เมื่อพูดถึง ‘ลูกคนเดียว’ ภาพของเด็กเอาแต่ใจที่มีพ่อแม่คอยตามใจก็มักจะลอยขึ้นมาในความคิดของใครหลายๆ
คน ฉันก็เป็นลูกคนเดียวที่ไม่ต่างจากภาพนั้นมากนัก ฉันโตมากับความรักที่ได้เป็นผู้ครอบครองและเป็นผู้รับก่อนที่จะเป็นผู้ให้เสมอ แต่ดีหน่อยตรงที่เมื่อฉันได้รับแล้วก็มักจะให้ตอบแทนกลับไปแบบหลายเท่าตัวเลยทีเดียว
จึงไม่แปลกเลยที่เด็กเอาแต่ใจคนนี้จะรักและเอ็นดูสัตว์สปีชีส์ ‘หมา’ มากเป็นพิเศษ เพราะหมามันทั้งซื่อสัตย์ เชื่อฟัง ประจบ เอาใจ และรักเจ้าของมันแบบถวายหัว
ฉันเลี้ยงหมามาตลอดและคิดว่าชีวิตนี้คงจะขาดหมาไม่ได้ ตรงกันข้าม
ฉันไม่ชอบแมวเอาเสียเลย สัตว์อะไรเย่อหยิ่ง พูดไม่รู้ฟัง เอาแต่ใจ นิสัยไม่ดี!!!
จนกระทั่งถึงวัยทำงาน
เมื่อต้องมาทำงานไกลบ้าน ฉันจึงเช่าอพาร์ตเมนต์ที่อยู่ใกล้ที่ทำงานเพื่อให้สะดวกในการเดินทาง
การอยู่ลำพังคนเดียวว่าเหงาแล้ว แต่ไม่มีหมาคู่ใจด้วยนี่สิ
เหงาเพิ่มเป็นหลายเท่าตัว อยากเลี้ยงหมาใจจะขาด แต่ทางอพาร์ตเมนต์ก็ไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์
เอาไงดีๆ ฉันพยายามหาหมาที่มีลักษณะและบุคลิกแบบที่จะแอบเลี้ยงในอพาร์ตเมนต์ได้
ต้องตัวเล็ก ไม่ค่อยเห่า ไม่ค่อยเหงา (อยู่ตัวเดียวได้เวลาฉันไปทำงาน) แล้วพันธุ์ไหนกันล่ะ? ไม่มีเลย ครั้นจะดื้อรั้นเอามาเลี้ยงก็สงสารหมา
โชคดีที่ฉันยังไม่เห็นแก่ตัวถึงขั้นนั้น ความคิดที่จะแอบเลี้ยงหมาในอพาร์ตเมนต์จึงล้มเลิกไป
แล้ววันหนึ่งน้องที่ทำงานก็เอาหนังสือของนักเขียนคนโปรดซึ่งเขียนเกี่ยวกับแมวมาให้ยืมอ่าน
ความน่ารักของแมวในด้านที่ไม่เคยรู้มาก่อนจึงเริ่มปรากฏในความรู้สึกฉัน หลายอาทิตย์ผ่านไป น้องที่ทำงานอีกคนมาคุยกับฉันว่าจะแอบเลี้ยงแมวในอพาร์ตเมนต์
เฮ้ย..ไอเดียดี จากวันนั้นฉันเลยเริ่มหาข้อมูลของแมวเพื่อทำความรู้จักกันในเบื้องต้นอย่างจริงจัง
เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการนอน
ฝึกขับถ่ายเป็นที่ได้ เลี้ยงในระบบปิดได้ ให้เวลากับมันแค่อย่างน้อย 30 นาทีต่อวันก็พอ ตอบโจทย์ครบทุกอย่างเลย ลองไหม? ระหว่างที่หาข้อมูลและยังตัดสินใจไม่ได้ ภาพลูกแมวน่ารักๆ จากอินเทอร์เน็ตก็หลั่งไหลพรั่งพรูเข้ามา
เอาน่า ลองดู (ต้องบอกไว้ก่อนว่าที่กล้าลองเพราะรู้นิสัยตัวเองดี ว่าจะรับผิดชอบและดูแลสัตว์เลี้ยงตัวเองอย่างดีที่สุด)
ตัดภาพมาวันที่ฉันไปรับเจ้า Scottish Fold ลายวัวตัวน้อยเข้ามาร่วมหอลงโรงด้วยกัน และหลังจากวันนั้น ทั้งความคิดและมุมมองบางอย่างต่อความรักของฉันก็เปลี่ยนไป
“เรียกแล้วไม่มาหา รู้นะว่าเรียก
แต่แค่กระดิกหางตอบรับพอเป็นพิธี” อืม… จริงๆ ก็เป็นสิทธิ์ของแกรึเปล่านะ
ที่จะมาหรือไม่มาก็ได้ เราจะไปบังคับได้ยังไง
(ฉันได้เรียนรู้ที่จะเคารพสิทธิของคนอื่น เราไม่ได้เป็นเจ้าชีวิตใคร แม้จะเป็นสัตว์ที่เลี้ยงไว้ก็ตาม)
“ตอนที่ไม่ได้อยากจะเล่นด้วย แกก็ชอบจะมายุ่งด้วยจังเลย
เอาแต่ใจจังว่ะแกร” พูดก็แล้ว ดุก็แล้ว แต่ไม่เคยได้ผล เออ..
ฉันยอมตามใจแกก็ได้ อยากเล่นอะไรก็เล่นไป เดี๋ยวเล่นด้วยแป๊ปนึง
(ฉันได้รู้จักการยอมและตามใจคนอื่นบ้าง)
“ชอบมาปลุกแต่เช้าทั้งๆ ที่ยังไม่ใช่เวลาตื่น
ปัดแคคตัสต้นโปรดตกระเบียงเป็นประจำ เขี่ยข้าวของบนโต๊ะ หลังตู้เย็น
ให้ตกลงมาข้างล่าง” พยายามหาวิธีลงโทษแมวมาใช้หลายกระบวนท่า
แต่ก็ไม่ได้ผล ปลุกหรอ… ฉันนอนหันหลังเอาผ้าคลุมโปงก็ได้ เดี๋ยวแกก็เลิกยุ่งไปเอง
ทำข้าวของตกหรอ… ก็ย้ายที่วาง ที่เก็บ ให้แกปัดไม่ได้ก็แค่นั้น
(ฉันได้พยายามเรียนรู้และเข้าใจผู้อื่น ยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น
และเรียนรู้ต่อไปว่า เมื่อเราเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ก็ต้องหันกลับมาที่ตัวเอง หาวิธีที่เราแก้ไขหรือทำได้ด้วยตัวเอง)
“หายไปหลายวัน กลับมาก็ไม่มีปฏิกิริยาคิดถึง” นี่แกรักฉันบ้างไหม? แรกๆ ก็มีน้อยใจอยู่บ้าง แต่หลังๆ ก็ปลงและปลอบใจตัวเองว่า
แกรักฉันไหมฉันไม่รู้ แต่ยังไงฉันก็รักแก และก็ขอบคุณที่แกเข้ามาอยู่ในชีวิตฉัน
เป็นเพื่อนฉัน ทำให้ฉันมีรอยยิ้ม มีความสุขในทุกๆ วัน (ฉันได้เรียนรู้ว่า
ความรักไม่จำเป็นต้องได้ครอบครอง บางทีแค่เราได้รักนั้นมันก็พอแล้ว)
7 เดือนที่เราได้รู้จักกัน ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่ฉันได้เรียนรู้จากเจ้าแมววัวตัวนี้
แมววัวตัวที่ทำให้มุมมองความรักของฉันเปลี่ยนไปและยิ่งใหญ่กว่าเดิม : )
ภาพ unsplash.com