วันที่ฉันเห็นโอกาสในเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่

ครึ่งหลังของปี 2554 คงเป็นช่วงเวลาที่คนไทยทั้งประเทศจดจำกันได้แม่นยำ มวลน้ำมหาศาลไหลเข้าท่วมเกือบทุกจังหวัด…ไล่มาเรื่อยๆ…เหมือนกองทัพของข้าศึกที่ค่อยๆ รุกคืบเข้ามาโดยไม่เคยพบกับความปราชัย

บ้านของฉันอยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นประชากรส่วนน้อยที่ที่อยู่อาศัยไม่ได้รับผลกระทบของมหาอุทกภัยนี้ แต่ตลอดระยะเวลาหลายเดือนนั้น จิตใจก็ต้องเผชิญกับกระแสความรู้สึกหลายๆ อย่าง ทั้งสงสาร ทั้งเห็นใจคนที่ ‘เจอ’ ไปแล้ว และกังวลกับอนาคตของบ้านตัวเอง เซ็งกับคำว่า ‘เอาอยู่’
รวมถึงความรู้สึกไร้ค่ายังไงพิกล เนื่องจากนั่งว่างงานทุกวัน ทุกวัน ก็ใครจะมาหาหมอตอนนั้นถ้ามันไม่ฉุกเฉิน ฉันไปออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ก็แล้ว หมออาสาก็ไปแล้วมากมาย สุดท้ายก็ไปโรงพยาบาลเพื่อนั่งเฉยๆ เป็นงานหลัก

ในขณะที่กำลังรู้สึกว่าถูกความว่างเปล่ารุมเร้า ฉันก็คิดว่า นี่แหละคือเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะไปเที่ยว

ใช่…ไปเที่ยวคนเดียว

ตอนนี้แหละ

หลวงพระบาง-ฉันนึกถึงที่นี่ มันเป็นที่ที่ง่ายที่สุดสำหรับการปรับตัวของพ่อกับแม่ เพราะถึงแม้ตอนนั้นฉันจะอายุ 29 เข้าไปแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศคนเดียว ดังนั้น เมืองมรดกโลกที่เครื่องบินไปถึง และผู้คนก็พูดภาษาไทยนี่แหละ เหมาะที่สุด ความจริงฉันอยากไปลาวมาตั้งหลายปีแล้ว อันที่จริงก็อยากไปทุกที่นั่นแหละ แต่ไม่ค่อยสมอยาก ปี’53 ฉันทำงานที่อุบลราชธานี แต่ก็ไม่เคยได้ข้ามไป ไม่ว่าลาวเหนือหรือลาวใต้

ฉันถามตัวเองว่า เธอเคยไปอยู่ใกล้ขนาดนั้น เพื่อนพ้องก็มี แล้วสุดท้ายเธอได้ไปไหม เธอจะต้องรอใคร จะต้องรออะไรอีก?

ฉันตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบินและบอกพ่อแม่ก่อนวันเดินทางไม่ถึง 48 ชั่วโมง แน่นอนว่าตอนที่พวกเขารู้ก็ห้ามไม่ทันและตามไปไม่ได้แล้ว

ตั้งแต่ตอนอยู่สนามบิน ฉันก็ได้ประสบการณ์ใหม่ที่ยังจำได้ดีจนถึงทุกวันนี้

อยากแวะดูน้ำหอมจังเลย…แต่เฮ้ย มันแพงนะ แถมต้องแบกอีกหลายวัน ไม่กลัวขวดแตกเหรอ แล้วนี่ก็ไม่รู้ว่าเกตอยู่ไกลแค่ไหน จะไปทันไหม…เออ นั่นสิ แต่แหม แป๊บเดียวเอง น่าจะทันหรอก…โอ๊ยยย เอายังไงดีเนี่ย…

ฉันยังจำวูบนั้นที่รู้สึก ‘โชคดี’ ได้แม่น โชคดีที่ฉันจะต้องเผชิญแค่เพียงความคิด ความรู้สึกของตัวเอง
ไม่ต้องพะวงหรือลำบากใจว่าถ้าหากมีคนมาด้วย เขาจะคิดยังไง ฉันไม่ต้องรับผิดชอบความรู้สึกของใคร นอกจากตัวเอง

อิสระ…มันเป็นอย่างนี้นี่เอง

หากตอนนั้น ฉันเลือกที่จะรอเพื่อนร่วมเดินทางต่อไป เส้นทางสายดอกไม้และออนเซ็นในญี่ปุ่นอีก 6 ครั้ง รวมถึงประเทศฝั่งยุโรป ก็คงจะยังเป็นแค่ความฝัน ที่เปล่งแสงขึ้นมาทุกครั้งยามอ่านไกด์บุ๊กและกระทู้ท่องเที่ยว

ถ้าเลือกได้ ฉันก็คงอยากให้น้ำท่วมใหญ่ครั้งนั้นไม่เคยเกิดขึ้น แต่ในเมื่อวิกฤติเกิดขึ้นแล้ว ฉันก็รู้สึกขอบคุณตัวเองที่หา ‘โอกาส’ บางอย่างเจอ โอกาสที่ทำให้โลกของฉันใบใหญ่ขึ้นและไม่เคยเหมือนเดิมอีกต่อไป

อีก 5 เดือนข้างหน้า เจอกันนะ เนเธอร์แลนด์

ใครอยากเล่าเรื่องวันเปลี่ยนชีวิตของตัวเองบ้าง คลิกที่นี่เลย

AUTHOR