เมื่อความเย็นมาคู่ความเหงา สู่อาการเศร้าแบบ Winter Blues

เคยสังเกตกันไหม? เข้าท้ายปีทีไร ดีกรีความเหงากลับพุ่งปรี๊ดทะลุกราฟ อยู่ดีๆ ก็อยากมีใครสักคนให้กอด อยากมีไหล่สักคนให้ซบเสียอย่างนั้น ทั้งหมดนี้ไม่ใช่พฤติกรรมเลียนแบบ แต่มันคืออาการ Winter Blues หลักจิตวิทยาความเศร้าช่วงหน้าหนาวที่มาพร้อมความเย็นนั่นเอง!

ถ้าอธิบายให้เห็นภาพ Winter Blues คือยูนิตย่อยของ Seasonal Affective Disorder (SAD) หรืออาการซึมเศร้าที่เกิดขึ้นเมื่อเปลี่ยนฤดูกาล ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยสุดในช่วงหน้าหนาว สาเหตุมาจาก ‘แสงแดด’ ที่เราได้รับน้อยลงในช่วงท้ายปีที่กลางคืนยาวนานกว่ากลางวัน 

แม้เราจะไม่ได้สังเคราะห์แสงเหมือนต้นไม้ แต่สมองในส่วน ‘ไฮโปทาลามัส’ ที่ควบคุมนาฬิกาชีวิตก็ต้องการแดดในการเปิด – ปิดสวิตช์กลไกต่างๆ ซึ่งเมื่อสมองส่วนนี้ทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้ฮอร์โมนต่างๆ เกิดการหลั่งแบบผิดปกติ ไม่ว่าจะ ‘เมลาโทนิน’ สารที่ควรจะทำให้เราง่วงช่วงกลางคืน แต่กลับหลั่งออกมาช่วงกลางวัน หรือ ‘เซโรโทนิน’ สารที่ควบคุมความรู้สึกต่างๆ โดยเฉพาะความสุข ที่น้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะการหลั่งสารที่ผิดปกติ จนทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าขึ้นมาได้ 

แต่นอกจากเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่มาซัปพอร์ตอาการเหงาในช่วงหน้าหนาวแล้ว อีกหนึ่งผู้อยู่เบื้องหลังก็คือ ‘สื่อบันเทิง’ ในช่วงท้ายปีที่พร้อมใจกันส่งคอนเทนต์สุดเหงามาให้เราน้ำตาซึมแบบไม่ทันตั้งตัวอีกด้วย เพื่อให้รู้เท่าทันความเหงา และไม่ตกเป็นเหยื่อผู้ผลิต เราเลยอยากชวนทุกคนไปแอบดูหลังม่านมายา ว่าพวกเขาเล่นงานกับความเหงาของเรายังไงบ้าง! 

‘ฟังความเหงา’ ผ่านเสียงเพลง

ถ้าลองไปเสิร์ชเพลย์ลิสต์เพลงบนแอปฯ สตรีมมิง เชื่อว่าคงจะไม่พ้นคีย์เวิร์ด ‘เหงา คิดถึง โดดเดี่ยว’ อย่างแน่นอน นี่แทบจะกลายเป็นไอคอนิกว่าเพลงในช่วงหน้าหนาวที่ปล่อยออกมา มักจะมี Mood & Tone ที่เศร้าและเหงาเป็นพิเศษ แม้ฟังท่ามกลางอากาศเกือบ 40 องศาก็ทำให้ตัวสั่นเพราะอาการหนาวทิพย์ได้ 

ตัวอย่างเพลงชาติหน้าหนาว ต้องยกให้ ‘หน้าหนาวที่แล้ว’ ของ THE TOYS เพลงของคนไม่มูฟออนที่มาพร้อมท่อนแรปให้เราได้ท้าทายสกิลพูดเร็ว หรือ ‘ผู้ถูกเลือกให้ผิดหวัง (ดอกไม้ฤดูหนาว)’ ของ เรนิษรา ที่เปรียบความรักเป็นฤดูหนาว เข้ามาทำให้รู้สึกดีชั่วคราวแล้วจากไป 

    ‘เธอเป็นเหมือนฤดูหนาว มาทำให้รู้สึกดีแค่ชั่วคราว 

สิ่งที่เหลือคือปวดร้าว ใจฉันก็ว่างเปล่า’ – ผู้ถูกเลือกให้ผิดหวัง

ไม่ใช่แค่ประเทศไทย แต่รวมถึงประเทศเกาหลี ที่ขึ้นชื่อเรื่องวัฒนธรรมการฟังเพลงตามฤดู ศิลปินจะนิยมทำเพลงให้เข้ากับบรรยากาศในช่วงนั้น เช่นหน้าร้อน เพลงที่คัมแบ็กช่วงนี้จะมากับความสดใส สนุกสนาน เช่น วง SISTAR ที่ได้ฉายาว่าซัมเมอร์ควีน เพลงฮิตส่วนมากปล่อยในช่วงหน้าร้อนกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ในขณะเพลงที่ปล่อยมาช่วงหน้าหนาว จะมาพร้อมจังหวะช้าๆ เบาๆ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือวง XG ที่แหวกสไตล์ของตัวเองกับการคัมแบ็กเพลง WINTER WITHOUT YOU ที่เนื้อหาเศร้าชวนคิดถึงเธอที่จากไป 

เมื่อเพลงที่ปล่อยในช่วงนี้ เต็มไปด้วยความเหงาในทุกๆ บีต จึงไม่แปลกที่ผู้บริโภคที่เสพเพลงอย่างเรา จะรู้สึกเหงาตามไปกับพวกเขาด้วยเช่นกัน 

เสพความเหงา’ ผ่านภาพยนตร์ 

การเก็บกระเป๋าออกจากบ้าน หนีไปรับลมในช่วงหน้าหนาว แทบจะกลายเป็นเทรนด์ในภาพยนตร์อยู่ช่วงหนึ่ง ไม่ว่าจะ ‘หนีตามกาลิเลโอ’ เรื่องราวของ 2 สาวที่ออกไปตามล่าความฝัน ‘รักจัง’ ซุปตาร์หนุ่มที่หนีไปพักใจที่ภาคเหนือ ‘กวน มึน โฮ’ ทริปเที่ยวเกาหลีสุดฮาที่ไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ หรือแม้กระทั่ง ‘แฟนเดย์’ ความโรแมนติกท่ามกลางหิมะประเทศญี่ปุ่น

เรียกได้ว่าถ้าไม่รู้จะให้ตัวละครไปพักใจที่ไหน ก็ใช้สูตรสำเร็จรับประกันความดังอย่างการออกไปเที่ยวรับอากาศหนาว สัมผัสความเย็นให้เหงาถึงใจ ก่อนจะสร้างซีนโรแมนติกท่ามกลางอุณหภูมิเย็นยะเยือกให้คนทางบ้านฟินจิกหมอนเล่นๆ 

แม้จะไม่ได้ปล่อยมาในช่วงหน้าหนาว แต่ภาพลักษณ์ฤดูหนาวที่ภาพยนตร์ต้องการนำเสนอ ก็สร้างภาพจำให้เรารู้สึกคล้อยตามไปโดยปริยายว่า หน้าหนาว = ฤดูแห่งความรัก สำหรับคนมีคู่ก็โชคดีไป แต่สำหรับเหล่าคนโสด อาจเกิดอาการเหงาตัวโตๆ เวลาลมหนาวพัดผ่านก็เป็นได้ 

‘ปลูกฝังความเหงา’ ผ่านค่านิยมจากสื่อ

เคยได้ยินคำกล่าวนี้ไหม? เราจะไม่รู้สึกถึงข้อด้อยตัวเองเลย ถ้าไม่มีใครมาชี้จุดนั้นให้เราเห็น ความเหงาเองก็เช่นกัน บางครั้งคนที่อยู่คนเดียวจนเคยชิน อาจไม่ได้รู้สึกว่าต้องขวนขวายหาใครสักคนมาข้างกาย แต่เพราะเสียงจากรอบข้างต่างหากที่กดดันทำให้เหล่าคนโสดอยู่ไม่สุขในช่วงท้ายปี

ไม่ว่าจะสโลแกนสุดฮิตที่เห็นได้ทุกหน้าหนาวอย่าง ‘หนาวนี้กอดใคร หนาวไหมกอดกัน’ หรือจะ Copy บนโฆษณาที่ชวนให้เราหาคนกอดช่วงหน้าหนาว ยังไม่รวมถึงเทศกาลเคานต์ดาวน์สิ้นปีที่กลายเป็นหมุดหมายในการหาแฟนให้ทัน 

ทั้งหมดคือค่านิยมที่เราโดนปลูกฝังผ่านสื่อจนเคยชิน ทำให้เมล็ดพันธุ์แห่งความเหงาเติบโตในจิตใจอย่างช้าๆ รู้ตัวอีกทีก็ผลิดอกออกผลในช่วงหน้าหนาว กลายเป็นหนามที่ย้อนกลับมาทิ่มแทงตัวเองเสียอย่างนั้น 

รู้แบบนี้แล้ว ถ้าใครที่รู้สึกเหงา เพราะคนอื่นบอกให้เหงาอยู่ ก็รีบรู้ตัวให้ไว แล้วโอบกอดตัวเองไว้เยอะๆ นะ เพราะแค่เราอยู่รอดมาได้จนถึงสิ้นปีแบบนี้ ก็เก่งมากพอแล้ว! 

สุดท้ายนี้ อยากให้ทุกคนเข้าใจว่า ‘หน้าหนาว ไม่ใช่หน้าเหงา’ มันแค่ฤดูหนึ่งที่ผ่านมา และผ่านไป อย่าให้สิ่งเร้ารอบข้างมาบั่นทอนความรู้สึกในใจ แค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข และเต็มที่กับทุกๆ วันก็พอแล้ว หวังว่าปีนี้เราจะมีโอกาสได้สัมผัสลมเย็นๆ เหมือนประเทศอื่นเขาบ้างนะ

AUTHOR