อาวหลง : แมวหลงทางที่กลายมาเป็นขวัญใจชาวนิตยสาร happening

เราเจอกันครั้งแรกด้วยความบังเอิญ หรือบางทีมันจะเป็นพรหมลิขิต (หรือจริงๆ แมวอาจจะมาในรูปแบบของเจ้ากรรมนายเวรก็เป็นได้)

เรื่องเริ่มต้นที่อาคารบล็อกหนึ่งใจกลาง RCA วันนั้นมีน้องที่ออฟฟิศเตรียมชุดครุยมาถ่ายรูปหมู่ร่วมกับพี่ๆ น้องๆ ในบริษัท happening เราจึงเลือกลงไปถ่ายกันที่ชั้น 2 ซึ่งเปิดม่านรับแสงยามเย็นพร้อมถ่ายรูปหมู่แสดงความยินดีกัน ระหว่างที่ถ่ายกันอยู่สังเกตได้ว่าภายนอกห้องของออฟฟิศมีแมวตัวน้อยตัวนึงพยายามมองเข้ามาลอดผ่านม่านมูลี่ เราจึงเดินออกนอกออฟฟิศ ลูบๆ คลำๆ อยู่พักใหญ่ และด้วยความที่ย่านนี้หมาเจ้าถิ่นเยอะจึงอุ้มมันเข้ามาข้างใน พวกเราร่วมถ่ายรูปหมู่กันอีกครั้งพร้อมแมวหลงประหนึ่งว่ามันเป็นญาติพี่น้องมาร่วมแสดงความยินดีในวันรับปริญญา

หลังจากนั้นก็พลบค่ำพอดี ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้าน ส่วนเรายังอยู่ออฟฟิศต่อ ไม่อยากรีบกลับห้องไปเผชิญกับรถติด ที่ออฟฟิศจึงเหลือเพียงแค่เราและแมว ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เพิ่งได้สังเกตเจ้าแมวที่หลงมาอย่างจริงๆ จังๆ แมวน้อยตัวนี้เป็นตัวผู้ ดวงตาของมันสีฟ้ากลมโต ขนสั้น ลำตัวสีขาว ครีม เทา ไล่เฉดไปถึงสีน้ำตาลเข้ม (สภาพขนมันดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ขนชี้ตั้งสะเปะสะปะไร้ทิศทาง จับตัวไปด้วยฝุ่นละออง และดูดีๆ เหมือนจะมีหมัดเสียด้วย) และยังมีขนสีดำออกน้ำตาลแต้มตามตำแหน่งต่างๆ บนจมูก ปลายหูทั้ง 2 ข้าง ปลายหาง ถ้าให้เดาก็คิดว่าน่าจะเป็นแมวไทย พันธุ์วิเชียรมาศ แต่ไม่น่าจะแท้ ดูเหมือนจะเป็นลูกผสม เอาจริงๆ แมวพันธุ์วิเชียรมาศก็เป็นพันธุ์ที่อยากเลี้ยงอยู่แล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงเวลาต้องเลี้ยงในตอนนี้ จำได้ว่าเคยอ่านหนังสือของมูราคามิ เรื่อง Kafka on the Shore ตัวเอกสนทนากับแมวได้ แล้วแมวตัวเอกในเรื่องเป็นแมวพันธุ์วิเชียรมาศ เจ้าของเลี้ยงดูอย่างดีมีชาติตระกูล เป็นแมวช่างเจรจา ขี้อ้อนประจบประแจง และรักการท่องเที่ยวผจญภัยเอามากๆ … ระหว่างที่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่ มันก็เอาตัวมาไถ ล้มตัวกลิ้งแทบเท้า ร้องเหมียวๆ ทำสายตาแบ๊วใส่ ดูแสนรู้เอามากๆ ตอนนี้เราก็เริ่มย้วยละลายไปทุกที สับสนว่าจะเอายังไงกับแมวตัวนี้ดี คืนนั้นสรุปว่านอนค้างที่ออฟฟิศกับแมวก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้จับอาบน้ำแล้วค่อยว่ากัน

วันต่อมานัดแฟนมาอาบน้ำเจ้าแมวเหมียว หลังอาบนี่ขนสีน้ำตาลเข้มตัดสีขาวครีมฟูฟ่องเงางามเป็นประกายเอามากๆ ทวีคูณความน่ารักไปอีก เรากับแฟนต่างมองหน้า ยิ้ม ไม่ได้พูดอะไรออกมา หลังจากนั้นจึงให้น้องที่ออฟฟิศทำเรื่องประกาศตามหาเจ้าของแมวในโลกโซเชี่ยลตามเพจแมวต่างๆ ต่อมาจึงเริ่มซื้ออาหารแมว ทรายแมว กระบะทรายแมว จับมันมาเดินเหยียบๆ ทราย แล้วบอกว่า “เอ็งเข้าห้องน้ำตรงนี้นะ” บอกไปรอบเดียวเป็นอันรู้กัน ขับถ่ายตรงจุด รู้เรื่องง่ายๆ แบบนี้เลย (ในเวลานั้นรู้สึกงงๆ ว่านี่เรากำลังเลี้ยงแมวแล้วใช่ไหมวะ)

จากหนึ่งวันเป็นหนึ่งสัปดาห์ หนึ่งสัปดาห์กลายเป็นหนึ่งเดือน ยังไม่มีการตอบรับจากเจ้าของ การมาของมันตีเนียนเอามากๆ จนมาถึงจุดที่ว่าต้องตั้งชื่อให้มันแล้วล่ะ เหตุการณ์การตั้งชื่อของมันเป็นไปอย่างรวดเร็วไม่มีอะไรซับซ้อน ไร้คนโต้แย้ง ชื่อสุดจะมินิมอลแสนเรียบง่าย มันจึงมีชื่อว่า ‘หลง’ แต่เราก็กลัวว่าจะห้วนๆ ไม่ครีเอตเอาซะเลย เลยต้องเติม ‘อาว’ นำหน้า กลายเป็น ‘อาวหลง’ (มาจากอ้าว! หลงมานี่) ‘อาวหลง’ เริ่มมีบทบาท มีอิทธิพลกับพวกเรา มันเริ่มจากจุดๆ นี้ ที่ต้องใช้คำว่าพวกเราเพราะอาวหลงไม่เชิงว่าจะอยู่ที่ห้องของผมซะทีเดียวแต่มันอยู่ที่ออฟฟิศ!

อาวหลงใช้ชิวิตในออฟฟิศ happening ออฟฟิศเรากลายเป็นดั่งออฟฟิศในโลกอุดมคติ เราไม่ต้องหอบงานไปสั่งเครื่องดื่มที่คาเฟ่แมวอีก ต่อไปนี้ออฟฟิศเราเป็นคาเฟ่แมวเองแล้ว ระหว่างที่ทำงานเครียดๆ ก็เดินไปหาอาวหลงลูบขนมันเพลินๆ เอามันมาอุ้มมากอด ฟังเสียงเพอร์ของมันในระดับเดซิเบลที่รู้สึกผ่อนคลาย จะมีอะไรสุขใจไปมากกว่านี้ แต่หลังจากวันเวลาผ่านไป อาวหลงเริ่มชินกับสถานที่ใหม่ได้แล้ว ความอินดี้เริ่มปรากฏ แววตาเริ่มกร้านโลก ดูป่วงๆ และกวนประสาท ท่าทางว่านอนสอนง่ายเริ่มหายไป อาวหลงเริ่มวางตัวเป็นเจ้าถิ่น เวลาเรียกจะขยับหางรับรู้ และเหล่มองด้วยหางตา พอบอกหรือพูดอะไรดูรู้เรื่องเข้าใจนะ แต่จะทำสิ่งที่ตรงข้ามกับเราต้องการตลอด มีครั้งหนึ่งเราจำไม่ได้ว่าเรากับอาวหลงมีปมขัดเเย้งกันด้วยสาเหตุอะไร แต่ระหว่างที่ทำงานวางเลย์หนังสืออยู่หน้าคอมอย่างเพลิดเพลิน ก็มีแมวตัวหนึ่งย่องมาเงียบๆ มันเอามือตวัดชักปลั๊กคอมออกดื้อๆ แล้ววิ่งหนีไป หน้าจอดับวูบ! ที่สำคัญคืองานยังไม่ได้เซฟ! รู้สึกเจ็บใจแบบไร้ที่ระบาย เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดเพียงครั้งเดียว อาวหลงมีความชำนาญในการชักปลั๊กคอมออกเป็นพิเศษ ดึงได้ทุกจุด ตั้งแต่ปลั๊กติดผนัง ปลั๊กสามตา ปลั๊กจากคอม ไปจนถึงขั้วปลั๊กที่ติดกับเครื่องแม็ค! ทำยังไงก็ได้แต่จุดหมายเดียวกันคือเครื่องคอมต้องดับ หลังๆ เลยใช้วิธีการอย่าไปขัดใจมันจะดีกว่า

กลับมาเรื่องที่ออฟฟิศ ตอนนี้ทุกคนเริ่มละลายพฤติกรรม คนที่เฉยๆ กลับเริ่มรักแมว คนที่แพ้ขนสัตว์ก็ยังอยากจะเอามันมากอด เก้าอี้ที่ออฟฟิศจะมีตัวประจำที่มันจะมานอนเหยียดกายดั่งบอส ช่วงมีน้องฝึกงานเก้าอี้ไม่พอ หากเด็กคนไหนมานั่งก็จะโดนอาวหลงขับไล่ด้วยความเหี้ยมโหด แต่จริงๆ เก้าอี้ทุกตัวในออฟฟิศก็เป็นของมัน คือจะนั่งจะนอนที่ไหนก็ได้ ทุกคนต้องหลีกทางหรือไม่ก็เลือกที่จะนั่งแบบแบ่งปันกับอาวหลงคนละครึ่ง มีครั้งหนึ่ง พี่วิภว์ บรรณาธิการของนิตยสารแฮพเพนนิ่ง ต้องไปต่างจังหวัดหลายวัน เลยต้องตั้งกลุ่มแชตเฟซบุ๊กไว้คุยงานแบบเฉพาะกิจ มีชื่อกลุ่มว่า ‘แมวไม่อยู่…’ โดยมีรูปอาวหลงนอนอยู่บนโต๊ะพี่วิภว์เป็นภาพประจำกลุ่ม ต่อมาหลังจากกลับจากต่างจังหวัด กลุ่มแชตเฟซบุ๊กยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ไว้คุยงาน คุยเล่น ส่งข่าวต่างๆ ชื่อกลุ่มแชตถูกเปลี่ยนอีกครั้งเป็น ‘ทาสแมวแฮพเพนนิ่ง’ น่าจะเป็นชื่ออย่างทางการเพราะใช้มาจนถึงปัจจุบัน

ด้วยความที่ทำนิตยสารเกี่ยวกับเรื่องศิลปะบันเทิง จึงมีศิลปินนักร้องมาแวะเวียนมาอยู่บ่อยครั้ง ศิลปินบางกลุ่มนอกเหนือจากจะมาแนะนำตัวหรือเอาผลงานมาให้ฟังแล้วมักจะมีการแสดงเล็กๆ ให้ดูอยู่เสมอ พอมีศิลปินร้องบรรเลงได้สักพัก จะมีอาวหลงเดินดุ่มๆ หูตั้งๆ เข้ามานั่งฟังด้วยความตั้งใจ นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าแมวมอง เริ่มจับสังเกตได้ว่าอาวหลงเป็นแมวมีเมโลดี้ในหัวใจ ระหว่างที่ใช้ชีวิตประจำวัน เรามักเปิดเพลงคลอเป็นสกอร์ชีวิตอยู่เเล้ว ก็มักจะเห็นอาวหลงนอนเกลือกกลิ้งทำตัวชิลล์ๆ กระดิกหางไปมาตามจังหวะเสียงเพลง เคยลองกด pause เสียงเพลง เจ้าหลงก็หยุดกระดิกหางไปซะดื้อๆ เคยมีศิลปินที่เป็นทาสแมวมาเยี่ยมเยียนที่ออฟฟิศมากมาย อย่าง วง Stoondio ระหว่างสัมภาษณ์ เมื่อเห็นอาวหลงถึงกับหยุดแล้วมาเล่นด้วยแถมชักภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก, ฟักกลิ้งฮีโร่มาถ่ายรูปที่ออฟฟิศ อาวหลงเพียงเดินโฉบผ่านเท่านั้น พี่กอลฟ์ก็อุ้มมาถ่ายด้วย มันจึงได้เป็นนายแบบจำเป็น (หรือจริงๆแล้วมันตั้งใจ) นอกจากนั้นอาวหลงยังใช้อิทธิพลขึ้นปกนิตยสารแฮพเพนนิ่งร่วมกับวง Moderndog, Scrubb และ หมาปั๊กเจ้าร้อยปอนด์อีกต่างหาก เอาจริงๆ มันเป็นแมวที่เป็นมิตรกับศิลปินที่มาเยี่ยมเยือนเอามากๆ เหมือนจะหาทางไต่เต้าเข้าวงการ ชอบไปนอนเกลือกกลิ้งตัวกลับไปกลับมาส่งสายตาอันบ้องแบ๊ววิ๊งๆ ใส่ โดยเฉพาะศิลปินสาวๆ นี่จะทำตัวน่ารักหล่อๆ คูลๆ เป็นพิเศษ แต่พอศิลปินจากไปก็ทำตัวร้ายกาจใส่คนในออฟฟิศเช่นเคย! แถมอาวหลงเป็นแมวที่โดนแมวมองมาทาบทามจนได้เล่นโฆษณาอาหารแมวกับเขาอีกด้วย

อาวหลงรักการผจญภัย เป็นแมวที่กล่าวขวัญของคนในย่านบล็อกนี้ จริงๆ คือเลี้ยงแมวแบบปิด แต่มีบางครั้งอาวหลงอาศัยช่องว่างตอนคนแปลกหน้า เช่น แมสเซนเจอร์ คนส่งหนังสือ เข้ามาในออฟฟิศ มันจะหลบอยู่หลังม่านอย่างสุขุม เฝ้ารอผู้คนเหล่านี้มาเปิดประตูแล้วพุ่งทะยานไปอย่างสุดตัว กิจกรรมเอาต์ดอร์ของมันก็คือ การซ่อนตัว วิ่งไล่จับนกกระจอกซึ่งไม่เคยเห็นจับได้สักตัว นอกเหนือจากนั้นคือการเข้าไปเยี่ยมชมออฟฟิศต่างๆ ในบล็อก ไล่ไปตั้งแต่บริษัทออร์แกไนซ์ บริษัทประกันภัย โรงเรียนสอนเต้น ห้องซ้อมดนตรี ผับ ร้านข้าวแกง ประตูเปิดทิ้งไว้ก็เดินเข้าไปดื้อๆ ถ้าประตูปิดก็ร้องขอให้เขาเปิด มันเป็นซะอย่างนี้ ตอนตามหาแมว ให้ความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพระเอกในเรื่อง Inside Llewyn Davis คน กีตาร์ แมวเหลือเกิน แต่อาวหลงก็ไม่เคยหลงหายไปไหนเลยสักครั้ง ด้วยความมีพี่ๆ ใจดี รอบตึกรู้จักอาวหลงหมดเลย ไม่อุ้มเก็บไว้ให้ก็เอากลับมาคืนที่เดิม หรือบางทีอาวหลงก็เดินกลับบ้านด้วยตัวของมันเอง :3

…ระหว่างพิมพ์อยู่นี้อาวหลงก็มานอนอิงอยู่ข้างคอมฯ แอบหันมาเหล่บ้างเป็นบางครั้ง สงสัยจะรู้ว่านินทาอยู่ เซนส์มันแรงจริงๆ

Owner’s name: brown bunny
Occupation: Art Director
Cat’s name: อาวหลง
Breed: วิเชียรมาศ
More cat’s info:
Facebook l แมวแฮพเพนนิ่ง
Instagram l brownbunny

ภาพ : อนิรุทร์ เอื้อวิทยา

ใครอยากอวดแมวในเว็บไซต์ a day online คลิกที่นี่เลย

AUTHOR