ตามไปดูความยิ่งใหญ่ของโคมไฟที่ผสานวัฒนธรรมกับเทคโนโลยีสุดลงตัวที่งาน 2018 Taiwan Lantern Festival

ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เราได้รับเชิญไปเข้าร่วมพิธีเปิดของ 2018 Taiwan Lantern Festival ณ เมืองเฉียยี (Chiayi) ที่ไต้หวันมาครับ เทศกาลโคมไฟนี้เป็นงานประจำปีของไต้หวันที่จัดต่อเนื่องมา 29 ปีแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ปีนี้พิเศษกว่าทุกปีคือผู้จัดงานเนรมิตลานโล่งกว้างกว่า 320 ไร่กลางเมืองเฉียยีให้เป็นสถานที่จัดงาน

จุดเริ่มต้นที่ทำให้ไต้หวันให้ความสำคัญกับเทศกาลโคมไฟ มีที่มาจากทั้งวัฒนธรรมของจีนและญี่ปุ่นผสมกัน ทุกๆ วันที่ 15 ในเดือนแรกของปฏิทินจันทรคติถือเป็นวันตรุษจีนหรือวันขึ้นปีใหม่ของไต้หวัน งานเฉลิมฉลองวาระประจำปีนี้เลยเต็มไปด้วยพลุและโคมไฟเพื่อสร้างบรรยากาศให้เริ่มต้นปีใหม่ด้วยสีสัน และยังเป็นสัญลักษณ์ในการขอพรเริ่มต้นปีให้พร้อมไปด้วยแสงสว่างไสว

ในปี 1990 ทางการไต้หวันเลยหยิบความเป็นมานี้มาต่อยอดเป็นเทศกาลประจำปีของที่นี่ งานเทศกาลโคมไฟจัดขึ้นครั้งแรกที่เมืองไทเปและลากยาวต่อเนื่องมาเป็นสิบปีจนกลายเป็นงานเทศกาลที่ได้รับความนิยมทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ คนไต้หวันและนักท่องเที่ยวต่างมาท่องเที่ยวที่ไทเปในช่วงเทศกาลนี้ กรมการท่องเที่ยวไต้หวันจึงเล็งเห็นว่าความนิยมที่เกิดขึ้นนี้สามารถนำมาพัฒนาชื่อเสียงและเศรษฐกิจของเมืองอื่นๆ ในไต้หวันได้ พวกเขาจึงเปลี่ยนแนวทางการจัดงานโดนย้ายสถานที่จัดงานไปตามเมืองต่างๆ ให้ไม่ซ้ำกันในแต่ละปี และในปี 2018 นี้ก็ถึงคิวของเมืองเฉียยีที่รับผิดชอบจัดงานเทศกาลโคมไฟประจำปีครั้งที่ 29

งานเทศกาลโคมไฟประจำปี 2018 นี้จัดมาตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ภายในพื้นที่กว่า 320 ไร่ แบ่งเป็นโซนต่างๆ ตั้งแต่โซนเวทีใหญ่ โซนวัฒนธรรมศาสนา โซนโคมไฟประวัติศาสตร์จนถึงโซนโคมไฟร่วมสมัยประดับประดาไปด้วยโคมไฟมากมายมหาศาล ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ หรือใหญ่มากถึงขนาดเท่าตึกสิบชั้น โดยแต่ละโคมไฟล้วนมีเอกลักษณ์ต่างกัน ส่วนใหญ่จะใส่สัญลักษณ์ที่สื่อถึงวัฒนธรรมของไต้หวันและเมืองเฉียยีเอง เช่น โคมไฟรูปปลาหรือสัตว์ป่าที่แสดงออกถึงลักษณะพื้นที่ของเมืองที่ด้านหนึ่งติดทะเล ส่วนอีกด้านติดกับภูเขา นอกจากนี้ยังมีโคมไฟที่ทำขึ้นมาเป็นรูปการ์ตูนตามสมัยนิยม ตั้งแต่ตัวละครในดิสนีย์ไปจนถึงโปเกมอน (แอบกระซิบว่างานนี้เป็นพาร์ตเนอร์กับเกม Pokémon Go ด้วยนะ ภายในงานมีเสายิมปักอยู่เพียบ เราเลยจะเห็นเหล่าโปเกมอนเทรนเนอร์กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ)

นอกจากความอลังการของโคมไฟใหญ่ยักษ์ ทางการท่องเที่ยวไต้หวันยังสนับสนุนและผลักดันงานนี้สุดตัว นักท่องเที่ยวที่มางานจะได้รับแจกโคมไฟน้องหมาซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของงานได้ฟรี ภายในงานมี wi-fi ฟรีตลอดงาน รวมถึงยังมีเวทีโชว์ศิลปวัฒนธรรมต่างๆ หลากหลายทั้งจากไต้หวันเองและศิลปินต่างประเทศที่เชิญมา ฝั่งไทยเรามีวงดนตรี Seal Pillow ไปขึ้นโชว์ด้วยในวันที่ 6 มีนาคมนี้

ตลอดเวลากว่า 3 ชั่วโมงที่เราเดินอยู่ในงาน เราสัมผัสได้ถึงความอลังการของเหล่าโคมไฟที่ล้วนซ่อนวัฒนธรรมที่ผสมลงตัวเป็นเนื้อเดียวกับเทคโนโลยี ไฮไลต์ของงานคงเป็นโคมไฟที่สูงกว่าตึก 10 ชั้นที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางลานกิจกรรมหลัก งานชิ้นนี้ทำขึ้นมาในรูปชนเผ่าท้องถิ่นของเฉียยีกับสุนัขที่เป็นสัตว์เลี้ยงคู่ใจของชาวเมืองมาตั้งแต่อดีต โคมไฟยักษ์นี้ยังสามารถปรับแสงสีออกมาได้กว่า 10 แบบ อีกไฮไลต์ของงานคือโคมแดงและโคมเหลืองที่ประดับอยู่บนต้นไม้ยักษ์บริเวณทางเข้า ผลงานเหล่านี้ล้วนสร้างสรรค์ขึ้นโดยศิลปินและเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่เป็นชาวเมืองเฉียยีเอง นักท่องเที่ยวที่มาต่างได้เพลิดเพลินกับความสวยงามที่แฝงด้วยวัฒนธรรมและเทคโนโลยีเหล่านี้

ใครอยู่ไต้หวันพอดีและอยากจะไปสัมผัสบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยวัฒนธรรมและแสงสีของโคมไฟ เราขอแนะนำให้รีบไปหน่อยเพราะงานนี้จัดถึงวันที่ 11 มีนาคม ส่วนใครที่เตรียมตัวไม่ทันด้วยความกระชั้นชิด เทศกาลโคมไฟประจำปีของไต้หวันจะกลับมาอีกครั้งที่เมืองผิงตง (Pingtung) บริเวณท่าเรือ Dapeng ใครอยากมาสัมผัสบรรยากาศสวยงามแบบนี้ก็วางแผนทริปและลงปฏิทินปีหน้าไว้ได้เลย

ขอบคุณ การท่องเที่ยวไต้หวัน ที่พาเราไปเที่ยวด้วยนะครับ 🙂

www.taiwan.net.tw

AUTHOR