต่อเองจากพลาสติก
และขาที่ทำจากวัสดุแปลกๆ เท่าที่จะคิดและหาอุปกรณ์มาทำได้ มันดูเหมือนขาของหุ่นกระป๋องโกโรโกโส
ไม่ก็ขาของหุ่นฟางที่เน่าๆ ผุๆ มากกว่าขาของมนุษย์

ไม่รู้ว่าน้ำตาของผมไหลออกมาเพราะเห็นในความพยายามของผู้สูญเสียเหล่านี้
หรือไหลให้กับความโหดร้ายที่พวกเขาได้รับ

เนื้อหาในช่วงท้ายก็พูดถึงแขนและขาเทียมที่
COPE
ช่วยนำไปมอบให้กับชาวบ้าน ว่าทำมันให้ชีวิตพวกเขาดีขึ้นยังไง

สิ่งที่ผมคิดเมื่อคืนว่างานของตีคงเต็มไปด้วยเรื่องหดหู่นั้นผิดถนัด
ผมรู้สึกว่ามันเป็นงานที่สวยงามงานหนึ่งเท่าที่มนุษย์จะทำให้กันได้

ในมุมหนึ่งของพิพิธภัณฑ์เป็นห้องเล็กๆ
ที่ตกแต่งเหมือนถ้ำที่คนลาวเข้าไปอาศัยหลบระเบิด ในห้องนี้มีหนังสารคดีเรื่อง Bomb Harvest ซึ่งได้รับการประดับช่อมะกอกจากหลายเวทีทั่วโลก ฉายวนให้เราดู
เนื้อหาว่าด้วยการติดตามทีมงานเข้าไปเก็บกู้ระเบิดในภูมิภาคต่างๆ ของลาว
รวมถึงการพูดคุยกับชาวบ้านผู้สูญเสียครอบครัวจากระเบิด

เป็นอีกครั้งที่น้ำตาของผมไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

ผมไม่สามารถนั่งดูสารคดีเรื่องนี้จนจบได้
ไม่อย่างนั้นผมคงตกรถไฟกลับกรุงเทพฯ ผมเลยรีบเดินออกมาที่ร้านขายของที่ระลึก
แล้วคว้าดีวีดีแผ่นนี้ไปจ่ายเงิน

ในระหว่างคิดเงิน
ผมก็หันไปเห็นป้ายลายการ์ตูนน่ารักๆ ที่มีข้อความภาษาอังกฤษ
ชักชวนให้บริจาคเงินเพื่อช่วยผู้ประสบอุบัติเหตุจากระเบิดเหล่านี้

5 เหรียญสหรัฐ ช่วยให้เขาได้เอ็กซเรย์ 12 เหรียญ
ช่วยให้เขามีอาหารกินได้ 1 สัปดาห์ 22 เหรียญ
ได้วอล์คเกอร์ (ไม้เท้าที่มี 4 ขาแบบจับ
2 มือ) 30 เหรียญช่วยให้เขาได้รับการรักษาโดยนักกายภาพ
และ 50 เหรียญ ช่วยให้เขาได้ขา 1 ข้าง

เหตุผลจูงใจแต่ละข้อก็น่ารักดี
ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคเพื่อเป็นของขวัญวันเกิด (ให้ตัวเองและคนอื่น)
การซื้อเป็นของฝากจากประเทศลาวให้เพื่อน
และซื้อเป็นของที่ระลึกสำหรับตัวเอง

ผมมองนาฬิกาแล้วพบว่า
ผมคงแวะซื้อของฝากที่ตลาดไม่ทันแล้ว นั่นหมายความว่า
ทริปนี้ผมไม่ได้ซื้อของฝากอะไรเลยสักชิ้น

ผมหันไปมองราคาของขา
1 ข้าง แล้วเปิดกระเป๋าสตางค์หยิบเงินจำนวนนั้นหย่อนลงในกล่องรับบริจาคที่ทำจากขาเทียม

มันเป็นของฝากที่น้อยคนนักจะมีโอกาสได้ช้อป
และเป็นของฝากที่ผู้รับคงดีใจมากกว่าของฝากชิ้นไหนๆ

ที่สำคัญ
มันเป็นของฝากที่ผมยินดีหยิบยื่นให้กับคนที่ไม่เคยรู้จัก

เที่ยวลาวคราวนี้
ของฝากชิ้นเดียวที่ผมซื้อคือ ขา 1 ข้าง

ผมหมายความตามนั้นจริงๆ

COPE Visitor
Center

Address:
Boulevard
Khouvieng, เวียงจันทน์ ประเทศลาว
Hours: เปิดทุกวัน 09:00-16:00
น.
How to get there: ที่นี่อยู่ห่างจากตลาดเช้า
1 กิโลเมตร อยู่คูเวียง ตรงข้าม Green
Park Hotel วิธีเดินทางที่ง่ายที่สุดคือเรียกรถตุ๊กตุ๊กหรือสกายแลป

Map

www.copelaos.org

ใครอยากส่งเรื่องที่น่าเที่ยวมาลงเว็บไซต์ a day online คลิกที่นี่เลย

AUTHOR