โครงการ JA SparktheDream เพิ่มความรู้ทางการเงิน ทักษะสำคัญในการใช้ชีวิตแก่นักเรียน

โครงการ JA SparktheDream เพิ่มความรู้ทางการเงิน ทักษะสำคัญในการใช้ชีวิตแก่นักเรียน

การมีทักษะความรู้ทางการเงิน ถือเป็นทักษะความรู้ที่สำคัญอย่างหนึ่งสำหรับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน ถ้าหากเราสามารถปลูกฝังความรู้ทางการเงินและสร้างวินัยทางการเงินที่ดีได้ตั้งแต่ในวัยเรียน ก็จะเป็นทักษะที่ติดตัวเด็กจนกระทั่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่ พร้อมส่งผลดีแก่ตัวเด็กเองในเรื่องการวางแผนและการตัดสินใจในการใช้จ่ายเงินอย่างเหมาะสมต่อไปในอนาคต

บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ FWD ประกันชีวิต ร่วมมือกับ มูลนิธิจูเนียร์อะชีฟเม้นท์ ประเทศไทย จัดทำโครงการ JA SparktheDream ซึ่งเป็นโครงการที่มุ่งให้ความรู้ทางการเงินแก่กลุ่มเยาวชนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 5 และ 6 จำนวน 1,000 คน ในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งต่อความรู้ทางการเงิน สังคม และทักษะการใช้ชีวิต ตั้งแต่ระดับพื้นฐานให้แก่เยาวชน พร้อมสอดแทรกทักษะทางสังคมและทักษะชีวิตที่จำเป็นให้กับเยาวชนเป็นผู้มีความสามารถในการตัดสินใจทางการเงินอย่างรอบคอบ สร้างความมั่นคงทางการเงินและลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม

โครงการ JA SparktheDream นำเสนอความรู้ทางการเงินใน 3 บทเรียนหลัก ได้แก่ บทเรียนที่ 1) การหารายได้ การเก็บออม และการใช้จ่าย บทเรียนที่ 2) การวางแผนทางการเงิน บันทึกรายรับ รายจ่าย และบทเรียนที่ 3) แรงบันดาลใจและความมั่นคงทางการเงิน ผ่านการเรียนรู้ในรูปแบบของเกมจำลองสถานการณ์ แบบทดสอบ และกิจกรรมประเภทต่างๆ โดยใช้เนื้อหาที่เข้าใจง่ายและออกแบบให้สามารถปรับใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ซึ่งนักเรียนจะได้พัฒนาทักษะความรู้ทางการเงินผ่านบทเรียนการจัดการทางการเงิน และจากประสบการณ์ที่หลากหลายจากอาสาสมัครเอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต ที่จะเป็นครูพี่เลี้ยงและร่วมทำกิจกรรม โดยมีทางมูลนิธิฯ เป็นผู้ทำแผนการสอนและประสานงานกับทางโรงเรียนและผู้สอน 

เดวิด โครูนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เรามีความมุ่งมั่นที่จะสร้างความเท่าเทียมกันสำหรับทุกคนในสังคม เพื่อให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตเต็มที่ Celebrate living ได้โดยไม่ต้องกังวล เพราะประกัน FWD ดูแลให้ ดังนั้นเราจึงสนับสนุนเยาวชนให้มีความรู้ทางการเงิน พร้อมกับเสริมทักษะชีวิตระดับพื้นฐานผ่านโครงการ JA SparktheDream ที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้สร้างความเข้าใจทางการเงิน เริ่มจากการออม การใช้จ่าย และการหารายได้ ควบคู่กับการเรียนรู้ผ่านการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ นอกจากประโยชน์ที่เด็กๆ จะได้รับ เรายังมองเห็นความสำคัญของการร่วมดูแลและพัฒนาชุมชน ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง   พันธกิจของเราเสมอมา”

หม่อมหลวงปริยดา ดิศกุล กรรมการอำนวยการ มูลนิธิจูเนียร์อะชีฟเม้นท์ ประเทศไทย หรือ JA Thailand กล่าวว่า “โรงเรียนวัดเจริญบุญ จังหวัดปทุมธานี เป็นโรงเรียนแรกที่เราเริ่มต้นไปทำกิจกรรม การที่เด็กๆ ได้มีความรู้ ความเข้าใจทางด้านการเงิน ไม่เพียงแต่จะช่วยตัวเด็กเอง แต่เด็กยังสามารถนำความรู้ไปช่วยเหลือครอบครัวของพวกเขาเองได้ และเผื่อแผ่ไปยังชุมชนได้อีกด้วย สำหรับโรงเรียนนี้มีนักเรียนระดับชั้น ป.4 ป.5 และ ป.6 เข้าร่วมกิจกรรมทั้งสิ้น 56 คน ในขณะที่เจ้าหน้าที่อาสาสมัครของ FWD ประกันชีวิต ทุกคนมีความกระตือรือร้นและมีความตั้งใจในการทำกิจกรรม มีความพยายามที่จะปรับในเรื่องของเทคนิคการปรับตัวให้เข้ากับเด็กวัยนี้ นอกจากนี้เรายังมองถึงเรื่องความยั่งยืนด้วยเช่นกัน โดยได้มีการปรึกษาทางผู้ใหญ่ของ FWD ประกันชีวิตและทางผู้อำนวยการโรงเรียนด้วยว่า หลังจากการลงพื้นที่ทำกิจกรรมแล้ว ในช่วงปิดภาคเรียน เราตั้งใจจะมาจัดอบรมคุณครู เพื่อให้ในปีต่อๆ ไปทางโรงเรียนสามารถนำไปใช้กับเด็กๆ ได้ หรือนำไป plug-in เข้าไปในหลักสูตรที่เรียนได้ ต้องบอกว่าความรู้เรื่องการเงิน เป็นหนึ่งในความรู้ที่เด็กทุกคนจะต้องได้เรียนรู้ในกรอบการศึกษาของศตวรรษที่ 21 ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการก็เน้นย้ำเรื่องนี้ ซึ่งสิ่งที่เราคาดหวังว่าเด็กจะได้รับจากการทำกิจกรรม คือ เด็กควรจะต้องรู้จักการออม และรู้จักการใช้เงินอย่างชาญฉลาด”

“โครงการนี้นับเป็นโครงการแรกที่มาให้ความรู้เกี่ยวกับการเงินในโรงเรียนของเรา ปกติเราจะสอนความรู้เรื่องการเงินในหลักสูตรการเรียน หรือไม่ก็ชั่วโมงโฮมรูมในช่วงเช้า ซึ่งจะเป็นการให้ข้อคิดเกี่ยวกับการใช้เงิน เป็นลักษณะการสอนผ่านทางหลักสูตร ไม่ได้เป็นกระบวนการที่จริงจังแบบนี้ หลังจากที่ได้สัมผัสแล้วก็รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใกล้ตัว ที่เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ คนทุกวัยควรรู้ เรื่องเหล่านี้ถือว่าเป็นประโยชน์กับเด็กทุกคน เราคาดหวังว่า ในอนาคตเมื่อเด็กมีรายได้เป็นของตัวเองแล้ว อยากให้เด็กๆ มีกระบวนการคิดในการจัดสรรปันส่วนในเรื่องของการออม การใช้จ่าย ตามที่พี่ๆ มาให้ความรู้ในวันนี้ รวมถึงว่า ถ้าเรามีเงินแล้วเราสามารถนำเงินไปต่อยอดทำอะไรอื่นๆ ได้อีกบ้าง ให้เกิดผลที่ดียิ่งขึ้นกับชีวิตของตัวเด็กเอง อยากให้เด็กๆ มีความรู้พวกนี้ติดตัวไว้”  นางภรณพรรษ นวกวงค์ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดเจริญบุญ กล่าวถึงโครงการ JA SparktheDream

น้องแม็ค – ด.ช.ธีรเดช แซ่จิว นักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนวัดเจริญบุญ พูดถึงการเข้าร่วมกิจกรรมในโครงการฯ ไว้ว่า “รู้สึกตื่นเต้นและสนุกมากๆ เลยครับ พี่ๆ ที่มาให้ความรู้กับพวกเราในวันนี้น่ารัก สอนดีมากเลยครับ เนื้อหาก็เข้าใจง่าย อีกอย่างความรู้เรื่องการเงิน พวกผมยังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ แต่เมื่อได้เรียนกับพวกพี่ๆ ในวันนี้ ทำให้ผมต้องรู้จักคิดก่อนที่จะใช้ ที่สำคัญที่สุดต้องรู้จักอดออม และประหยัดมากขึ้นครับ”

ด้านน้องวุ้นเส้น – ด.ญ.อนัญญา แก่นจันทร์ นักเรียนชั้น ป.4 กล่าวว่า “รู้สึกสนุกและดีใจที่ได้เรียนรู้เรื่องการเงิน ชอบที่ได้มีการลองทำแบบฝึกหัด มีกิจกรรมหลายอย่างให้เล่น มีเกมบิงโก มีการ์ตูนน่าสนใจ ชอบพี่ๆ ที่มาสอน เรียนจบแล้วทำให้เรารู้จักวิธีการจัดการเงินเอาไว้ใช้ในยามจำเป็น และจะนำเอาไปปรับใช้ด้วยค่ะ” 

บอล – นายอภิวิชญ์ ไพศาลทรัพย์ เจ้าหน้าที่อาสาสมัคร ฝ่าย Business Training Center FWD ประกันชีวิต กล่าวถึงการมีส่วนร่วมในโครงการฯ ว่า “การมาสอนน้องๆ ถือว่าเป็นความท้าทายที่ต้องอาศัยการปรับตัว เพราะในงานที่ทำเราจะฝึกอบรมให้กับผู้ใหญ่ แต่พอมาเจอเด็กๆ เราก็จะต้องมีการปรับรูปแบบหรือวิธีการให้สอดคล้องกับเด็ก เช่น การใช้น้ำเสียง กิจกรรมในการสอน เด็กเป็นสีสันที่ทำให้เราได้ย้อนวัยว่าครั้งหนึ่งเราก็เคยเป็นแบบนี้ ครั้งนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีที่เราได้เอาความรู้ดีๆ ที่เรามีมาสอนให้น้องๆ บวกกับกิจกรรมที่ทาง JA Thailand เตรียมมา ช่วยให้เด็กๆ ได้มีองค์ความรู้เรื่องการเงินขั้นพื้นฐาน นับว่ามีประโยชน์กับน้องมาก และสิ่งที่น้องๆ จะได้กลับไปจากการทำกิจกรรม คือ รู้จักว่าความจำเป็นกับความต้องการคืออะไร แตกต่างกันอย่างไร รู้จักการออมเงิน การใช้จ่ายคืออะไร รายได้คืออะไร ผมถือว่าอันนี้เป็นสิ่งสำคัญมากๆ สำหรับความรู้พื้นฐานด้านการเงินที่ทุกคนควรรู้ ไม่ได้จำเพาะว่าจะต้องเป็นผู้ใหญ่อย่างเดียว เรื่องความจำเป็นกับความต้องการ บางทีเราที่เป็นผู้ใหญ่ยังหลงลืมเกี่ยวกับความหมายที่แท้จริงของมันซึ่งถือเป็นเรื่องพื้นฐานที่เราควรจะต้องเข้าใจ” ในขณะที่ เจ้าหน้าที่อาสาสมัคร ของ FWD ประกันชีวิต กล่าวว่า มีความสุขมาก จริงๆ เราไม่ได้แค่มาให้แค่ความรู้แก่น้องๆ เรารู้สึกว่าเราได้อะไรกลับมาด้วย ยิ่งเราให้ เขาก็ให้เรากลับ มันคือ win-win กันทั้งคู่ แม้ว่าโดยหน้าที่ของเราจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเด็ก แต่เราก็สามารถเข้ากันได้เป็นอย่างดี ในวันนี้อย่างน้อยน้องๆ ที่มาทำกิจกรรมจะได้ตระหนักว่าอะไรที่เป็นประโยชน์กับตัวเขาเอง ได้แนวคิดและความรู้ทางการเงินไปปรับใช้ โดยเริ่มจากตัวเองแล้วค่อยบอกต่อกับคนใกล้ตัว

ทักษะความรู้ทางการเงินถือว่าเป็นทักษะเบื้องต้นในการใช้ชีวิตและเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม ถ้าเราสามารถถ่ายทอดความรู้ ปลูกฝังวินัยทางการเงิน ส่งเสริมให้เยาวชนตระหนักถึงความสำคัญของเงิน สร้างความเข้าใจให้เด็กได้รู้จักคิด วิเคราะห์ วางแผน และลงมือทำตั้งแต่อายุยังน้อย จะทำให้เด็กมีทักษะการวางแผน การบริหารจัดการการเงินอย่างเหมาะสม และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ได้ในชีวิตจริง อีกทั้งยังเป็นการสร้างรากฐานที่ดีในการเตรียมพร้อมและจัดการชีวิตไปสู่ความมั่นคงทางการเงินได้ในอนาคต

AUTHOR