เราทุกคนมีความฝันจริงไหม
ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าทุกคนต่างอยากให้ฝันของตัวเองสำเร็จกันทั้งนั้นแหละ
ฉันก็คือหนึ่งในเหล่าผู้กล้าที่ไล่ตามหาความฝันไงล่ะ
2 ปีที่แล้วฉันได้ไปเป็นเด็กฝึกงานที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง
งานของฉันคือคอยดูแลแขกที่จะขึ้นบอลลูนในทุกๆ เช้า
จนวันนึงมีที่ว่างบนกระเช้า
ฉันเลยได้ขึ้นไปแบบฟรีๆ โอ้โห โชคดีมากเลย
บรรยากาศบนนั้นมันดีมากเลยนะ
ทำให้ฉันคิดอะไรได้หลายอย่าง การตามฝันก็เหมือนกับการมาขึ้นบอลลูนเนี่ยแหละ
การจะให้บอลลูนลอยขึ้นได้ต้องมีการจุดก๊าซ
มีทั้งไฟ น้ำมัน เป่าลม สารพัด ฉันว่าส่วนนี้มันก็เหมือนตัวเราเองนะ
ที่บางทีในจุดเริ่มต้น เราก็ต้องมีการจุดประกายให้ตัวเอง หาอะไรที่เป็นแรงบันดาลใจ
ให้เราได้ก้าวเดินต่อ ทุกครั้งเวลาบอลลูนจะลอย ทุกคนจะเอาใจช่วยกันมาก
และสุดท้ายบอลลูนก็จะลอยไปลอยมาอย่างงงๆ แล้วก็พัดไปตามลม หน้าที่ของกัปตันคือพยายามบังคับทิศทางบอลลูนให้ไปตามลม
พอจะหมดเวลาบินก็ค่อยๆ ลดระดับลงมา
บอลลูนก็เหมือนตัวเราเหมือนกันนะ ณ
จุดหนึ่งที่เราไขว่คว้าตามล่าหาฝัน บางทีเราก็เจออะไรที่ทำให้เราท้อบ้าง
เหนื่อยบ้าง จนหลายครั้งก็ลอยเคว้งคว้างเหมือนบอลลูนอยู่นั่นแหละ
แต่สุดท้ายเมื่อเราตัดสินใจสู้ต่อก็เหมือนบอลลูนที่ลอยสูงขึ้น สูงขึ้น พอถึงจุดที่สูงที่สุด
ฉันรู้สึกอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก นี่สินะคือความรู้สึกของความสุข ได้เห็นทุกอย่างในมุมที่กว้างขึ้น
มองดูบ้าน ต้นไม้ ก็เหมือนเล็กนิดเดียว ก็คงเหมือนปัญหาล่ะมั้ง
ที่พอเราผ่านมันมาได้ มองกลับไปอีกที มันก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนี่นา
ในทุกครั้งที่ฉันท้อ ฉันก็จะนึกถึงวันนั้นที่ขึ้นบอลลูนเสมอ
เพราะมันทำให้ฉันมีแรงบันดาลใจอย่างมาก มันคงจะจริงที่เขาพูดกันว่า Everything is
POSSIBLE
เชื่อฉันสิ ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้
ถ้าใจเราเข้มแข็งพอ สู้ไปด้วยกันนะ!
ใครมีเซ็ตภาพถ่ายสวยๆ อยากส่งมาลงคอลัมน์นี้บ้าง คลิกที่นี่เลย