อยู่ในตัวเมืองจังหวัดอุบลฯ มานานร่วมสิบปี ผ่านถนนพโลชัยซ้ำๆ เป็นร้อยพันหมื่นหน แต่ไม่ยักรู้ว่าด้านหลังพงหญ้าและต้นไม้สูงค้ำหัวบริเวณข้างๆ โรงแรมเก่าแก่ของจังหวัด มีตึกร้างความสูง 4 ชั้นตั้งตระหง่านอยู่
จนผ่านไปสามสิบปี เราโตขึ้นและได้เห็นตึกร้างนั้นกลายเป็นแหล่งตุ้มโฮม (คอมมิวนิตี้) สร้างสรรค์ที่ไม่เคยมีใครในอุบลฯ ทำมาก่อน ก็อดรู้สึกหัวใจพองโตไม่ได้ เพราะผู้อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงนี้คือคนอุบลฯ รุ่นราวคราวเดียวกันที่ลุกขึ้นมาทำธุรกิจด้วยใจรัก และด้วยพลังที่อยากขับเคลื่อนให้บ้านเกิดของตัวเองมีศักยภาพทางศิลปวัฒนธรรมไม่แพ้จังหวัดไหนๆ

ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึง โจ๊ะ–ปกรณ์พศ คณานุรักษ์, มิ้น–กิ่งกาญจน์ รองทอง และ อ้วนแลนด์–วัชราภรณ์ สมบูรณ์ สามหนุ่มสาวที่ชุบชีวิตตึกที่เรากล้าเรียกว่าตายไปแล้วให้กลับมามีลมหายใจในนาม Impression Sunrise ตึกที่รวมเอาร้านตัดผม, ขนมโตเกียวฟิวชั่น, คาเฟ่กาแฟ moka pot, ขนมหวาน, อาหารไทย-จีน พร้อมดนตรีสดหลากสไตล์, งานศิลปะ, งานฉายหนัง, ตลาดนัด และกิจกรรมใหม่ๆ หลากรูปแบบมาไว้ด้วยกันอย่างลงตัว แถมมีทีท่าว่าจะผุดกิจกรรมร้อยแปดขึ้นมาอีกเรื่อยๆ
หากอยากรู้ที่มาของตึกที่ชวนให้คนมาโสเหล่ (พูดคุย) ม่วนคัก (สนุกมาก) และเอนจอยชีวิตร่วมกันแบบลงรายละเอียด เราขอตั้งโต๊ะให้ทั้งโจ๊ะ มิ้น และอ้วนแลนด์เล่าให้ฟังไปพร้อมๆ กัน ณ บัดนี้

First Impression
บังเอิญผ่านตึกเก่าจนปิ๊งไอเดียพลิกโฉมใหม่
‘โจ๊ะ’ เรียนด้านการบริหาร ส่วน ‘อ้วนแลนด์’ เรียนด้านศิลปะประยุกต์ ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีเหมือนกัน
โจ๊ะ และ ‘มิ้น’ ผู้เป็นภรรยาฝันอยากเปิดร้านกาแฟ ส่วนอ้วนแลนด์ฝันอยากมีสตูดิโอศิลปะเป็นของตัวเองมานานแล้ว
วันหนึ่งอ้วนแลนด์นั่งรถผ่านถนนพโลชัย และบังเอิญเห็นตึกร้างหลังต้นไม้รกๆ ที่คนส่วนใหญ่ไม่ทันเห็น และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการปลุกตึกเก่าให้ตื่นจากการหลับใหลขึ้นมา


“แต่ก่อนที่นี่รกทึบมากเหมือนเป็นป่าพงจนไม่นึกว่าจะมีตึกซ่อนอยู่ด้านหลังจริงๆ เพราะมันถูกปิดร้างมานานเกือบ 20 กว่าปี ความจริงอายุอาจเก่าแก่กว่านั้นก็เป็นได้ ถ้าให้เราประมาณอาจจะร้างมานาน 30 กว่าปีแล้ว” โจ๊ะเริ่มเล่า
ตึกแห่งนี้เคยเป็นอู่ซ่อมรถมาก่อน ซึ่งเรารู้จากคำบอกเล่าของคนรุ่นก่อน เพราะในความทรงจำของคนอุบลฯ รุ่นเรา ทั้งเรา โจ๊ะ มิ้น และอ้วนแลนด์ ไม่มีใครทันได้เห็นภาพนั้น เท่าที่นึกออกก็มีเพียงภาพเพิงขายผลไม้และร้านลาบที่อยู่ด้านหน้าดงต้นไม้ที่บดบังตึกเท่านั้น แต่นั่นก็เป็นเรื่องในอดีตเช่นกัน เพราะตอนที่ทั้งสามตัดสินใจพลิกโฉมที่นี่ มันก็รกร้างมานานแล้ว
“เราเคยเห็นโมเดลเมืองนอกที่ตึกแต่ละชั้นหรือแต่ละห้องเป็นคนละคอนเซปต์กัน แตกต่างกันออกไปเลย แต่สามารถรวมอยู่ในตึกเดียวกันได้ อาจจะคล้ายคลึงกับตึกในฮ่องกง ซึ่งเดี๋ยวนี้ในกรุงเทพฯ ก็ทำกันเยอะ แต่เมืองอุบลฯ ยังไม่เคยมีมาก่อนเลย เราเลยคิดว่ามาจอยกันไหมล่ะ แล้วแบ่งว่าแต่ละคนจะทำอะไรในแต่ละชั้น” โจ๊ะกล่าว

“พอเราสนใจตึก ก็เลยตามหาเจ้าของที่ดิน ซึ่งบังเอิญมากเพราะปรากฏว่าเป็นพื้นที่ของญาติผมที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ เลยขอเช่าในราคาที่ไม่ได้สูงมาก ปรับปรุงตึกกันอยู่ 6 เดือนก่อนเปิดสถานที่ให้คนเข้ามา ช่วยกันสร้างเสริมเติมแต่งจนไม่เหลือเค้าความทรุดโทรมเดิม”
มิ้นและอ้วนแลนด์ให้รายละเอียดเพิ่มว่า ในช่วง 6 เดือนนั้นพวกเขาพากันเดินเข้า-ออกร้านขายของมือสองจากยุโรปกันแทบทุกอาทิตย์เพื่อเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์วินเทจคุณภาพดี และสะสมของตกแต่ง เช่น หนังสือเก่า แจกัน หรือของกระจุกกระจิกอื่นๆ ซึ่งเรามองว่าการใช้สินค้ามือสองนี้สะท้อนความเป็นอุบลฯ ได้ในแง่หนึ่ง เพราะในอุบลฯ มีร้านขายของมือสองที่รู้กันว่าเป็นแหล่งที่ร้านขายของมือสองในกรุงเทพฯ จะมาเลือกหาไปขายต่อ


ผลลัพธ์จากความทุ่มเทของสามหนุ่มสาวคืออาคาร 4 ชั้นที่มีกลิ่นอายของเมืองเก่าอย่างที่พวกเขาชอบ โดยแต่ละชั้นจะให้อารมณ์ที่แตกต่างกัน ชั้น 1 เป็นคาเฟ่สไตล์ยุโรปที่สะพรั่งด้วยดอกไม้ ส่วนชั้น 2 เป็นสตูดิโอศิลปะร่วมสมัย ชั้น 3 กับดาดฟ้าเป็นบาร์สไตล์จีน และในตอนเย็นร้านชั้น 3 จะเปิดโซนให้นั่งเพิ่มบริเวณลานด้านล่างหน้าตึกอีกด้วย
แน่นอนว่าจากทุกชั้น ชั้นที่ถือเป็นไฮไลต์คือดาดฟ้าซึ่งเปิดโล่งสู่วิวหลักล้าน โดยเฉพาะวิวยามเช้าที่พระอาทิตย์ขึ้น แสงสีส้มระเรื่อไล้ตกแต่งขอบฟ้าน่าประทับใจ จึงกลายเป็นที่มาของชื่อเรียกขานว่า Impression Sunrise อย่างทุกวันน้ีนี่เอง
Coffee Impression
ร้านกาแฟที่ชูการใช้ moka pot ในอุบลฯ
Flower Cottage คือคาเฟ่บริเวณชั้น 1 ของ Impression Sunrise ที่มาของชื่อมาจากความชอบดอกไม้และร้านสไตล์ยุโรปของมิ้น พวกเขาออกแบบคาเฟ่ให้หลังคายื่นออกมาเหมือนกระท่อม และเลือกใช้ดอกไม้แห้งที่อยู่ได้นานเพื่อสะท้อนความเป็นนิรันดร์


นอกจากการตกแต่งที่โดดเด่น อีกหนึ่งเอกลักษณ์ของร้านแห่งนี้คือการใช้ moka pot
ถ้าพูดถึงกาแฟที่ใช้ espresso machine และกาแฟดริปในอุบลฯ ถือว่ามีมาหลายปีแล้ว แต่กาแฟที่ทำจาก moka pot นั้นถือเป็นวิธีการที่ยังไม่แพร่หลายในจังหวัดมากนัก ความฝันเกี่ยวกับร้านกาแฟของโจ๊ะและมิ้นจึงเป็นการเปิดน่านน้ำใหม่ในซีนกาแฟของอุบลฯ แนะนำวิธีการชงกาแฟอีกรูปแบบให้คนอุบลฯ ได้รู้จักมักจี่ เพื่อให้การดื่มกาแฟเป็นเรื่องแสนสนุกและน่าสนใจขึ้นอีกหลายเท่าตัว


“เราน่าจะเป็นร้านแรกๆ ในอุบลฯ ที่มีกาแฟ moka pot ตอนแรกผมวางคอนเซปต์เป็นสโลว์บาร์ เป็นร้านกาแฟช้าๆ แต่ขณะเดียวกันผมคิดว่าอยากเอาใจคนที่อยากดื่มกาแฟเร็วๆ ด้วย ผมเลยเลือก moka pot เพราะมันอยู่กึ่งกลางระหว่างช้ากับเร็ว และจะได้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกให้คนอุบลฯ ได้ดื่มกาแฟที่หลากหลายด้วย” โจ๊ะอธิบาย
“จริงๆ ตอนแรกก็กังวลใจ เพราะเราไม่มี espresso machine แบบร้านอื่น เลยกังวลว่าจะรอดไหม จะขายได้ไหม เพราะบางคนมาที่ร้านแล้วไม่เห็นเครื่องตั้งอยู่ก็ไม่รู้จะสั่งอะไร แต่บางคนมาเห็น moka pot ก็มาดูว่า เฮ้ย ใช้เครื่องอะไรแบบนี้ทำกาแฟได้ด้วย สุดท้ายพอเปิดมาเรื่อยๆ ก็เริ่มโอเค เพราะคนเปิดใจที่จะชิมและดื่มกาแฟรูปแบบนี้แล้ว”

Art Impression
สตูดิโอศิลปะของศิลปินสาว ‘อ้วนแลนด์’
ถ้าเคยได้ติดตามผลงานการปั้นดินญี่ปุ่นของศิลปินสาว ‘อ้วนแลนด์’ น่าจะคุ้นเคยกับเป็นตาฮัก (ความน่ารัก) ของชิ้นงานกระจุกกระจิกหลายคาแร็กเตอร์ของเธอ เมื่อฤกษ์งามยามดีได้ลงหลักปักฐานกับเหล่าแมวคู่ใจที่ชั้น 2 ของตึก Impression Sunrise ศิลปินสาวไอเดียสนุกจึงเปิด ‘อ้วนแลนด์ Studio’ ที่ขยันจัดเวิร์กช็อปให้ผู้มาเยือนบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการร้อยลูกปัดหลากสีหรือการปั้นดินสุดบรรเจิดให้ละเลงไอเดียแบบสนุกสนานจนหมดวัน


“ในอดีต อุบลฯ น่าจะยังไม่มีสตูดิโอที่อยู่รอดยืนยาวได้ ด้วยองค์ประกอบต่างๆ การทำงานศิลปะที่นี่อาจจะอยู่ยาก ทำให้คนเก่งๆ ต้องไปหาโอกาสในกรุงเทพฯ แต่ก่อนบ้านเราอาจเคยมีสตูดิโอแต่ไม่บูมเท่าที่ควร ทำให้ต้องเงียบลงไปโดยปริยาย
“เราทำงานมานานประมาณ 7-8 ปีแล้ว แต่ไม่ได้มีชื่อเสียงในอุบลฯ ตัวเลือกของเราคือการบินไปสอนและเวิร์กช็อปงานอาร์ตที่กรุงเทพฯ แต่พอทำไปก็เกิดคำถามว่าเราสอนในอุบลฯ บ้างไม่ได้เหรอ เราก็คิดมาตลอดนะ ทั้งที่เราเป็นคนที่นี่แต่ทำไมไม่ลองทำที่บ้านตัวเอง เลยมีแรงฮึดคิดอยากจะทำจริงจังขึ้นมา” อ้วนแลนด์กล่าว
“เรา โจ๊ะ และมิ้นเลยมาเจอกัน เพราะการมารวมกันจะไม่โดดเดี่ยว เพื่อไม่ให้สตูดิโอต้องล้มหายตายจากไปแบบที่ผ่านๆ มา เราคิดว่าถ้ามีจุดร่วมอะไรสักอย่างรวมกันจะได้เป็นคอมมิวนิตี้ที่มีทั้งกาแฟ อาหาร ศิลปะ และสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ มาอยู่ด้วยกัน ก็จะสามารถไปต่อได้ดีกว่าการอยู่โดดๆ จริงๆ พอเปิดสตูดิโอคนก็สนใจ เริ่มรู้จักและเข้าใจว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่ เพราะเห็นว่ามีทั้งคลาส มีการเวิร์กช็อป มีการปั้นดินญี่ปุ่น และการร้อยลูกปัด ซึ่งกลุ่มคนหลากหลายมากๆ เลย เรียกว่ามีหลายทาร์เก็ต ทั้งนักเรียนมัธยมฯ เด็กมหาวิทยาลัย และครอบครัว กลายเป็นที่ท่องเที่ยวในวันว่าง เพราะเป็นการสร้างกิจกรรมขึ้นมาให้คนได้ทำร่วมกัน


“ที่นี่จะต่างจากร้านอื่นๆ ในอุบลฯ เพราะถ้าเป็นร้านกาแฟ ลูกค้าก็จะไปนั่ง ไม่ได้พูดคุยกับคนแปลกหน้า ซึ่งถ้ามาที่นี้แล้วเกิดเบื่อบรรยากาศในร้านกาแฟก็ขึ้นไปเวิร์กช็อปที่ชั้น 2 ได้ แม้คนที่มาอาจไม่เคยรู้จักกัน แต่พออยู่ที่เดียวกันแล้วมันทำความรู้จักคนใหม่ๆ ได้เพราะมีกิจกรรมที่เชื่อมโยงกัน
“ที่ผ่านมาคนทำงานศิลปะอยู่อุบลฯ ไม่ได้ คนเก่งต้องไปอยู่ที่อื่นกันหมด ในช่วงหลังๆ ก็เริ่มมีคนกลับมาทำงานที่บ้าน ทำให้เห็นว่าเรามีคนมีฝีมือมากมายจริงๆ แต่ด้วยอาชีพและความอยู่รอดของปากท้องทำให้ต้องไปแสวงหาที่ทางของตัวเองในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ หรือเชียงใหม่ ถ้าอย่างนั้นเราก็ประเดิมให้เห็นก่อนเลยว่าถ้าจะทำจริงๆ อาจยากหน่อย แต่มันก็ทำได้นะ” โจ๊ะสำทับ
Music Impression
บาร์ที่บรรเลงเพลงโดยวงดนตรีลูกอีสาน
ถ้าเป็นนักดื่ม นักกินอาหาร และนักฟังดนตรีตัวยง ตึกรีโนเวต 4 ชั้นแห่งนี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่ เพราะบริเวณลานด้านหน้า ชั้น 3 และดาดฟ้ามีทุกอย่างตอบโจทย์คนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะ ‘กู๋หว่าไจ๋ 古惑仔 1991’’ บาร์ที่มีธีมตกแต่งแบบจีนยุค 90s ซึ่งตั้งอยู่ด้านบนของตึก
นอกจากบาร์จะเท่ ยังมีอาหารไทยและจีนแซ่บหลายคอยต้อนรับแขกเหรื่อแบบจัดเต็ม ทั้งไก่แช่เหล้า, หมูกรอบคั่วพริกเกลือ, หมึกน้ำมันงา, โตเกียวสไตล์ฟิวชั่น และอื่นๆ อีกมากมาย


“สิ่งที่ดีใจมากคือการที่เราได้สนับสนุนการทำอาหารของน้องๆ ที่เรียนด้านคหกรรมจากวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี ให้ได้เข้ามาทำอาหารและทำในสิ่งที่ชอบไปในตัว” อ้วนแลนด์กล่าว “พวกเขาได้มาฝึกประสบการณ์ ได้ปรุงอาหารให้ลูกค้าจริงๆ ซึ่งที่ผ่านมาเราได้เห็นฝีมือและความสามารถของน้องๆ เยอะมาก แถมมีเรื่องเซอร์ไพรส์อย่างการทำอาหาร ที่ในบางเมนูเราให้โอกาสน้องๆ ช่วยคิด หาสูตร สร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ แล้วผลลัพธ์ออกมาดีมาก ซึ่งก็มีให้ทานจริงที่ร้านด้วย”
นอกจากอาหารแซ่บๆ สิ่งที่เป็นทีเด็ดไม่แพ้กันคือเรื่องดนตรีสดที่อ้วนแลนด์เล่าให้เราฟังด้วยสายตาอันเป็นประกาย



“เราชอบดนตรีและทำงานศิลปะ สาเหตุที่ทำตึกนี้ขึ้นมาเพราะเราเป็นคนรุ่นใหม่ มันถึงเวลาของเจเนอเรชั่นเราแล้วที่ต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง เราเลยทำพื้นที่สำหรับวงดนตรีด้วย จุดมุ่งหมายคืออยากสร้างอีเวนต์ที่มีคนและเสียงเพลง สร้างพื้นที่ให้นักดนตรีที่เคยทำเพลงคัฟเวอร์แต่ยังไม่คิดทำเพลงของตัวเองได้มีแรงบันดาลใจทำเพลงของตัวเองออกมา เท่าที่เราเคยจัดงานมา มีการดึงวงดนตรีในบ้านเราและจังหวัดอื่นๆ ในภาคอีสานมาเล่นสด เช่น วงดนตรีจากจังหวัดอำนาจเจริญและขอนแก่นซึ่งแต่งและทำเพลงเอง มันเป็นการทำให้คนดนตรีในอุบลฯ ได้เห็นทางอ้อมว่าเราก็ทำเองได้เหมือนกันนะ ซึ่งตอนนี้ก็เกิดซีนแบบนั้นขึ้นมาแล้ว
“เราอยากให้สถานที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ปล่อยของ จนมันเกิดเป็นกระแสปากต่อปาก ถ้าวงดนตรีต่างๆ เคยมาเล่นเขาก็จะชวนเพื่อนตัวเองเข้ามาโชว์ต่อ ทำให้เห็นว่าเวทีของตัวเองเกิดขึ้นได้ ปล่อยให้เขาเล่นแบบที่ชอบเต็มที่ เพราะโดยปกติร้านทั่วไปจะชอบตั้งกฎให้นักดนตรีเล่นเพลงฮิต แต่เราจะไม่จำกัดแนวทางเลย” อ้วนแลนด์เล่า
“การที่เราเปิดเวทีให้เขาได้เล่นดนตรีในสไตล์ของตัวเองทั้งในแบบที่เขาถนัดและชื่นชอบ เพราะถือเป็นการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ๆ ได้นำเสนอเพลงที่ตัวเองอยากมาเล่นจริงๆ ไม่จำเป็นต้องไปจำกัดว่าสไตล์ไหน ขอแค่เปิดทางให้แนวดนตรีใหม่ ให้เขาโชว์ตัวตนที่มาจากใจจริงๆ และให้คนฟังได้เห็นความหลากหลายของโลกดนตรีตรงนี้ด้วย เขาจะได้มีพื้นที่ในการปล่อยพลังเพิ่มขึ้น” โจ๊ะเสริม
Ubon Impression
จังหวัดอุบลฯ ยังมีดีอีกมาก
นอกจากพื้นที่สร้างสรรค์ ร้านรวงธุรกิจเล็กๆ ของคนอุบลฯ Impression Sunrise คือภาพแทนหนึ่งของคนรุ่นใหม่ในจังหวัดที่มีไฟลุกโชน จนกระทั่งเข้ามาสร้างคอมมิวนิตี้สนุกๆ ให้เกิดขึ้นในบ้านเกิดแบบไม่ง้อหรือรอใคร
เมื่อปลายเดือนธันวาคมปี 2563 พื้นที่นี้ยังเข้าร่วมกิจกรรมเวิร์กช็อปเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในงาน UBON ART FEST 2020 เพื่อเปิดพื้นที่ให้คนมาเอนจอยงานศิลปะ และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งของซีนศิลปะที่กำลังก่อตัวขึ้นในจังหวัดแบบค่อยเป็นค่อยไป



“ความจริงแล้วผมอยากพัฒนาอุบลฯ ให้ก้าวไปสู่โมเดลแบบจังหวัดเชียงใหม่ในฐานะเมืองท่องเที่ยวที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งผมเห็นว่าอุบลฯ เองก็มีศักยภาพสูงไม่แพ้ใคร เพราะมีวัฒนธรรมหลากหลาย มีการเดินทางที่พร้อม มีสนามบิน และมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่สามารถออกไปจากตัวเมืองได้ภายในเวลาชั่วโมงเดียว ซึ่งจากสิ่งที่พวกเราทำกันมา ผมคิดว่าคนข้างนอกที่ได้มาเห็นน่าจะรับรู้ได้ว่าเมืองของเรามีศักยภาพ
“ผมเห็นว่าอุบลฯ เริ่มมีองค์ประกอบที่ใกล้เคียงที่จะเป็นแบบเชียงใหม่ได้ ในแง่สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองก็มีที่ให้เดินเล่นทอดน่อง อีกส่วนเราก็มีอุทยานแห่งชาติ แม่น้ำโขง สามพันโบก โขงเจียม และน้ำตก ใช้เวลามาเที่ยวครั้งหนึ่งได้ถึง 2-3 วัน เพราะจริงๆ เรามีอะไรให้ทำมากกว่าที่จะอยู่แค่วันเดียวจบแล้วกลับบ้าน”
“คนที่มาเที่ยวในตัวเมืองอุบลฯ จะสัมผัสได้ว่าตอนนี้คาเฟ่ในบ้านเราเยอะมาก ทำให้มีทางเลือกที่จะไปเที่ยวได้เยอะมากกว่าแต่ก่อน การเดินทางมาในเมืองจะไม่ใช่แค่การมาถึงวันเดียวแล้วเที่ยวหมดทุกที่เหมือนในอดีต แต่ก่อนคนอาจคิดว่าเมืองอุบลฯ ไม่มีอะไรเลย วนรอบเมืองแป๊บเดียวก็ครบแล้ว แต่ตอนนี้คนมาเที่ยวสามารถใช้เวลาในเมืองได้มากขึ้น” โจ๊ะเล่าอย่างมีความหวัง


“Impression Sunrise อยากเป็นหนึ่งในทางเลือกว่าอุบลฯ มีสิ่งที่รอให้คุณได้มาทำร่วมกัน เพราะฉะนั้นถ้ามาอุบลฯ แล้วคิดไม่ออก ก็อยากให้มาที่นี่ก่อนเลยอันดับแรก เพราะเรามีหลายอย่างรวมอยู่ในที่เดียว ตรงนี้มีทั้งร้านตัดผม ที่ดื่มกาแฟ กินขนม อาหาร และทำงานศิลปะ สามารถทำสิ่งต่างๆ ทั้งวันในนี้ได้เลย เพราะพวกเราคิดมาตั้งแต่แรกแล้วว่าอยากให้มันเป็นพื้นที่ของผู้คนที่เข้ามาทำความรู้จักกันได้ตลอดเวลา” มิ้นเสริม
“ในอนาคต Impression Sunrise จะมีตลาดนัดปล่อยของทุกๆ เดือน ซึ่งจะมีของมือสองขาย เช่น ของตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ ต้นไม้ งานศิลปะ ภาพถ่าย อาหาร และเครื่องดื่ม นอกจากอีเวนต์ขายของยังมีการเล่นดนตรีและฉายหนังภายในงานด้วย โดยเราหวังว่าจะได้เป็นพื้นที่เล็กๆ เพื่อการรวมตัวกันของคนที่มีความสนใจเหมือนกัน ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ตัวเองถนัดหรือสนใจ อาจจะเอาของที่เราไม่ได้ใช้ประโยชน์ เอาวิชาความรู้หรือความถนัดต่างๆ มาปล่อยของกัน ซึ่งอาจมีประโยชน์หรือมีความหมายกับคนอื่นๆ ที่มาร่วมในงานได้” โจ๊ะปิดท้าย
address : 30/1 ถนนพโลชัย ตำบลในเมือง อำเภอเมืองฯ จังหวัดอุบลราชธานี
hour : ทุกวัน 10:00-00:00 น. (วันพฤหัสบดี 16:00-00:00 น. ปิดโซนคาเฟ่ชั้น 1)
facebook : Impression Sunrise