Arthur’s Pass : เมืองนอกสายตาที่อยู่ในหัวใจ

Arthur’s
Pass คือเมืองนอกสายตาที่ไม่ว่าใครจะมาเยือนเกาะใต้ของนิวซีแลนด์ ไปทางด้านตะวันตก
ขึ้นเหนือไป Nelson
หรือ
ลงใต้ไป Queenstown ก็ต้องผ่านเมืองนี้
แต่จะมีสักกี่คนที่ตั้งใจจะมาเที่ยวที่นี่แบบจริงจัง สถานะของเมืองนี้จึงไม่ต่างจากทางผ่าน
ฉันเองก็มีโอกาสผ่านไปมาหลายครั้ง คิดว่าคงไม่มีอะไรน่าสนใจ ผ่านไปทีไรก็เจอแต่ฝน

จนกระทั่งวันหนึ่งได้ยินชื่อ
Avalanche Peak หนึ่งในเส้นทางเดินป่าที่เป็นที่สุดของเกาะใต้
(The
best day walk in South Island) ก็เป็นแรงบันดาลใจให้ฉันอยากออกไปค้นหาและทำความรู้จักกับเมืองแห่งนี้มากขึ้น

วางแผนกันดิบดีหลายทีก็พลาดโอกาสเพราะสภาพอากาศไม่เป็นใจ ด้วยความที่เมืองตั้งอยู่บนภูเขาสูงกว่า
737 เมตร
จากระดับน้ำทะเล มีเทือกเขา Southern Alps พาดผ่านวางตัวยาวจากเหนือจรดใต้
ด้านตะวันตกได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมในทะเลแทสมัน ทำให้มีฝนตกชุกตลอดทั้งปี
หน้าหนาวก็มีหิมะตกหนาแน่น แถมอากาศยังแปรปรวน ในหนึ่งวันอาจจะมีถึง 4 ฤดู

ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง
วันที่พยากรณ์อากาศบอกว่า Arthur’s Pass อากาศดี มีแดดติดต่อกัน
2
วัน
ฉันนั่งรถไฟ TranzAlpine (หนึ่งในเส้นทางรถไฟที่วิวสวยติดอันดับโลก) ออกจาก Christchurch
8.15 น.
ไปถึง Arthur’s
Pass 10.45 น.
ผ่านทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ภูเขาสูง และเลียบไปตามแม่น้ำ
เห็นความแตกต่างระหว่างฝั่งตะวันออกที่แห้งแล้ง ไม่มีแม้แต่หญ้า มาสู่ฝั่งตะวันตกที่ป่าไม้หนาทึบ
ปกคลุมเขียวชอุ่มตลอดเส้นทาง ยกเว้นแต่ยอดเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ
รถไฟที่นี่มีหนึ่งโบกี้ที่ไม่มีกระจกกั้น สำหรับให้นักท่องเที่ยวได้ออกมาสัมผัสบรรยากาศภายนอก
แถมยังมีบริการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวจากพนักงาน ถ้าใครหิวก็มีอาหารและเครื่องดื่มจำหน่ายในร้านอาหารของรถไฟ

เดินเล่นใน
Visitor Centre ทำให้รู้ว่าชื่อ Arthur’s Pass มาจากการค้นพบเมืองนี้ของ Arthur Dudley
Dobson นักสำรวจชาวยุโรป
ในปี 1864
หลังจากข่าวการค้นพบทองคำในฝั่งตะวันตกของประเทศ ทำให้มีความพยายามหาเส้นทางเชื่อมโยงระหว่างตะวันออกสู่ตะวันตก
มีการนำรถม้ามาใช้เดินเลียบตามแม่น้ำ ก่อนจะสร้างถนนและทางรถไฟในเวลาต่อมา เมืองนี้จึงเริ่มจากบ้านพักคนงานก่อสร้างอุโมงค์รถไฟ
ปัจจุบันมีประชากรอยู่อาศัยไม่ถึง 30 คน มีร้านอาหาร
ร้านกาแฟ ปั้มน้ำมัน โรงแรม และสถานีรถไฟ ส่วนใหญ่เป็นจุดพักรถให้กับนักเดินทาง

ได้เวลาออกสำรวจ ฉันเลือกเดินบนทางราบ
Arthur’s
Pass Walking Track ระยะทางไปกลับ 7 กิโลเมตร
เส้นทางเดินป่าขนานไปกับถนน ผ่านป่าไม้ ภูเขา น้ำตก กระท่อมประวัติศาสตร์ และอนุสาวรีย์
Dobson
ที่สุดของวิววันนี้ต้องยกให้
Mt.Rolleston
กับ
แม่น้ำ
Bealey ใน
Bealey
Valley Track ให้ความรู้สึกตื่นใจเหมือนหลงทางอยู่กลางป่าใหญ่
พอพ้นเขตป่าเป็นเขตทุ่งหญ้าคล้ายอยู่บนยอดเขาใน Lake Misery
Track ฟ้าที่นี่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทา
ฉันตัดสินใจโบกรถกลับเข้าเมือง ยังมีเวลาเหลือสำหรับน้ำตกรูปหัวใจ Devils
Punchbowl Falls

วันรุ่งขึ้นฉันเลือกเดินบน
Scotts
Track พอพ้นเขตป่าเท่านั้นแหละ
วิวภูเขาหิมะล้อมรอบ น้ำตก Devils Punchbowl ปรากฎต่อหน้า
เห็นเป็นสายน้ำ ลำธารและแม่น้ำไหลผ่านหุบเขาเข้าสู่ตัวเมือง ว้าว
สวยจนต้องหยุดตะลึงกับความงาม ยิ่งสูงก็ยิ่งสวย

ฉันมีโอกาสมาเยือน
Arthur’s
Pass อีกครั้งเพื่อพิชิตยอดเขา
Avalanche
Peak (1,833 เมตร) ยอดเขาหนึ่งเดียวในนิวซีแลนด์ที่เข้าถึงได้จากตัวเมือง เพียงแค่จอดรถ จิบกาแฟชิลล์ๆ ก่อนจะเดินไปสู่ยอดเขาและกลับมาฉลองความสำเร็จจากร้านอาหาร
ไม่อยากเชื่อเลยว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ในวันเดียว

แม้ว่าวิวจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอากาศ
การได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ สัมผัสความท้าทายจากเทือกเขาที่รายล้อม ความงามและความเงียบสงบของผืนป่าและสายน้ำ ก็ทำให้ฉันประทับใจ รวมถึงความเป็นห่วงเป็นใยของเจ้าหน้าที่อุทยาน
มิตรไมตรีที่ได้จากคนในพื้นที่ ก็ทำให้ฉันเทใจให้กับที่นี่ได้ไม่ยาก สิ่งที่น่าสนใจ
คือ ที่นี่เปรียบเสมือนโรงเรียนสอนเรื่องภูเขา มีเส้นทางเดินป่าอีกหลายแห่ง
เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย ทุกสภาพร่างกาย ไม่ว่าจะเดินแบบง่ายๆ คนเดียว ไปจนถึงแบบต้องพักค้างคืนเป็นกลุ่ม
ที่สำคัญยังมียอดเขาอีกหลายลูกรอให้เราไปทดสอบ นับจากนี้ไป Arthur’s
Pass จะไม่ได้เป็นแค่ทางผ่าน
แต่จะเป็นเส้นทางหลักที่ฉันรักสุดหัวใจ

Arthur’s Pass
National Park Visitor Centre

Address: State
Highway 73 Arthur’s Pass

Hours: เปิดตลอดทั้งวัน
How to get
there:
ถนน
Highway
73 ระยะทางจาก Christchurch
153 กม. จาก Greymouth 96 กม. และ Hokitika 103 กม. มีรถบัสบริการจากทั้ง 3 เมืองและมีรถไฟสาย
TranzAlpine
Express จาก
Christchurch
ถึง
Greymouth ให้บริการทุกวัน

Map

ใครอยากส่งเรื่องที่น่าเที่ยวมาลงเว็บไซต์ a day online คลิกที่นี่เลย

AUTHOR