ทันทีที่รู้ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งลุกขึ้นมาสร้างสรรค์การเรียนภาษาอังกฤษรูปแบบใหม่ โดยชักชวนคนที่ไม่มีพื้นฐานมาลองเรียนพูดภาษาอังกฤษผ่านการทำเวิร์กช็อปไอเดียสนุก ไม่ว่าจะเป็นการทำหนังสือทำมือ ถ่ายแฟชั่น หรือแม้กระทั่งการทำแฮมเบอร์เกอร์ แต่งานนี้เขามีข้อแม้สั้นๆ แค่ว่าห้ามเขินที่จะพูดภาษาอังกฤษออกมาและห้ามคิดมากเรื่องไวยากรณ์
เมื่อคนที่มาร่วมเวิร์กช็อปล้วนเป็นผู้ใหญ่ นักศึกษา และวัยทำงาน ไม่ได้เป็นคนมีพื้นฐานการพูดภาษาอังกฤษมากนัก แล้วผลของการเวิร์กช็อปภาษาอังกฤษครั้งนี้จะออกมารูปแบบไหน จะเปลี่ยนแปลงผู้เรียนได้จริงไหม
ไม่รอช้า เราออกเดินทางร่วมเรียนรู้ทั้งภาษาอังกฤษ ทั้งแนวคิดเบื้องหลังกับ อ๊อบ-กฤตนุ กุลบุศย์ และ ผึ้ง-นุชฎา สุวรรณวงศ์ ผู้ริเริ่มโปรเจกต์การเรียนภาษารูปแบบเวิร์กช็อปในนาม Inspire English และเพื่อนๆ ผู้ร่วมระดมสมองออกไอเดียสุดสนุก
เริ่มคิดจากอะไร?
จากอดีตวิศวกรหนุ่มที่ไม่เก่งภาษาและกลัวการพูดภาษาอังกฤษมากๆ ตลอดช่วงวัยเรียน อ๊อบพบว่าตัวเองกลับสามารถพูดภาษาที่ 2 และภาษาที่ 3 ได้ในวัยย่างเข้าสู่เลข 3 โดยมีจุดเริ่มต้นเล็กๆ จากการได้ทำงานกับคนหลายเชื้อชาติ เจอสังคมที่เปิดกว้างกับทุกภาษา ได้สนุกกับการพูดทั้งผิดและถูกผสมกับการใช้ภาษามือ แต่ทุกคนพยายามเข้าใจกันและมองภาษาเป็นแค่สิ่งที่ทำให้สื่อสารกันรู้เรื่อง
กลายเป็นว่าการเรียนรู้จากสิ่งที่ตัวเองพูดผิดพูดถูกกลับทำให้ใช้ภาษาได้จริงๆ ภายในเวลาไม่ถึงปี นี่เป็นสิ่งที่จุดประกายความคิดและทำให้อ๊อบมองย้อนกลับไปถามตัวเองเกี่ยวกับการเรียนรู้ภาษาที่ผ่านมา
“ผมว่าเราไม่ได้ขาดโอกาสในการเรียนรู้นะ แต่เราขาดโอกาสในการใช้ เลยกลายเป็นกำแพงที่ทำให้คนไทยส่วนใหญ่ทำข้อสอบได้ แต่ไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตจริงได้ เพราะเราเรียน เราท่องจำ เราสอบ แล้วคุณครูก็บอกว่าให้เราเอาไปใช้ แต่เรามีโอกาสได้ใช้ไหม คำตอบคือไม่
“เหมือนเราขี่จักรยาน ถ้าเรานั่งท่องวิธีการขี่ เราจะขี่เป็นได้ไง เราจะขี่เป็นต่อเมื่อได้เรียนรู้จากการลงมือขี่จริง ล้มจริงต่างหาก
“อย่าลืมว่าตอนเราเป็นเด็ก 2 – 3 ขวบ เราพูดคุยกับพ่อแม่ได้ทั้งๆ ที่ยังอ่านหนังสือไม่ออก ไม่รู้จักคำศัพท์ (Vocabulary) คืออะไร ไวยากรณ์ (Grammar) คืออะไรเลยด้วยซ้ำ แต่เรากลับพูดคุยกับพ่อแม่ได้ นั่นเพราะเราได้เรียนรู้ภาษาจากการได้ยิน ได้ฟัง ได้ทำ และได้ใช้จริงต่างหาก”
นั่นเลยเป็นจุดเริ่มต้นที่เขาและ ครูผึ้ง-นุชฏา สุวรรณวงศ์, ครูปุ้น-พิชามญชุ์ สุจริตวงศานนท์, ครูพลอย-ชมพูนุช สุนทรพงศาธร, ครูใหม่-อมลวรรณ เพ็งอุ่น, ครูฝ้าย-มุทิตา คังคะเกตุ และ ครูหลิง-อภิศรา เลิศชนะพิสิฐ กลุ่มเพื่อนคุณครูที่รักภาษาอังกฤษริเริ่มคิดค้นรูปแบบการเรียนรู้ที่สร้างแรงบันดาลใจและเปลี่ยนแปลงทัศนคติผู้เรียน ด้วยวิธีการจำลองโลกแห่งความจริงมาไว้ในห้องเรียนผ่านกิจกรรมเวิร์กช็อป เพื่อให้ผู้เรียนพูดภาษาอังกฤษได้จริงจากการทำเวิร์กช็อป
เวิร์กช็อปนี้มีอะไร?
เวิร์กช็อปครั้งนี้ครูผู้สอนได้หยิบเอาสถานการณ์จริงที่ทุกคนสามารถพบเจอในชีวิตประจำวันมาใช้ เช่น การยกห้องครัวไทยมาไว้ในห้องเรียน แบ่งกลุ่มผู้เรียนที่ไม่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษมาก่อนคละไปกับผู้เรียนที่อาจมีพื้นฐานมาบ้างเข้าด้วยกัน แจกจ่ายอุปกรณ์ วัตถุดิบคุณภาพสำหรับทำลูกชุบตามโจทย์ที่ผู้สอนเป็นคนคิดขึ้น
ลักษณะโจทย์ที่คิดขึ้นค่อนข้างเป็นโจทย์ปลายเปิด คือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้คิดต่อยอดสร้างสรรค์ลูกชุบในรูปแบบที่ต่างออกไปจากดั้งเดิม
แน่นอนว่าไอเดียของผู้เรียนทุกคนจะเป็นจริงได้ ก็ต่อเมื่อมีการพูดคุยปรึกษากับผู้เรียนคนอื่น มีข้อแม้อย่างเดียวว่า ทุกคนต้องสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษเท่านั้น หากสื่อสารได้ดีผู้เรียนก็สามารถผลิตชิ้นงานที่ตรงใจ ก่อนถ่ายทอดความภูมิใจนั้นให้กับทุกคนในห้องครัวจำลอง
“การเรียนภาษาผ่านกิจกรรมที่เราคิด เป็นรูปแบบที่นักวิจัยทางด้านภาษาศาสตร์คิดค้นขึ้นมาหลาย 10 ปีแล้ว แต่ช่วงนี้การเรียนรูปแบบดังกล่าวกำลังเริ่มเป็นที่นิยมในหลายๆ ประเทศ อย่างประเทศฮ่องกง เราทราบมาว่าทางรัฐบาลเขาได้มีการวิจัยรูปแบบการเรียนการสอนผ่านการทำกิจกรรมอย่างจริงจัง ซึ่งผลวิจัยออกมาว่าภาษาไม่ใช่ผลลัพธ์ในการเรียน แต่เป็นเพียงเครื่องมือในการสื่อสาร”
อย่างเวิร์กช็อปวันนี้ทุกคนมาทำลูกชุบ ผลลัพธ์ก็คือคุณทำลูกชุบสำเร็จ
เมื่อเราวัดความสำเร็จของทุกคนจากลูกชุบ ไม่ใช่ความเป๊ะทางภาษา ทุกคนเลยกล้าที่จะพูด กิจกรรมเวิร์กช็อปไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าเดี๋ยวเราจะมาวัดภาษาเขา สำหรับเราถ้าคุณทำลูกชุบสำเร็จนั่นก็คือคุณสามารถสื่อสารได้แล้วนะ
แน่นอนว่าทุกคนอาจจะไม่สามารถเก่งได้ในการทำเวิร์กช็อปเพียงแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว แต่ถ้าเราเปลี่ยนให้ผู้เรียนรู้สึกว่าภาษาอังกฤษเป็นเรื่องสนุก ไม่เขินอายที่จะพูดออกมา เราเชื่อว่าเดี๋ยวเขาก็จะออกไปสื่อสารภาษาอังกฤษกับคนข้างนอกและเมื่อพูดบ่อยๆ ภาษาอังกฤษก็จะพัฒนาขึ้นตามลำดับ
มาเวิร์กช็อปนี้แล้วได้อะไร?
ได้ภาษาแถมได้เพื่อนมาแบบไม่รู้ตัว
อ๋อง นักศึกษาจบใหม่ที่มาร่วมเวิร์กช็อปนี้เป็นครั้งแรกบอกกับเราพร้อมรอยยิ้มว่า จริงๆ ตั้งใจมาเสริมทักษะภาษา แต่กลับได้มากกว่าภาษา “ส่วนตัวไม่เคยเห็นการเรียนแบบที่มีการจำลองสถานการณ์จริงจากที่อื่น เช่น วันนี้เวิร์กช็อปทำลูกชุบ เราเองก็ไม่เคยทำมาก่อน แน่นอนว่ามันต้องมีคำถาม ทำให้เรามีเรื่องคุย เพราะต้องวางแผนการทำงานกันในทีม มันเลยมีหัวข้อไปคุยกับคนอื่นๆ โดยอัตโนมัติ”
ได้ความมั่นใจคืนมา
“ก่อนมาเรียนเรากลัวการพูดภาษาอังกฤษมาก ยิ่งช่วงนี้เราทำงานต้องติดต่อกับต่างชาติเยอะ เราฟังออกนะ แต่ปัญหาคือสื่อสารไม่คล่อง พอเข้าร่วมเวิร์กช็อปบ่อยๆ ทำให้ทักษะการพูดของเราคล่องขึ้น อาจารย์เขาจะมีเทคนิคทำให้เรากล้าพูด ถึงแม้เราจะพูดผิด เขาก็แก้ให้ถูกต้อง แต่ไม่ทำให้เรารู้สึกอาย หรือขาดความมั่นใจ พอนึกคำไหนออกก็พูดไปก่อนเลย แต่ถ้าเราอยากให้คำเราสละสลวยขึ้น ครูก็จะแนะนำและปรับให้เรา” กิฟท์ เลขาฯ มากความสามารถของเจ้านายชาวญี่ปุ่นผู้ใช้ภาษาอังกฤษตลอดเวลา แต่ติดปัญหาเรื่องความมั่นใจบอกเราอย่างนั้น
ได้คิดนอกกรอบ
อาย สาวน้อยที่เอนจอยกับการปั้นลูกชุบดีไซน์แปลกในเวิร์กช็อปบอกกับเราว่า นี่คือคลาสฝึกความคิดสร้างสรรค์ขนาดย่อมๆ“อายชอบสไตล์การเรียนแบบเวิร์กช็อป มันไม่ใช่แค่การเรียนภาษาอังกฤษทั่วไป แต่เราจะได้ฝึกความคิดสร้างสรรค์ สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อย่างการทำลูกชุบแข่งกับทีมอื่น ทุกคนใช้ไอเดียกันหนักมาก คิดเสร็จก็ต้องสื่อสารให้เพื่อนในทีมเข้าใจความคิดต่อ ซึ่งเพื่อนๆ แต่ละคนก็ทำให้เราอยากพัฒนาตัวเองมากขึ้น”
ได้แรงบันดาลใจ
ส่วน ครูปุ้น หนึ่งในทีมออกแบบเวิร์กช็อปครั้งนี้บอกเราว่า “สิ่งที่สนุกที่สุดของคนจัดเวิร์กช็อป คือการกระตุ้นไอเดียและแรงบันดาลใจของนักเรียน ดังนั้นทุกอย่างจะมาจากผู้เรียน เราแค่ช่วยแนะแนวทางว่าจะพูดอย่างไรดี อย่างน้อยให้เขารู้สึกว่ายังมีที่พึ่งมากกว่า เรามองว่าตัวเองเหมือนเป็นคนที่คอยสนับสนุนมากกว่าการเป็นอาจารย์ แล้วให้ทุกคนเกิดการต่อยอดด้วยตัวเอง”
แนะนำให้ตามไปเรียน
สำหรับใครที่อยากทดลองเรียนภาษาอังกฤษผ่านการเวิร์กช็อปสุดสร้างสรรค์ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดการเวิร์กช็อปคอนเซปต์สนุกไม่ซ้ำในแต่ละเดือน ได้ที่ www.inspire-english.in.th หรือ Inspire.English.Learning โทร. 086-445-9536