จั่วหัวแค่ ‘วรรณคดีไทย’ ก็คงพาใจวัยรุ่นหงอยไปล่วงหน้า เพราะในความทรงจำคงมีแต่กลอนสัมผัสยากๆ คำศัพท์ที่ไม่รู้ความหมาย
หรืออิทธิฤทธิ์ประจำกายตัวละครแต่ละตัว นี่เลยเป็นเหตุผลที่เราอยากพูดคุยกับ 4
หนุ่มวง
The Rube เก๊ท-ศิวพงษ์ เหมวงศ์ (ร้องนำ), จุ๊บ-ธีรวงศ์
วัฒนาจารุพงศ์ (กีตาร์), น๊อต-ทรงพล ศรีสะอาด (เบส) และเจน-ณัชรพงศ์
วัฒนาจารุพงศ์ (กลอง)
จากสาขาวิชาดนตรีสากล คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ที่พวกเขาคิดสนุกเอาดนตรีไทยเดิมมาผสมผสานกับเพลงป๊อปร็อกร่วมสมัย แถมยังเล่าวรรณคดียากๆ
สอดแทรกในเพลงอย่างที่เราเพิ่งได้ฟังกันในซิงเกิลแรกจากอัลบั้มใหม่ของพวกเขา
I’m Sorry (สีดา)
ให้เพลงนี้ค่อยๆ
พิสูจน์ความสามารถของพวกเขาไป แต่ถ้าอยากรู้ความตั้งใจและที่มาของไอเดียสดใหม่ เรามีให้อ่านกันในบทสนทนาต่อจากนี้
แนวทางใหม่ที่ชัดเจนกว่าเดิม
เก๊ท: “พวกเรามาจากการประกวดวงดนตรีหน้าใหม่ในงาน
Melody of Life ครั้งที่ 7 และออกซิงเกิลมาแล้ว
2 เพลงกับทาง Spicy Disc ตั้งแต่ปี 2013
แล้ว เป็นเพลงป๊อปทั่วๆ ไป แต่ว่ากระแสค่อนข้างเงียบ เราพยายามคุยกันว่าจะทำยังไงให้มีที่ยืนในวงการเพลงขึ้นมา
อัลบั้มนี้เลยเปลี่ยนแนวเพลงใหม่ที่พวกเราเรียกว่า Modern Traditional มันเกิดจากเราไปนั่งคุยนั่งแซวเล่นระหว่างที่พี่ๆ วง Mild เขาคิดเพลงอัลบั้มใหม่ ผมก็ร้องเพลงไทยเดิมอะไรไป พี่เป้ (บดินทร์
เจริญราษฎร์) เลยปิ๊งไอเดียว่าพวกเราน่าจะลองเอาเอกลักษณ์ของดนตรีไทย
การร้องแบบไทยเดิมมาประยุกต์กับดนตรีสากลหลายๆ แบบดูนะ ทั้ง R&B, Funk,
Hip Hop, Soul ส่วนตัวผมเองก็โตมากับเพลงลูกทุ่ง ร้องเพลงไทยเดิมได้อยู่แล้ว”
จุ๊บ: “เราเปลี่ยนอะไรมากันเยอะทั้งสมาชิกและแนวเพลง
แต่ความหมายของ The Rube คือชนบท ชานเมือง เราอยากสื่อสารผ่านเพลงว่าเรามีความจริงใจ
ติดดินแบบเด็กบ้านนอกๆ ตอนนี้เราก็ทำเพลงให้ไปในทางเดียวกับชื่อวง”
เพลงไทยเก่าก่อนแต่ไม่เก่าเชย
เก๊ท: “อัลบั้มนี้ใช้ชื่อว่า Thai
– Machine
ย้อนเวลากลับไปหาความเป็นไทยสมัยก่อน
แต่เราเอามาให้ฟังในรูปแบบของเพลงสมัยใหม่ ส่วนตัวเรามักได้ยินน้องๆ เพื่อนๆ
บอกว่าเวลาฟังเพลงไทยเดิมทีไรแล้วรู้สึกกลัว หรือเพลงไหนที่ฟังในงานวัดงานบวชแล้วบอกว่าเชยใช่ไหม
เราจะทำให้ดูว่าเอกลักษณ์ของไทยที่เจ๋งมากๆ ยังสามารถอยู่ได้ในทุกวันนี้”
“นักดนตรีสมัยนี้เวลาสร้างเพลงใหม่ๆ
ก็มักไปเอาสไตล์เพลงต่างประเทศมาใช้จนเด็กสมัยนี้ไม่รู้จักเพลงไทยเดิมแล้ว แต่ถ้าลองฟังเพลงลำตัดที่เขาร้องโต้ตอบกันไปมา
มันก็ไม่ต่างจากฮิปฮอปหรอก”
วรรณคดีไทยตัวดี
เก๊ท: “อย่างเพลง ‘I’m Sorry (สีดา)’ เรามีโครงเรื่องที่พี่เป้เขียนไว้ก่อนเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งอยากขอโทษผู้หญิงในสิ่งที่เขาทำผิดพลาดไป
เราก็เลือกวรรณคดีที่มีเรื่องรักๆ ตรงกันคือรามเกียรติ์ ถ้าศึกษาดีๆ
จะรู้ว่าตอนท้ายเรื่องหลังพระรามตีเมืองแย่งนางสีดาคืนจากทศกัณฐ์ได้แล้ว
พระรามให้นางสีดาเดินลุยไฟพิสูจน์ตัวเองว่ายังบริสุทธิ์อยู่ไหมเพราะจากกันไปตั้ง 14
ปี หรือตอนที่พระรามแกล้งตายเพื่อลองใจนางสีดาจนสูญเสียความเชื่อใจกันไป
เพลงนี้เราร้องแบบไทยเดิมผสมป๊อปร็อก
ส่วนตรงกลางเพลงก็เอาเรื่องรามเกียรติ์มาเล่าให้ฟังในสไตล์ R&Bด้วยเลย”
จุ๊บ: “6 เพลงในอัลบั้มนี้เราตีความจากวรรณคดีไทยทั้งหมด
ดูว่าเรื่องนี้เหมาะกับเพลงไหน เพลงต่อไปก็จะหยิบเรื่องขุนช้างขุนแผน สังข์ทอง มาเล่าใหม่
อาจเป็นลำตัด เพลงฉ่อย ผสมกับเพลงป๊อปหลายๆ แบบ เพราะวรรณคดีบางเรื่องเล่าแบบขับเสภาซึ่งฟังยาก
ในอนาคตเราก็คิดไว้หลายๆ ทางเลือก อาจจะตีความจากวรรณคดีเรื่องอื่นหรือหยิบเรื่องการละเล่นไทยพื้นบ้านมาก็ได้
ฉีกไปเลย”
“การทำอัลบั้มนี้มันเหมือนซื้อหวยนะ
แต่เราก็ไม่เผื่อเซฟโซน สองซิงเกิลก่อนเราอาจทำเอาใจคนฟัง แต่อัลบั้มนี้เราทำในสิ่งที่เราอยากทำ
ตั้งใจและไปให้สุด เอาความเป็นไทยกลับมาให้ทุกคนได้ฟัง ผลออกมายังไงเราก็ได้ทำแล้ว”