สำหรับคนรักหนังสือ Libreria
Bookshop คือโลกในฝัน
ฉันได้แต่คิดแบบนี้วนไปวนมาในขณะที่ขดตัวอ่านหนังสือบนเบาะนุ่มที่ล้อมรอบด้วยหนังสือนับร้อยนับพัน
เวลาที่ผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าทำให้ฉันรู้สึกราวกับตัวเองเป็นอลิซที่เผลอตกลงไปในโพรงกระต่าย
และที่ปลายทางมีดินแดนมหัศจรรย์มากมายรอการสำรวจและค้นพบ
Libreria Bookshop คือร้านหนังสือคอนเซปต์จัดจ้านที่ได้แนวคิดมาจากนิยายเรื่อง
Library
of Babel ที่เล่าถึงโลกทั้งใบที่เป็นห้องสมุดไม่รู้จบ Selgas Cano บริษัทสถาปนิกชื่อดังเจ้าของโปรเจกต์จึงตั้งใจติดกระจกบานใหญ่ไว้บนผนังและเพดานทำให้ร้านหนังสือเล็กๆ แห่งนี้ดูกว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด
แต่นั่นกลับไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ฉันรู้สึกว่า Libreria เป็นร้านหนังสือที่น่าหลงใหล
สิ่งที่ทำให้ฉันหลงรักร้านหนังสือร้านนี้คือการจัดชั้นหนังสือที่ไม่เหมือนใคร
แทนที่จะวางหนังสือตามประเภทหรือเรียงตามตัวอักษรแบบร้านส่วนใหญ่
หมวดหมู่หนังสือที่นี่กลับมีแต่ชื่อประหลาดๆ อย่างแม่น้ำและท้องฟ้า, มาดอนน่า, Wanderlust, กะหรี่, รู้แจ้ง และช่วงเวลามืดหม่น
“โอ้ย นี่มันอะไรกันเนี่ย!?” ครั้งแรกที่เห็นฉันถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“ฮ่าๆๆ มันเป็นความตั้งใจของเราน่ะ” Rohan
Silva หนึ่งในผู้ก่อตั้งร้านบอกฉัน “ร้านเราไม่ได้ตั้งเป้าแค่การตอบสนองความต้องการของนักอ่าน
แต่เราอยากเฉลิมฉลองความสงสัยใคร่รู้ของมนุษย์ ลองเทียบกับร้านหนังสือออนไลน์สิ
หนังสือที่เราเห็นผ่านหน้าจอจะมีแต่เล่มที่เว็บไซต์คำนวณมาแล้วว่าเป็นแนวที่เราสนใจ
ถ้าเรามองหาหนังสือฟิสิกส์ เราก็จะเจอแต่หนังสือเกี่ยวกับฟิสิกส์
แต่เราออกแบบร้านนี้มาเพื่อเปิดมุมมองของนักอ่านให้กว้างขึ้น
ถ้าคุณก้าวเข้ามาเพื่อหาหนังสือฟิสิกส์
คุณอาจกลับบ้านไปพร้อมหนังสือจิตวิทยาและบทกวีก็ได้”
Sally Davies ทีมงานคนสำคัญของร้านช่วยเสริมว่า “สิ่งที่เราพยายามทำคือการสร้างที่ที่เปิดโอกาสให้คุณสำรวจและค้นพบหนังสือที่คุณไม่รู้ตัวมาก่อนว่าอยากอ่านมัน
นี่คือเป้าหมายของเรา”
ก่อนที่จะมาเปิดร้านหนังสือ
โรฮานคือหนึ่งในผู้ก่อตั้ง co-working space ที่มีชื่อว่า Second Home สถานที่ที่เกิดขึ้นเพื่อสนับสนุนคนทำงานสร้างสรรค์ในลอนดอน
สำหรับโรฮาน การสร้าง Libreria Bookshop ไม่ใช่การขยายธุรกิจ
แต่เป็นอีกช่องทางที่ช่วยสนับสนุนลูกค้าของ Second Home
“เทคโนโลยีที่ทันสมัยกำลังก้าวเข้ามาแทนที่มนุษย์มากขึ้นทุกวัน
เราทุกคนจึงต้องพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ซึ่งเป็นทักษะที่เครื่องจักรยังทำไม่ได้ ผมเชื่อว่ากุญแจสำคัญของการเป็นคนสร้างสรรค์คือรู้จักผสมผสานไอเดียที่หลากหลาย
และร้านหนังสือก็เป็นที่ที่ทำหน้าที่นี้ได้ดีมาก
มันสร้างบรรยากาศของการแลกเปลี่ยนความคิด ทำให้คนอ่านเปิดใจรับเรื่องราวใหม่ๆ”
นอกจากหนังสือทุกเล่มในร้านจะถูกเลือกโดยความชอบของทีมงาน
พวกเขายังมีชั้นหนังสือพิเศษที่แต่ละเล่มคัดสรรโดยคนดังมากมายในวงการต่างๆ
อย่างวงการศิลปะ ภาพยนต์ นิตยสาร โรฮานและเพื่อนตั้งใจสร้างให้ที่นี่เป็นเหมือนห้องสมุดของชุมชน
ห้องสมุดที่ไม่มีสัญญาณ Wi-Fi ไม่ขายกาแฟ มีแต่หนังสืออย่างเดียวเน้นๆ
นอกจากผู้มาเยือนจะห้ามส่งเสียงดัง
ที่นี่ยังมีกฎเหล็กอีกข้อคือ ห้ามเล่นมือถือเด็ดขาด
พวกเขาถึงขั้นประกาศกร้าวว่าที่นี่คือ ‘Digital Detox Zone’
“แปลว่าคุณเคยทนไม่ไหวกับเสียงรบกวนจากโลกออนไลน์ใช่ไหมคะ” ฉันถามพร้อมกลั้นหัวเราะ
“ตลอดเวลา ตลอดเวลา ตลอดเวลาเลยล่ะ” โรฮานตอบพร้อมกรอกตาไปมาหลายรอบ
“เหตุผลส่วนใหญ่ที่ทำให้คนทุกวันนี้เครียดจนเสียสติเพราะเราถูกบังคับให้ต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย
ต้องตอบข้อความไม่สิ้นสุด มีเสียงเรียกเข้าดังรบกวนตลอดเวลา ผมเลยอยากให้เราลองหาเวลาเงียบๆ เพื่อจดจ่ออยู่กับบางสิ่งที่จับต้องได้อย่างการอ่านหนังสือ
เพราะมันเป็นวิธีการใช้ชีวิตอย่างสมดุลในยุคนี้”
โรฮานให้สัมภาษณ์กับหลายสื่อซ้ำไปซ้ำมาว่า เครื่องมือวัดคุณภาพเมืองที่ดีที่สุดไม่ใช่ความสำเร็จทางธุรกิจ
แต่เป็นความหลากหลายทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ของคนในสังคม ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ทั้ง Second Home และร้านหนังสือ Libreria จะตั้งอยู่ในย่าน Brick
Lane พื้นที่ฝั่งตะวันออกของลอนดอนที่เป็นย่านที่คนจากหลากหลายวัฒนธรรมมาพบกันครั้งแรก
และยังเป็นที่ตั้งของร้านกาแฟแห่งแรกในลอนดอน
ที่นี่จึงเป็นพื้นที่แห่งการถกเถียงและแลกเปลี่ยนทางความคิดมาตั้งแต่อดีต
แต่ปัญหาคือตอนนี้ธุรกิจด้านดนตรี ศิลปะ และสิ่งพิมพ์ ใน Brick Lane กำลังค่อยๆ ลดจำนวนลงอย่างน่าใจหาย
ในฐานะร้านหนังสือ Libreria จึงพยายามพลิกฟื้นบรรยากาศที่คึกคักนั้นให้กลับมาอีกครั้งด้วยการเปิดพื้นที่วางขายงานศิลปะและหนังสือทำมือในร้านเพื่อสนับสนุนศิลปินในชุมชน
และที่ชั้นใต้ดินยังมีเครื่องพิมพ์ Risograph พร้อมช่างพิมพ์มืออาชีพที่พร้อมช่วยนักออกแบบทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ให้พิมพ์หนังสือของตัวเอง
หรือใครที่อยากเรียนอย่างจริงจัง ทางร้านก็มีเปิดเวิร์กช็อปการพิมพ์และการเย็บหนังสือทุกเดือน
แทรกด้วยกิจกรรมอย่างการบรรยาย การพูดคุยเรื่องหนังสือแบบอ่านไปดริงก์ไป
บางเดือนที่พิเศษหน่อยก็มีฉายหนังสั้นและการแสดงด้วย
“หลายคนบอกว่าพวกเราเป็นร้านหนังสือหัวโบราณที่ปิดกั้นเทคโนโลยีและสนับสนุนสื่อที่ล้าสมัยอย่างสิ่งพิมพ์ แต่ก็อย่างที่เธอเห็น Libreria คือร้านหนังสือแบบใหม่ที่คนจะได้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครผ่านหนังสือและกิจกรรมมากมายในร้าน
ลองเข้ามาที่นี่สักครั้ง แล้วคุณจะเริ่มเชื่อเหมือนผมว่า บางครั้งคนเราต้องยอมมองย้อนไปด้านหลัง
เพื่อที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า” โรฮานกล่าวทิ้งท้าย
ก่อนบอกลาฉัน แล้วเดินออกจากโพรงกระต่ายเพื่อกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง
Famous
Attraction : Sapiens: A
Brief History of Mankind โดย Yuval Noah Harari
หนังสือเล่มนี้แนะนำโดย Jennifer
Coleman กรรมการสถาบันพัฒนาจินตนาการของประเทศอังกฤษ เซเปียนส์คือ Non-fiction ที่เล่าเรื่องราวย้อนหลังไปนับหมื่นปีของเผ่าพันธุ์มนุษย์
เราเอาชนะมนุษย์สปีชีส์อื่นได้ยังไง? เราเริ่มนับถือพระเจ้าเงินและกฎหมายตอนไหน? ทำไมเราถึงตกเป็นทาสของระบบราชการ ตารางเวลา
และทุนนิยม? มากไปกว่านั้น หนังสือเล่มนี้ยังบอกว่า ‘จินตนาการ’ คือสิ่งที่ทำให้เราเป็นสายพันธุ์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดสายพันธุ์นึงในโลก
Hidden
Attraction : Americana โดย Chimamanda Ngozi Adichie
นิยายขายดีผลงานของนักเขียนมือรางวัล
หนังสือเล่มนี้เล่าการเดินทางไปพบความแตกต่างทางวัฒนธรรมและการเหยียดเชื้อชาติผ่านเรื่องราวความรักของหนุ่มสาวชาวไนจีเรีย
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อประเทศไนจีเรียตกอยู่ใต้อำนาจรัฐบาลทหารจอมเผด็จการ (อุ๊บส์) ตัวละครเอกของเราจึงพยายามอพยพออกนอกประเทศ Ifemelu นางเอกของเรื่องย้ายไปอเมริกา
ดินแดนที่เธอต้องต่อสู้กับการถูกเหยียดผิว ส่วนพระเอก Obinzeไปอยู่อังกฤษ
ที่ที่เขาต้องกลายเป็นผู้อพยพผิดกฎหมาย ทั้งคู่ต่างฝ่าฟันอุปสรรค เติบโต
และกลับมาพบกันอีกครั้งที่ไนจีเรีย แต่ตอนจบกลับไม่เป็นอย่างที่เราคาดคิด
High
Season : เก้าอี้นุ่มๆ ในร้านมีไม่มาก
ถ้าอยากเข้ามาอ่านหนังสือเงียบๆ ควรมาตอนเช้า
หรือไม่ก็ช่วงหัวค่ำวันธรรมดา วันเสาร์จะมี Brick Lane Market ตลาดนัดขายอาหารและของวินเทจ
ร้านจึงคึกคักเป็นพิเศษ
“ร้านเราไม่ได้ตั้งเป้าแค่การตอบสนองความต้องการของนักอ่าน แต่เราอยากเฉลิมฉลองความสงสัยใครรู้ของมนุษย์ หลายคนบอกว่าพวกเราเป็นร้านหนังสือหัวโบราณที่ปิดกั้นเทคโนโลยีและสนับสนุนสื่อที่ล้าสมัยอย่างส่ิงพิมพ์ ลองเข้ามาที่นี่สักครั้ง แล้วคุณจะเร่ิมเชื่อเหมือนผมว่าบางครั้งคนเราต้องยอมมองย้อนไปด้านหลัง เพื่อที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า”
Libreria Bookshop
Address: Libreria
Bookshop 65 Hanbury St, London E1 5JP
How to
get there: นั่งรถไฟใต้ดินมาที่สถานี
Liverpool Street แล้วเดินลัดเลาะผ่าน
Spitalfields
Market ไปที่ถนน
Hanbury ใช้เวลาประมาณ 11 นาที
Contact
:
Facebook
| Libreria BookshopTwitter
| @LibreriaLondon
Hours :
(ปิดวันจันทร์)
วันอังคาร-พุธ : 10:00 – 18:00 น.
วันพฤหัส-เสาร์ : 11:00 – 22:00 น.
วันอาทิตย์
: 12:00 – 18:00 น.
ภาพประกอบ Faan.peeti
เรียบเรียงจากบทความของ theguardian.com, coolhunting.com, bbc.com, standard.co.uk