By the Sacred Lake

ภาพฟ้ากับน้ำกว้างสุดลูกหูลูกตาที่บ้านท่าวัด
ทำให้เราลืมรีสอร์ตหรือโรงแรมหรูหราไปเสียสนิท

ทิวทัศน์สวยประเมินค่ามิได้ของหนองหาน
ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุ­ดในอีสาน คือวิวข้างโฮมสเตย์ของ ผู้ใหญ่สุภาพ ฮมภาราช บ้าน 4 หลังที่ผู้ใหญ่บ้านและครอบครัวแบ่งปันให้แขกร่วมพักหน้าตาเรียบง่าย
แม้ไม่ทันสมัยหรือสะดวกสบายครบวงจร แต่บรรยากาศสงบสุข วิถีชีวิตชาวบ้าน และกิจกรรมที่บ้านท่าวัดมอบให้
เป็นสิ่งที่ไม่อาจประดิษฐ์หรือปลอมแปลง

เราเดินฝ่าฝูงไก่ที่จิกหาอาหารบนพื้นดิน
ฝูงเป็ด 10
ตัวที่เดินตามกันต้อยๆ เป็นระเบียบ หมู่สุนัขที่นอนงีบรับลม
และเหล่าวัวสีน้ำตาลที่เคี้ยวเอื้องเชื่องช้า
ผ่านอาณาจักรร่มรื่นใต้ร่มไม้ของเจ้าบ้านสู่ผืนน้ำ แดดสะท้อนผิวน้ำเป็นประกายวับวาว เมื่อผู้ใหญ่เตือนให้เรานั่งทรงตัวในเรือเล็กให้ดี
ก่อนที่คนขับเรือจะเปิดมอเตอร์ กุมหางเสือพาเราไปสัมผัสความงดงามของหนองหาน

“ปกติเราจะออกเรือช่วง 7 – 8 โมงเช้า แต่ต้องดูน้ำก่อนเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวครับ”
ผู้ใหญ่สุภาพอธิบายโปรแกรมของโฮมสเตย์แข่งกับเสียงเรือ “ออกจากบ้านผมไปดูเกาะหมู
ดอนสวรรค์ แปลงผักลอยน้ำปราศจากสารพิษที่บ้านแป้น และถ้ามีเวลาทั้งวันก็ออกเรือแต่เช้าก็ไปดูโบสถ์กับชีวิตพี่น้องชาวคริสต์ที่ท่าแร่ได้เลย”

แมลงปอสีแดง เหลือง ฟ้า
บินเรี่ยตัดผิวน้ำเมื่อเรือไม้ของเราแล่นผ่าน ท่ามกลางทะเลสาบกว้างใหญ่ ดอนหรือเกาะเล็กเกาะน้อยกระจายตัวอยู่ท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำ
เกาะหมูหยุดเรือของเราอย่างนิ่มนวลด้วยเลนดำนุ่มๆ
เราลุยโคลนหยวบหยุ่นเพื่อเหยียบดินแห้งบนฝั่ง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทุ่งหญ้าเขียวขจี
ไร้ร่องรอยสิ่งมีชีวิตอื่น แต่เมื่อผู้ใหญ่ส่งเสียงเรียกในคอพร้อมตีถังใส่อาหารเป็นจังหวะ
หมูป่าสีดำอวบอ้วนหลายสิบตัวก็วิ่งออกมาอย่างกระตือรือร้น
ทั้งหมูแม่พันธุ์อุ้ยอ้าย ไปจนถึงหมูตัวจิ๋วๆ อายุไม่กี่สัปดาห์

“ที่นี่มีหมูประมาณ
200 ตัวครับ มันเป็นหมูป่าอายุน้อย เขี้ยวยังไม่งอก
ไม่ดุเลยครับ เชื่องเพราะเพราะเอามาผสมพันธุ์กับหมูบ้านแล้ว ส่วนข้างในก็เลี้ยงวัว
ใครอยากเลี้ยงก็เอามาเลี้ยงได้บนเกาะได้หมด”

เจ้าบ้านเสริมว่าเมื่อหมูอายุครบ
45 วันก็นำไปขายได้ และถ้าอยากกินหมูป่าหันร้อนๆ
ก็ขอให้แจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 วัน เพื่อเตรียมซื้อมาทำอาหาร
ส่วนวัตถุดิบจานเด็ดอื่นๆ สายน้ำหยิบยื่นให้เป็นของขวัญ ทั้งหอยเชอรี่ตัวโตจากริมชายฝั่ง
หรือสายบัวเส้นยาวจากกอบัวระหว่างทางแล่นออกจากเกาะ จากนั้นเรือไม้ของเราพุ่งฉิวสู่ดอนสวรรค์
หัวใจของหนองหานและสถานที่แห่งตำนานของสกลนคร

ยางนายักษ์สูงหลายสิบเมตรและต้นไม้นานาชนิดเหยียดกิ่งก้านอิสระบนเกาะกลางน้ำที่ใหญ่ที่สุด
ดอนสวรรค์อนุรักษ์ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและความศักดิ์สิทธิ์กลางเมืองมาช้านาน
นอกจากวัดดอนสวรรค์และศาลเจ้าแม่ตะเคียนทอง เรายังพบความเชื่อเรื่องพญานาคที่แทรกซึมอยู่ในตำนานผาแดงนางไอ่
ว่าด้วยรักสามเส้าระหว่างท้าวผาแดง นางไอ่คำ และพญานาคชื่อท้าวพังคี โศกนาฏกรรมจบลงด้วยความตายของพญานาคหนุ่ม
ความแค้นของพญานาคผู้พ่อทำให้เมืองถล่มทลายกลายเป็นหนองหาน เหลือเพียงดอนที่แม่ม่ายอาศัยหรือดอนสวรรค์ที่รอดพ้นจากบทลงโทษจากใต้บาดาล

มิติความเชื่อทับซ้อนบนความเก่าแก่ของเกาะที่คนทั้งเมืองปกป้อง
ความศรัทธาเข้มข้นเก็บรักษาธรรมชาติบริสุทธิ์ให้เราได้แบ่งปันและชื่นชมความงาม ด้วยเวลาที่มีจำกัด
เราล่องเรือออกจากดอนสวรรค์สวยสงบกลับสู่บ้านของผู้นำชุมชน ภรรยาของผู้ใหญ่เตรียมสำรับไว้ต้อนรับแขกผู้หิวโหย
ทั้งผัดเผ็ดและส้มตำหอยเชอรี่รสกรอบกรุบ ปลาหมอเทศย่างเกลือร้อนๆ
และข้าวเหนียวอุ่นๆ กระติ๊บโต เราจกความอร่อยจากหนองหานเข้าปาก เมนูท้องถิ่นจากทะเลสาบอาจปรับเปลี่ยนไปตามวัตถุดิบที่หาได้ในแต่ละวัน
เช่น แกงส้มปลาช่อนหรือผัดสายบัวเติมรสชาติท้องถิ่นให้เต็มปากเต็มคำ

อากาศเย็นลงเมื่อผู้ใหญ่บ้านล้อมวงคุยกับเราเรื่องกีฬาแข่งเรือยาว
บทสนทนาบนแคร่ไม้ไผ่มีลมทะเลสาบเกื้อหนุน เราเก็บความรู้สึกดีๆ
ที่โฮมสเตย์บ้านท่าวัดมอบให้ และบันทึกวิถีชีวิตคู่สายน้ำที่แจ่มชัดงดงามในความทรงจำ

โฮมสเตย์บ้านท่าวัด

ที่อยู่: 317 บ้านท่าวัดเหนือ ต.เหล่าปอแดง อ.เมือง จ.สกลนคร

โทรศัพท์: 085-746-3019

“เราต้องมีจิตไมตรีกับคนที่มาเที่ยว
ไม่ต้องไปชาร์จราคาอะไรแพงมากมาย เขามาเราดีใจแล้ว ผมอยากให้ชุมชนเป็นที่รู้จักในฐานะที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
น่ามา น่าเที่ยว เรื่องความปลอดภัยเรารับประกันตลอด ของหายได้คืนแน่นอน
ผมรับผิดชอบเสมอ สิ่งที่ผมได้จากการต้อนรับแขกคือความภูมิใจ
อย่างอื่นผมไม่ได้ต้องการ”

สุภาพ ฮมภาราช

ผู้ใหญ่บ้านท่าวัดเหนือ
และเจ้าบ้านชาวเมืองสกลนคร

ภาพ มณีนุช บุญเรือง

อ่านเรื่องราวการท่องเที่ยวแสนสนุกจากสกลนครให้เต็มอิ่มได้ที่ด้านล่างเลย

AUTHOR