วันที่ฉันกล้าเอื้อมมือคว้าแสงสว่าง

เป็นเวลายาวนานมากที่ฉันขังตัวเองอยู่ในความมืด
ฉันไม่กล้าเปิดประตูให้แสงสว่างเข้ามา
ทั้งที่ฉันตามหาแสงสว่างมากกว่าอะไรทั้งหมด

.

เรื่องของฉันเริ่มต้นขึ้นในวันที่ผลการเรียนออก
วันนั้นเป็นวันที่ฉันรู้ชะตากรรมตัวเองมากกว่าใคร
ฉันรู้ว่าปีที่ผ่านมาฉันเรียนได้แย่มากโดยฉันให้เหตุผลตัวเองว่าไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่ได้ตั้งใจให้ผลการเรียนแย่ แต่ฉันไม่รู้จะสู้กับสิ่งที่ฉันเจอได้อย่างไร ฉันรู้ว่าฉันเป็นอะไร
แต่ฉันก็ยังไม่กล้าที่จะออกจากความมืดนั้นอยู่ดี

ฉันเป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 4 ของศูนย์แพทยศาสตร์ชั้นคลินิกแห่งหนึ่ง วันที่ฉันรู้ว่ากำลังจะขึ้นปี 4 ฉันยังไม่พร้อมและได้แต่ตะโกนกู่ก้องในใจว่า
มีบางอย่างเกิดขึ้นกับฉันและมันทำให้ฉันไม่พร้อมที่จะเรียนในตอนนั้น แต่ฉันไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากใคร

ฉันเป็นเด็กเรียนดีมาตั้งแต่เด็กคนหนึ่งที่มาจากชนบทห่างไกลจากตัวเมือง สอบเข้าโรงเรียนประจำจังหวัดได้ และไต่เข้าอันดับต้นๆ ของชั้นปี จบ ม.6 ฉันสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง

ปรากฏว่ามีชื่อฉันอยู่ในนั้น ฉันดูไม่ผิด
ฉันสอบติด

ฉันดีใจมาก
จนถึงวันนี้ฉันก็ยังจำวันนั้นได้

จนวันนี้ที่ฉันนั่งเขียนบันทึกนี้ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่บ้านน้าชาย
ทุกเช้าฉันจะวิ่ง วิ่งเสร็จแล้วก็กลับมากวาดใบไม้ ดูแลต้นกระบองเพชร อาบน้ำ
กินข้าว กินยา แล้วอ่านหนังสือเรียน ช่วงบ่ายเป็นช่วงเวลาที่ฉันชอบมาก
เพราะเป็นชั่วโมงศิลปะของฉัน ฉันอยากละเลงอะไรลงบนเฟรมผ้าใบก็ได้ และตอนเย็นฉันจะออกไปวิ่งบนถนนที่เป็นเส้นทางตัดทุ่งนา

คุณอ่านไม่ผิดหรอก ฉันไม่ได้เรียน ตอนนี้ฉันไม่สบาย
ฉันเพิ่งยอมรับกับตัวเองว่าฉันไม่สบาย

ตอนที่ฉันเรียนอยู่ปี 3 ฉันรู้สึกถึงความผิดปกติของตัวเองและมันเหมือนกับในหนังสือเรียนไม่มีผิด แต่ฉันไม่กล้ายอมรับกับตัวเองว่าฉันป่วย ทั้งที่ฉันต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด จนวันที่ผลการเรียนของปี 4 ออก
ฉันยังไม่ได้ดูผลการเรียนหรอก เเต่ฉันรู้ตัวดี ฉันขอคุยกับอาจารย์เป็นการส่วนตัว เพราะวันนั้นเป็นวันที่ฉันอยากคว้าเเสงสว่างที่อยู่ไกลๆ ลิบนั้นให้ได้

2 สัปดาห์ให้หลัง ฉันได้เข้าพบจิตแพทย์ซึ่งเป็นอาจารย์ที่สอนฉันเอง ฉันมีจิตแพทย์ 2 คน หมอบอกว่าฉันเป็นโรค MDD (Major Depressive Disorder : โรคซึมเศร้า) และฉันมีภาวะของ Chronic PTSD (Post-traumatic Stress Disorder) ฉันต้องกินยาและทำจิตบำบัดทุกสัปดาห์

.

วันนี้ ฉันดีใจที่วันนั้นผลการเรียนฉันแย่จนฉันกล้าที่จะยอมรับและออกจากมุมมืดเพื่อคว้าแสงสว่างไว้

ฉันดีใจที่ฉันอดทนฟันฝ่าจนเขียนบันทึกในวันนี้ได้ และฉันขอบคุณที่ครอบครัวพยายามทำความเข้าใจโรคที่ฉันเป็น

ฉันอยากจะบอกคนที่อ่านบันทึกนี้ว่า ถ้าคุณรู้ตัวว่ากำลังไม่สบาย ฉันอยากให้กล้ายอมรับและเข้ารับการรักษา มีคนไม่น้อยที่เป็นโรคซึมเศร้า และมีนักศึกษาแพทย์ไม่น้อยที่กำลังเผชิญกับโรคนี้อยู่ ฉันอยากให้คุณกล้าไปหาอาจารย์
เพราะถ้าคุณผ่านเรื่องราวเหล่านี้ไปได้ คุณจะเข้าใจในความเจ็บปวดของคนไข้มากขึ้น

ถึงแม้วันนี้ฉันจะยังไม่หายดี
แต่ฉันก็กำลังรักษาอยู่ และฉันมีความหวังเสมอ

ตอนนี้ฉันเห็นดวงไฟของตัวเองแล้ว

มีคนหลายคนกำลังรอคุณอยู่

ฉันก็กำลังต่อสู้อยู่เช่นเดียวกัน

ใครอยากเล่าเรื่องวันเปลี่ยนชีวิตของตัวเองบ้าง คลิกที่นี่เลย

AUTHOR