ทุกๆ ปี เราจะได้เห็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ทวีความน่ากลัวขึ้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำแข็งขั้วโลกละลายอย่างรวดเร็ว ไฟป่าระดับรุนแรง ฝุ่นควันหนาคลุมเมือง ที่อยู่อาศัยสำหรับสัตว์ป่าขาดแคลนจนเกิดการสูญพันธุ์ ไปจนถึงขยะปริมาณมหาศาลที่ล้นเมืองลงสู่มหาสมุทรและย้อนกลับมาหาเราในรูปแบบอื่นๆ
ท่ามกลางมวลความตื่นตัวต่อปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่ว่ามา ก็อาจจะยังมีบางคนที่มองปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องไกลตัวหรือไม่รู้สึกถึงผลกระทบเท่าไหร่ เพราะความน่ากลัวของการเสื่อมถอยของสิ่งแวดล้อมคือความแนบเนียนที่ค่อยๆ เปลี่ยนตรงนู้นนิด กระทบตรงนี้หน่อย ไปทีละจุด กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไป จะตื่นตัวแก้ไขก็อาจสายเกินแก้
หรือต่อให้รู้ตัวแล้ว หลายคนก็อาจจะไม่รู้ว่าตัวเองจะช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมได้ยังไงบ้าง ไม่รู้ว่าจะสร้างการเปลี่ยนแปลงในวงกว้างได้ยังไง
ตรงนี้เองที่ CE Love the Earth เข้ามาตอบโจทย์ ทั้งในแง่มุมของการถ่ายทอดปัญหาสิ่งแวดล้อมให้เข้าถึงผู้คน และร่วมระดมทุนให้กับองค์กรที่กำลังฟื้นฟูป่าและพื้นที่สีเขียวอย่างแข็งขันอย่าง ‘มูลนิธิเพื่อสิ่งแวดล้อม’
เล่าปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างเข้าใจง่ายด้วยงานศิลป์
CE Love the Earth คือโครงการระดมทุนให้แก่มูลนิธิเพื่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้โครงการ ‘เซ็นทรัล ทำ’ (Central Tham) นำไปใช้ในการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม
“สิ่งแวดล้อมโลกตอนนี้มีปัญหามาก เราอยากสร้างการตระหนักรู้เรื่องนี้ให้ทุกคน แต่เวลาพูดถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมมันจะดูเป็นเรื่องซีเรียสและเหมือนจะสื่อสารให้คนฟังยาก เขาอาจจะรับไม่หมด เราเลยมาคิดกันว่าทำเป็นอะไรได้อีกบ้าง ทำยังไงให้มันสามารถสื่อสารออกมาได้ง่ายๆ เราเลยนึกถึงครีเอทีฟคาแร็กเตอร์ของคนไทยที่มีทั้งความเป็นศิลปะและ commercial ว่าน่าจะทำอะไรที่สร้างสรรค์ออกมาได้เข้าใจง่าย แล้วก็หาทุนไปทำโครงการอื่นๆ ได้ด้วย” พิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด เล่าให้ฟังถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดเป็นแคมเปญ CE Love the Earth
แคมเปญนี้จึงเชิญศิลปินหลายแขนงทั้งนักเขียน จิตรกร ดีไซเนอร์ ไปจนถึงศิลปิน ดารา มาร่วมออกแบบสร้างสรรค์ชิ้นงานบน ‘CE (ซี)’ ครีเอทีฟอาร์ตทอยของคนไทยขนาดราว 1 เมตร จำนวน 18 ชิ้นงานมาจัดแสดง ด้วยความตั้งใจที่จะแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่าพวกเขาตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมกันยังไงบ้าง ก่อนเปิดประมูลในภายหลัง
สื่อกลางเล่าเรื่องที่เป็นฝีมือการออกแบบของคนไทย
อีกหนึ่งความน่าสนใจของอีเวนต์นี้คือผ้าใบที่ใช้นำเสนอผลงานของเหล่าศิลปินนั้นเป็นครีเอทีฟอาร์ตทอยของคนไทย ผลงานของ MAFIA Factory ภายใต้นโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์เมื่อปี 2010 ที่ต้องการจะผลักดันวงการแพลตฟอร์มทอยและคาแร็กเตอร์ของไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก แต่ด้วย ณภัทร พรหมพฤกษ์ ผู้ริเริ่มโปรเจกต์ไม่ได้เป็นนักออกแบบโดยตรง จึงมองหาความพิเศษที่นอกเหนือจากเรื่องของดีไซน์มาใส่ไว้ในคาแร็กเตอร์ตัวนี้ นั่นคือกลไกที่สามารถบิดลำตัวเพื่อเปลี่ยนใบหน้าด้านในได้ ความแปลกใหม่นี้พาให้ CE ติด 1 ใน 5 แพลตฟอร์มทอยที่ดีที่สุดในโลกจากเวที Designer Toy Awards ที่อเมริกาเมื่อปี 2011
คาแร็กเตอร์ CE เคยถูกนำไปใช้เป็น Supporting Character ให้กับ Asia Zero Waste ร่วมกับคาแร็กเตอร์ TOFU ของ Devilrobots จากประเทศญี่ปุ่น และผ่านการทำงานร่วมกับแบรนด์และอีเวนต์ดังๆ มาแล้วอย่างมากมายทั้งในและต่างประเทศ จนขึ้นแท่นคาแร็กเตอร์ไทยที่มีมูลค่าทางลิขสิทธิ์สูงสุดเท่าที่เคยมีมา ก่อนจะถูกนำมาใช้กับโปรเจกต์นี้อีกครั้ง โดยมี MAFIA Factory ดูแลการสร้างชิ้นงานให้ออกมาสมบูรณ์ที่สุดตั้งแต่การขึ้นรูปร่างพิเศษไปจนถึงการเพนต์ลวดลายด้วยมือ
“ผมดีใจที่ครีเอทีฟอาร์ตทอยสัญชาติไทยถูกใช้ให้เกิดประโยชน์ในด้านสิ่งแวดล้อม และดีใจที่ได้เห็นการออกแบบที่มีคุณค่าจากเหล่าศิลปินทั้งหมด 18 ท่าน ทำให้ CE สะท้อนถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมในอีกมุมมองหนึ่ง ไม่ใช่เป็นแค่ของเล่นที่เอาไว้สะสม แต่ CE สามารถเป็นกระบอกเสียงให้กับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ด้วย”
18 วิธีนำเสนอที่หลากหลายและสร้างสรรค์เพื่อเรื่องราวเดียวกัน
แม้จะอยู่ในรูปร่างของหุ่นตัวกลมลักษณะเหมือนๆ กัน แต่ผลงานทั้ง 18 ชิ้นต่างก็มีเอกลักษณ์หรือลวดลายที่ไม่เหมือนกันเลย หากมองเพียงเผินๆ คงยากจะดูออกว่าหุ่นเหล่านี้สะท้อนถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมเช่นเดียวกัน ด้วยอิสระในการถ่ายทอดที่เปิดให้ศิลปินนำเสนอมุมมองใดก็ได้ที่คิดว่าจะสามารถเป็นกระบอกเสียงให้กับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้
เราจึงจะได้เห็นทั้งผลงานที่เตือนใจถึงความน่ากลัวหากมนุษย์ยังละเลยเรื่องสิ่งแวดล้อม ผลงานที่มอบความหวังให้เราอยากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและเติมสิ่งดีๆ ให้กับโลกอีกครั้ง หรือกระทั่งผลงานที่ออกแบบมาเพื่อมอบความสุขให้กับผู้ชมและดึงดูดให้อยากเก็บสะสมหรือสนับสนุนเงินทุนไปใช้เพื่อสิ่งแวดล้อมในงานเหล่านี้
หนึ่งในนั้นคือผลงานของ Pomme Chan หรือ ปอม–ธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง นักวาดชาวไทยผู้ออกแบบโปสเตอร์งานออสการ์ปี 2017 เจ้าของลายเส้นพลิ้วไหวที่น่าจะเคยผ่านตาคุณมาบ้างแล้วแม้ไม่รู้ตัว
ปอมเลือกใช้ลายดอกไม้อันเป็นเอกลักษณ์ของเธอมาถ่ายทอดเป็นตัวแทนของสิ่งแวดล้อม เพราะดอกไม้ ต้นไม้ คือสัญลักษณ์ของธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ โดยแฝงลูกเล่นด้วยการจัดวางก้านใบและดอกให้เรียงกันเหมือนใบหน้ายิ้มแย้ม ให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของดอกไม้และต้นไม้ บนคาแร็กเตอร์ CE พื้นดำที่ช่วยขับให้ลวดลายดอกไม้เด่นชัด ขณะเดียวกันก็ทำให้ไม่เป็นลวดลายที่หวานจนเกินไป
“เราได้ยินข่าวเรื่องสิ่งแวดล้อมมาตลอด อย่างล่าสุดเรื่องน้ำแข็งในกรีนแลนด์ที่แตกมาเยอะมาก แค่เห็นอย่างนั้นเราก็รู้สึกใจสั่นคิดถึงน้ำในทะเลที่จะเพิ่มขึ้น เราเองก็พยายามช่วยเท่าที่ช่วยได้ เช่น ชุดวันนี้ที่ใส่มาคือมีอยู่แล้ว 12 ปี พยายามเอาของเก่ามาใช้ ไม่ทิ้งขว้าง หรือการลดขยะพลาสติก เราก็พยายามทำอยู่ตลอดแต่อาจจะไม่มีใครรู้ การซัพพอร์ตโครงการนี้เราเลยตีโจทย์ว่าจะทำยังไงให้ผลงานออกมาน่ารักน่าประมูลเพื่อหาเงินทุนไปทำจริง มากกว่าจะเล่าเรื่องสิ่งแวดล้อมเฉยๆ”
ความท้าทายในการสร้างงานครั้งนี้สำหรับปอมคือเรื่องความไม่ถนัดต่องาน 3 มิติมากเท่าไหร่ เพราะปกติเธอทำแต่งาน 2 มิติ
“ถ้าเป็นคนที่ทำงานกับคาแร็กเตอร์ทอยอยู่แล้วเขาจะรู้ว่าควรเล่นกับขาหรือแขนของคาแร็กเตอร์ยังไง ซึ่งเราไม่ค่อยชิน พอมาทำงานชิ้นนี้เราก็ต้องมีการคิดล่วงหน้าว่าจะจัดวางลวดลายไปตามโครงสร้างคาแร็กเตอร์ยังไง ทำให้เป็นลายอะไร ต้องนึกให้ออกว่าเราจะทำผลงานยังไงให้ดูจากข้างหน้าก็สวย ข้างหลังก็สวย ข้างๆ ก็ได้ มุมไหนก็ยังสวย”
นอกจากผลงานของปอมแล้ว ยังมีผลงานที่น่าสนใจจากศิลปินอีกหลายคน อาทิ ศรัณย์ เย็นปัญญา นักออกแบบเจ้าของสตูดิโอ 56thStudio ที่ออกแบบ CE ให้ถ่ายทอดความเป็นไทยเพื่อสืบสานวัฒนธรรมและรักษาสิ่งแวดล้อมไปควบคู่กัน โดยได้แรงบันดาลใจมาจากการอนุรักษ์หนังสือในพิพิธภัณฑสถานว่าการเก็บไว้อย่างแน่นหนาอาจจะไม่ใช่การอนุรักษ์อย่างแท้จริง แต่ต้องมีการนำเสนออย่างรู้คุณค่าด้วย หรือผลงานของจิตต์สิงห์ สมบุญ นักออกแบบแถวหน้าของประเทศที่เลือกถ่ายทอดมุมมองเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ของธรรมชาติว่ายิ่งมีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้หรือสัตว์ป่า สิ่งแวดล้อมรอบตัวเราก็จะดีขึ้นด้วย เปรียบกับน้ำหนักของจุดสีขาวบนคาแร็กเตอร์ CE สีดำที่ยิ่งมีมากก็ยิ่งมองเห็นน้ำหนักของแสงที่ส่องเข้ามาด้านหนึ่งชัดเจนยิ่งขึ้น
งาน CE Love the Earth จะจัดขึ้นที่ Central Embassyในวันที่ 28 กันยายน – 11 ตุลาคม 2563 และที่ Central World ในวันที่ 14 ตุลาคม – 10 พฤศจิกายน 2563 พร้อมด้วยกิจกรรมเวิร์กช็อปน่าสนใจอีกหลากหลาย รวมถึงสินค้าอย่างเสื้อยืด กระเป๋าผ้าคอลเลกชั่น Heart for Planet และคาแร็กเตอร์ CE ให้เลือกซื้อเพื่อสมทบทุนเข้าแคมเปญ
ก่อนจะประกาศผลการประมูลอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2563 โดยสามารถร่วมประมูลออนไลน์ผลงานทั้ง 18 ชิ้นได้ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม -วันที่ 15 พฤศจิกายน 2563 หรือร่วมบริจาคสมทบทุนได้เลยตั้งแต่วันนี้ที่ centraltham.com/ce