Factory Cafe & Brew Bar

Factory
Cafe & Brew bar เพิ่งเปิดได้ไม่นาน แต่ที่จริง
ร้านนี้ไม่ใช่หน้าใหม่ที่ไหน เพราะเป็นการขยับขยายย้ายตัวเองจากร้านกาแฟเล็กๆ
แต่เป็นที่ยอมรับของนักชิมกาแฟมานานในย่านพญาไทอยู่แล้ว

พื้นที่ภายในร้านกว้างขวาง ดูไม่อึดอัด
และตกแต่งด้วยสีดำและวัสดุที่ดูดิบๆ อย่างไม้ เหล็ก สังกะสี ทำให้คงความดิบแบบโรงงานเก่ามีการแบ่งสัดส่วนของ
Slow Bar ไว้กลางร้าน
เป็นบาร์โล่งสำหรับใช้ชงกาแฟแบบ filter
โดยเฉพาะ
เมล็ดที่นี่เลือกใช้เมล็ดของไทยจาก gallery drip coffee เป็นหลัก
และยังมีเมล็ดจากโรงคั่วต่างประเทศหลากหลายที่สลับกันมาให้ลองชิมอยู่เรื่อยๆ ส่วนด้านหลังของ
Slow Bar เป็นส่วนของ
Espresso Bar ที่ชงเมนูจาก
Espresso เป็นหลัก
เมนูเด่นๆ ของร้านอยู่ตรงส่วนนี้

เราชอบเมนูของทางร้าน
พบว่าไม่มีชื่อเมนูที่คุ้นเคยอย่าง Espresso Capuccino หรือ
Mocha ให้เลือกเลย
แต่เริ่มต้นด้วย signature
ชื่อแปลกอย่าง
MRS.COLD, GINGER
SNAP, SUPREME ฯลฯ
ซึ่งช่วยไม่ได้ที่จะต้องลองถามดูว่าแต่ละชื่อมันคืออะไรบ้าง
ทำให้เราได้เริ่มต้นพูดคุยกับ แมน-อธิป
อาชาเลิศตระกูล บาริสต้าและผู้ร่วมก่อตั้งร้าน แมนอธิบายถึงลักษณะและส่วนผสมของแต่ละเมนูที่ช่วยกันคิดขึ้นกับ บิว-เศรษฐการ วีรกุลเทวัญ ผู้ก่อตั้งร้านอีกคนให้ฟัง พอได้ยินถึงรายละเอียด
ยิ่งทำให้แต่ละตัวเมนูน่าสนใจขึ้นอีกหลายเท่า

แมนเล่าให้ฟังว่าเมนู signature คิดขึ้นจากกาแฟที่คนทั่วไปสั่งกัน
อย่างบางคนเข้ามาในร้านแล้วสั่งกาแฟเย็น ก็ลองแนะนำ MRS.COLD หรือกาแฟที่เทเอสเพรสโซช็อตลงบนนมแช่เย็นจัดแบบเฉพาะของร้าน
ตัวนมและกาแฟจะแยกเป็นชั้นจากกัน แล้วโรยด้วยผงโกโก้ ปรากฏว่าลูกค้าชอบ
เหมือนเป็นการเพิ่มประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ลูกค้าจากสิ่งที่กินอยู่แล้วเป็นปกติ

ส่วนเมนูอย่าง MOCHA SEA SALT คือ
กาแฟมอคค่าที่ใช้ Dark
Chocolate เป็นส่วนผสมกับกาแฟราดด้วยฟองนมนุ่ม
โรยด้วย Sea
Salt Chocolate ด้านบน
มีความเป็นครีมเข้มข้นแต่ตัดด้วยความเค็มของเกลือ ใครที่ชอบ Mocha น่าจะหลงรักเมนูนี้

ลักษณะของเมนู signature ของ
Factory Cafe & Brew
Bar ค่อนข้างไปทางรูปแบบของ Mocktail ที่มีกาแฟเป็นส่วนผสมหลัก
นอกจากรสชาติที่สลับซับซ้อนแต่ดื่มง่ายมาก ทางร้านยังแสดงวิธีเสิร์ฟเมนูต่างๆ
ให้เห็นกันถึงโต๊ะเพิ่มความพิเศษให้กับแต่ละแก้วอย่างตั้งใจ
อย่าง SUPREME
ที่เป็นกาแฟใส่กระบอกเชคเกอร์
กรองผ่านตะแกรงเพื่อให้เนื้อเนียนละเอียด เทลงบนครีมเย็นนุ่ม

หรือใครที่ชอบความสดชื่นของเลมอน น่าจะชอบ PHAYATHAI
CITRIC เอสเพรสโซ่ผสมกับโทนิกและไซรัปสูตรที่ร้านทำเอง
เสิร์ฟในแก้วค็อกเทลพร้อมน้ำแข็งก้อนกลม

เมนู signature เหล่านี้จะมีการปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ตามช่วงเวลา ในอนาคตอาจเปลี่ยนเมนูเป็นเมนูใหม่ๆ สลับมาสร้างประสบการณ์ดูบ้าง

หรือหากใครอยากนั่งดื่มในตอนค่ำๆ
ร้านกาแฟจะเปลี่ยนกลายเป็นบาร์ ชื่อ F.E.E.U (Fuck Everybody Except Us) ซึ่งจะเปิดตั้งแต่
1 ทุ่มเป็นต้นไป เราแนะนำให้ลองเมนูชื่อเดียวกับร้าน
F.E.E.U ซึ่งนำกาแฟ
Ethiopia
Yirgacheffe Coldbrew มาเป็นส่วนผสม
เหมาะมากหากอยากลองเปลี่ยนประสบการณ์การกินกาแฟของตัวเอง

Factory Cafe & Brew Bar

เวลาเปิด-ปิด: 08.00 – 19.00 น

F.E.E.U

เวลาเปิด-ปิด: 19.00 – 24.00 น.
Facebook l Factory Cafe & Brew Bar

Map

AUTHOR