เปลี่ยนความกลัวเป็นความกล้า กับเวิร์กช็อปเรียนภาษาอังกฤษจาก Inspire English

ทำไมเราเรียนภาษาอังกฤษมาเป็นสิบปี แต่ตอนนี้ยังไม่กล้าคุยกับคนต่างชาติ

นี่คงเป็นคำถามที่คนไทยหลายคนสงสัย แม้ว่าเราจะเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็ก มีสอนในทุกระดับชั้น ปลูกฝังกันตั้งแต่อนุบาลจนถึงระดับอุดมศึกษา ถ้าเรายังใช้ภาษาอังกฤษไม่ดีทั้งที่เรียนมานานขนาดนี้คงต้องมีอะไรสักอย่างผิดปกติ

เราตั้งคำถามกับวิธีการเรียนภาษาอังกฤษแบบดั้งเดิม เมื่อได้เห็นภาพถ่ายและคลิปวิดีโอบนเฟซบุ๊กของโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษแห่งหนึ่งที่ชื่อ Inspire English ภาพการเรียนภาษาซึ่งเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และยังมีกิจกรรมแปลกๆ ที่เราเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อนในโรงเรียนสอนภาษาที่ไหน จนต้องขอไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง

เมื่อก้าวเข้ามาใน Inspire English ซึ่งกำลังจัดงานเวิร์กช็อป ‘Bake Krathong & Make a Wish’ เป็นกิจกรรมเรียนภาษาในสถานการณ์จำลองการลอยกระทง แต่สิ่งที่น่าสนใจจริงๆ เราพบว่าการสอนที่นี่ไม่มีหนังสือ นักเรียนรอบตัวแทบไม่มีใครจดอะไรเลยด้วยซ้ำ ทุกคนแค่คุยกันเป็นภาษาอังกฤษพร้อมกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ

หลังจากจบเวิร์กช็อป เราจึงจับเข่าคุยกับทีมคุณครู เพื่อคลายความสงสัยและทำความรู้จักโรงเรียน Inspire English ให้มากขึ้น ก่อนจะพบว่าโรงเรียนแห่งนี้ไม่ใช่แค่โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษอย่างที่คิด

Inspire การเรียนภาษา ด้วยกิจกรรมในห้องเรียนและเวิร์กช็อปเพื่อทลายกำแพงทางภาษาที่สูงชัน

“เราสอนว่าศัพท์นี้ใช้แบบนี้ แกรมมาร์ใช้แบบนี้ แต่มันจะไม่มีความหมายเลยถ้าเราแค่สอนเขาอย่างเดียวแล้วไม่รู้ว่าเขาใช้เป็นหรือเปล่า เพราะจำได้กับใช้เป็นไม่เหมือนกัน เลยคิดว่าจริง ๆ เราแค่หาที่ให้เขานำไปใช้” ทีมคุณครูเริ่มเล่าย้อนกลับไปถึงกำแพงที่แบ่งฟากระหว่างตัวเราและภาษาอังกฤษสมัยเรียนมัธยมหรือมหาวิทยาลัยของหลาย ๆ คน

“เราเลยต้องหาที่ให้เขานำไปใช้ เปลี่ยนการเรียนการสอน จากแบบท่องจำมาเป็นการใช้จริงแทน พอใช้เรื่อยๆ อย่างสม่ำเสมอ เขาจะพูดได้และไม่มีทางลืม”

“ความกลัวและความอายคืออีกจุดสำคัญ เราต้องทำให้ผู้เรียนรู้สึกสนุกก่อน หัวใจของภาษาคือการสื่อสาร ในคลาสเริ่มแรกเราจะไม่โฟกัสเลยว่าทุกคนพูดผิดหรือพูดถูก ขอให้ได้พูดออกมา เป็นคำๆ ก็ได้ แค่เขาสามารถสื่อสารกันรู้เรื่อง นั่นคือประสบความสำเร็จแล้ว หลังจากนั้นเราค่อยต่อยอดและเติมความถูกต้อง ดึงความคิดของผู้เรียนออกมา ให้สามารถแสดงเหตุผลได้มากขึ้นไปเรื่อยๆ พอทุกคนสนุกและรู้สึกว่าแม้พูดผิดก็ไม่ใช่เรื่องน่าอาย ทุกคนก็จะอยากพูด มันก็จะกลายเป็นคอมมิวนิตี้ของคนอยากใช้ภาษาอังกฤษ”

และเมื่อปัญหาการเคอะเขินที่จะพูดภาษาอังกฤษหมดไปแล้ว ด่านต่อไปก็คือ ผู้เรียนจะเห็นพัฒนาการในการพูดภาษาอังกฤษของตัวเองได้อย่างไร

Inspire แล้วต้อง Challenge ด้วย

เมื่อทีมคุณครูได้เติมแรงบันดาลใจให้เราอยากพูดภาษาอังกฤษแล้ว แต่การเรียนและใช้ภาษาอังกฤษผ่านสถานการณ์จำลองยังไม่ใช่เส้นชัยสุดท้ายสำหรับครูที่นี่ พวกเขาจึงคิดแคมเปญที่ชื่อว่า Challenge Me ขึ้น

Challenge Me นี้เป็นเวิร์กช็อปพิเศษที่คุณครูจัดขึ้นเพื่อให้ผู้เรียนที่อยากเห็นพัฒนาการของตัวเองภายใน 3 เดือน โดยคุณครูจะอัดคลิปสัมภาษณ์นักเรียนเป็นภาษาอังกฤษในเดือนแรกและเดือนสุดท้าย และนำมาเปรียบเทียบกันเพื่อดูพัฒนาการ ใครที่มีพัฒนาการสูงสุดจะได้ไปใช้ชีวิตและพูดภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศกับทางโรงเรียน

“Challenge Me เป็นกิจกรรมที่ทำให้ผู้เรียนต้องมีเป้าหมาย การที่เรากำหนดระยะเวลาไว้ 3 เดือน คือการท้าทายตัวนักเรียนเองว่า จะทำยังไงให้ตัวเองพูดภาษาอังกฤษเก่งภายในช่วงเวลานั้น โดยมีของรางวัลคือการไปเที่ยวต่างประเทศฟรี เป็นแรงกระตุ้นการพัฒนาของผู้เรียน” ครูฟ้ากล่าวเสริม “และอีกสิ่งที่นักเรียนได้จากโครงการนี้คือ การได้เห็นพัฒนาการของตัวเอง เวลาที่เราเรียน จริงๆ เราเก่งขึ้นทุกวันแหละ แต่เราไม่ได้สังเกตตัวเองชัดเจนขนาดนั้น การที่เขาได้เห็นตัวเองว่า เขาเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน ก็ถือว่าเป็นการสร้างกำลังใจในการเรียนได้เหมือนกัน”

“ครั้งแรกที่จัดขึ้นเมื่อปีที่แล้วถือว่าประสบความสำเร็จมาก จากเริ่มแรกที่การไปเที่ยวต่างประเทศนั้นเป็นตัวดึงดูด  แต่ท้ายที่สุดแล้วผู้เรียนกลับมองข้ามของรางวัลไป เห็นมันเป็นเพียงสิ่งที่ช่วยผลักดันให้ไปถึงเป้าหมายสุดท้ายคือการพูดภาษาอังกฤษได้จริงๆ ต่างหาก และนี่เป็นจุดสำคัญที่ผลักดันให้เรากลับมาจัด Challenge Me ใหม่เป็นครั้งที่ 2”

เคล็ดลับความสำเร็จ Season 1 ต่อยอดสู่ Season 2

แค่การพัฒนาตัวผู้เรียนคงยังไม่เพียงพอสำหรับความสำเร็จในเวิร์กช็อปพิเศษนี้ เพราะคุณครูเองก็ถือเป็นส่วนสำคัญใน Challenge Me เช่นกัน ดังนั้นนักเรียนที่ Inspire English จึงมีสิทธิ์ให้คะแนนคุณครูหลังการสอนด้วย ครูปุ้นอธิบายให้เราฟังว่า “ผู้เรียนที่นี่มีโอกาสให้คะแนนครูทุกครั้งที่สอน ครูทุกคนเองจะมีคะแนนเป็นของตัวเอง ว่าการสอน การให้ความรู้หรือเทคนิคต่างๆ เหมาะสมกับตัวผู้เรียนหรือช่วยผู้เรียนมากแค่ไหน”

ไม่ใช่แค่การ Challenge ‘You’ แต่เป็น Challenge ‘Me’

“คำว่า Challenge ‘Me’ ที่จริงแล้ว เป็นการ challenge ทั้งคุณครูและผู้เรียน ทุกๆ คนต้องท้าทายเพื่อไปสู่เป้าหมาย เราไม่ได้ challenge แค่เรื่องการทำให้นักเรียนพูดภาษาอังกฤษให้ดีขึ้นอย่างเดียว แต่ทีมคุณครูก็ยังต้องฝึกฝนและเรียนรู้ มันเป็นการ challenge ความสามารถของตัวครูเอง เพราะถ้านักเรียนพัฒนาแต่ครูไม่พัฒนา มันไม่ได้ ดังนั้นมันไม่ใช่แค่ Challenge Your English เท่านั้น ทีมคุณครูจะต้องทำให้ตัวของเราเป็น better version ด้วย” ครูโอเปิ้ลหนึ่งในทีมคุณครูอีกท่านอธิบายเสริม

“นอกจากเราจะมีการอัดคลิปสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ เรายังได้ถามนักเรียนถึงความรู้สึกที่มีต่อภาษาอังกฤษ จึงทำให้เรารู้ว่าผู้เรียนแต่ละคนมีปมในใจเกี่ยวกับภาษาต่างกัน เราจะทำยังไงให้ปมของเขาหายไปภายใน 3 เดือน มันเหมือนเป็นการแบกความหวังของเขาเอาไว้  นี่ถือเป็นจุดสำคัญของเราเลยก็ว่าได้” ครูนิคกี้อธิบายด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“จุดหมายจริงๆ ของเราคือ เมื่อผู้เรียนเปลี่ยนทัศนคติแล้ว ในอนาคตเขาจะเปิดใจเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเองได้ แม้เราไม่ได้อยู่ช่วยแล้วก็ตาม”

ด้วยเคล็ดลับเหล่านี้เอง ทำให้จากผู้สมัครในปีที่แล้วจำนวน 60 คน กลายเป็น 200 คนในปีนี้ และยังคงเปิดรับสมัครผู้ที่สนใจเข้าร่วมใหม่ๆ อยู่ นั่นทำให้ทีมคุณครูไม่หยุดที่จะพัฒนาทั้งตัวเองและผู้เรียนไปพร้อมกัน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและสร้างการท้าทายขีดจำกัดในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของคนไทยต่อไป

ความรู้สึกส่วนหนึ่งของผู้เข้าร่วม Challenge Me Season 2

เราได้คุยกับผู้เข้าร่วมแคมเปญ Challenge Me ครั้งที่ 2 อีก 3 คน พวกเขาเล่าเหตุผลที่เข้าร่วมแคมเปญพร้อมแชร์ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง

คุณบี คุณแม่ที่อยากพูดภาษาอังกฤษกับลูก

“เราตัดสินใจเรียนภาษาอังกฤษเพราะอยากพูดให้คล่องเพื่อใช้พูดกับลูกค่ะ เขาเรียน English Program แล้วการบ้านเขาจะเป็นภาษาอังกฤษเกือบทั้งหมด ซึ่งแต่ก่อนเราไม่เก่งแล้วจะสอนเขายังไง ก็เลยตัดสินใจที่จะเริ่มเรียนภาษาเพื่อเขา และที่เราอยากเข้าร่วม Challenge Me ก็เพราะอยากลองทำอะไรใหม่ๆ มันเหมือนได้เปลี่ยนแปลงตัวเอง และก็รู้สึกว่าถ้ามีเวลาจำกัดมันจะบีบให้เราอยากพัฒนาตัวเองมากขึ้นกว่าปกติ จริงๆ ตอนนี้ก็เพิ่งเริ่มเองนะ แต่เราก็รู้สึกว่าเราเข้าใจมากขึ้นแล้ว เวลาดูการบ้านลูกเราก็พยายามดูว่าอะไรผิด พอลูกถาม ผลลัพธ์คือ เห้ย…มันได้ผล เราตอบได้หมดเลย ตอนนี้รู้สึกว่า ‘ลูก’ ทำให้เรามีแรงบันดาลใจเพิ่มที่จะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง”

คุณนิค YouTuber รีวิวของเล่น

“นิคทำ YouTube Channel รีวิวของเล่น เพื่อนเราหลายคนเริ่มทำแชนแนลเป็นภาษาอังกฤษ เราก็มองว่าถ้าเราพูดภาษาอังกฤษได้ก็จะสามารถเพิ่มจำนวนคนดู จากยอดหนึ่งพันคน อาจจะกลายเป็นหนึ่งแสน หนึ่งล้านคน นิคมองว่ามันเป็นการต่อยอดทางอาชีพครับ แล้วการเรียนที่นี่เหมือนการหมุนรูบิก ซึ่งก่อนที่เราจะมาเรียน เราเหมือนรูบิกที่สลับปะปนกันหลายสี แต่พอเราเริ่มมาเรียน การเข้าคลาสมันก็จะทำให้สีของรูบิกเริ่มตรงกันมากขึ้น เปรียบเหมือนเราจะเริ่มพูดชัดขึ้น กล้าขึ้น ซึ่งแต่ก่อนเวลาเจอชาวต่างชาติมาถามทาง เราจะรู้สึกว่าวันนี้โชคร้ายจังที่ตอบได้แค่ Yes, No, OK  ถึงตอนนี้นิคจะเข้าร่วมแคมเปญมาไม่นานเท่าไหร่ แต่นิคก็รู้สึกว่าตัวนิคพัฒนาขึ้นนะ เรียกว่ามันเป็นความภูมิใจเล็กๆ แล้วกันที่เราได้เห็นตัวเองในวันนี้ทำได้ดีกว่าเมื่อวาน”

คุณตาล นักประชาสัมพันธ์ที่อยากเปลี่ยนตัวเอง

“ปกติหนูเป็นคนกลัวภาษาอังกฤษมาก ตอนสมัยเรียนวิชาภาษาอังกฤษคือสิ่งที่หนีไม่อยากเรียน แต่พอมาทำงาน หนูก็เริ่มรู้สึกว่ามันสำคัญ เพราะเราเป็นประชาสัมพันธ์ห้าง ความรู้สึกแย่ของหนูคือ มีลูกค้าต่างชาติมาถามแล้วเราสื่อสารไม่ได้ และเขาก็เหมือนจะไม่พอใจ หนูคิดว่าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ควรจะช่วยเหลือลูกค้าได้ทุกคน สิ่งนี้เลยเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เราอยากเรียนภาษาอังกฤษ หนูเคยเห็น Challenge Me SS1 เขาทำได้ หนูเลยอยากทำได้แบบเขา แล้วตอนนี้มุมมองของหนูที่มีต่อภาษาอังกฤษมันก็เริ่มเปลี่ยนไป หนูรู้สึกดีใจที่จากคนที่เคยกลัวภาษาอังกฤษมากๆ พูดไม่ได้เลย แต่ตอนนี้หนูเริ่มไม่กลัวแล้ว พอได้เห็นตัวเองกล้าพูดมากขึ้นก็รู้สึกว่าหลังจากนี้ตัวเองต้องทำได้ดีกว่านี้แน่นอน”

หลังจากที่ได้คุยกับ ครูผึ้ง–นุชฎา สุวรรณวงศ์, ครูปุ้น–พิชามญชุ์ สุจริตวงศานนท์, ครูฟ้า–พิชชาพร พับอำไพ, ครูปุ้ย–จุติพร จันทรงศรี, ครูนิกกี้–วัศยา ไพรเขียว, ครูอิน–ธวัล วงษ์ศุทธิภากร, ครูโอเปิ้ล–พัชริดา สมิทธิเนตย์, ครูป้อป–นฤชล กฤษฎาสิมะ, คุณอ็อบ–กฤตนุ กุลบุศย์ และทีมงานทุกท่าน ไม่น่าเชื่อเลยว่าแค่การเปลี่ยนวิธีการเรียนการสอนภาษาอังกฤษของทีมคุณครูเล็กๆ ทีมหนึ่งจะสามารถสร้างแรงบันดาลใจและแรงขับเคลื่อนให้กับคนอีกหลายร้อยคน เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัด ทั้งทักษะและความมั่นใจในการพูดภาษาอังกฤษได้ และคุณเองก็สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดเหล่านี้ได้เช่นกัน เพียงแค่คุณ ‘กล้า’ ที่จะเปิดใจและท้าทายตัวเอง

หากใครอยากท้าทาย หรืออยากลองพัฒนาภาษาอังกฤษของตัวเอง แนะนำให้ติดตามข่าวสารของ Inspire English ให้ดี ที่นี่กำลังจะมีแคมเปญสนุกๆ ที่ผู้เรียนสามารถเข้าร่วมกันได้อีกเพียบ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.inspire-english.in.th หรือ www.facebook.com/inspire.english.learning หรือ โทร. 086-445-9536

 

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ช่อไพลิน ไพรบึง

ช่างภาพฝึกหัดแห่ง a team junior 12