ไขปริศนาความสัมพันธ์ไปกับความเอร็ดอร่อยของอาหารใน ทาร์ตตาแต็งแห่งความฝัน

จะมีอะไรน่าตื่นเต้นดีใจสำหรับนักอ่านไปกว่าการที่ได้อ่านหนังสือเล่มใหม่ของนักเขียนคนโปรด

ตอนที่ฉันเห็นประกาศหนังสือเล่มใหม่ของ ฟูมิเอะ คนโด จากสำนักพิมพ์ ซันเดย์ อาฟเตอร์นูน ก็รีบทักไปบอกเพื่อนชาวนักอ่านที่ชื่นชอบนักเขียนคนนี้เหมือนกันทันที

คาเฟ่ลูส เมนูที่รักจากการเดินทาง คือหนังสือเล่มแรกที่ทำให้ฉันรู้จักนักเขียนหญิงชาวญี่ปุ่นคนนี้ และด้วยการเขียนสไตล์ cozy mystery ที่อบอุ่นชวนติดตามผ่านเรื่องราวของหญิงสาวเจ้าของคาเฟ่กับรุ่นพี่ในที่ทำงานเก่าก็ทำให้ฉันตกหลุมรักผลงานของเธออย่างถอนตัวไม่ขึ้น

หลังจากนั้นพอได้อ่าน ในครึ่งที่ยังว่างของกระเป๋าเดินทางสีฟ้า ผลงานเล่มที่สองของเขา ก็ยิ่งทำให้ฉันติดใจวิธีการเล่าเรื่องอันแสนเรียบง่ายทว่าให้ข้อคิดเตือนใจโดยไม่มีน้ำเสียงของการสั่งสอนเลย

นั่นคงเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันปวารณาตัวเป็นแฟนคลับของฟูมิเอะ คนโด และรอคอยติดตามผลงานอื่นๆ ที่จะแปลเป็นภาษาไทยมาตลอด

จนกระทั่งผลงานเล่มที่สาม ทาร์ตตาแต็งแห่งความฝัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในซีรีส์นิยายชุด Bistro Pas Mal ก็ออกมาให้อ่านพอดีในช่วงเวลาที่เดินทางไปเที่ยวไกลๆ ไม่ได้ และกำลังต้องการรับการเยียวยาหัวใจถึงที่สุด

ทาร์ตตาแต็งแห่งความฝัน คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในร้านอาหารขนาดเล็กที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของย่านร้านค้าในเขตชุมชนเก่าของญี่ปุ่น ‘บิสโทรปามาล’ เสิร์ฟอาหารฝรั่งเศสสไตล์โฮมคุกกิ้ง โดยมีเชฟมิฟุเนะและพนักงานอีกสามคนคอยให้บริการลูกค้า ที่แวะเวียนกันมาพร้อมกับข้อสงสัยหรือเรื่องเล่าจากเหตุการณ์ในอดีตที่ยังคงฝังใจ เกี่ยวกับอาหาร เครื่องดื่ม และขนม

ในหนังสือเล่มนี้เราจะได้อ่านเรื่องราวที่เกิดขึ้นผ่านมุมมองของ ทาคัตสึกิ โทโมยูกิ ผู้เป็นการ์ซงหรือบริกรประจำร้าน โดยในร้านนอกจากเชฟมิฟุเนะผู้เป็นหัวหน้าเชฟและผู้จัดการร้านแล้ว ยังมีชิมุระที่เป็นพ่อครัวและซอมเมอลิเยร์ (ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์) ชื่อคาเนโกะ

ถือว่าเป็นความแปลกใหม่สำหรับฉันที่อ่านนิยายของฟูมิเอะมาตลอด เพราะที่ผ่านมานิยายทั้งสองเล่ม ตัวละครหลักและตัวละครอื่นๆ ในเรื่องมักเป็นผู้หญิงและเน้นเล่าเรื่องเพื่อคลายปมของตัวเอง แต่เรื่องนี้ตัวละครหลักกลับเป็นผู้ชาย และเปลี่ยนไปเน้นการไขปริศนาของตัวละครอื่นๆ ผ่านอาหารการกินแทน แถมเซตติ้งยังเป็นร้านอาหารฝรั่งเศสแนวบิสโทรที่มั่นใจได้เลยว่าระหว่างอ่านจะต้องท้องร้องจ๊อกๆ เพราะหิวไปด้วยแน่นอน

ถึงแม้ว่าตัวละครในเรื่องที่มีบทบาทสำคัญจะมีจำนวนเยอะขึ้นกว่าเล่มก่อนๆ แต่ด้วยสไตล์และบุคลิกอันแตกต่างกันของพนักงานร้านบิสโทรแห่งนี้ที่เข้าขากันเป็นอย่างดี ไม่รู้สึกขัดหูขัดตา ก็ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังกินเมนูเด็ดแสนเรียบง่ายประกอบจากหลากวัตถุดิบแต่อร่อยกลมกล่อม

ด้วยความที่บิสโทรปามาล เป็นร้านเล็กๆ มีที่นั่งไม่มาก จึงทำให้คนจองแน่นขนัดแทบทุกวัน อีกทั้งรสชาติอาหารจากฝีมือเชฟฟุมิเนะก็เป็นที่เล่าลือ จนทำให้มีลูกค้าประจำแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนบ่อยๆ ซึ่งสำหรับฉันแล้ว เชฟผู้นิ่งเงียบที่ภายนอกดูไม่สนอกสนใจใครแต่จริงๆ แล้วใส่ใจคนอื่นเป็นตัวละครที่น่าสนใจและน่าค้นหามากทีเดียว ไม่แน่ว่าในเล่มถัดไปเราอาจได้ทำความรู้จักเขามากกว่านี้ก็เป็นได้

ทาร์ตตาแต็ง, โรญงเดอโว, กาเล็ตเดรัว, อ็อซโซ-อิตารี, กาซูเลต์ เหล่านี้คือตัวอย่างของกินที่เป็นตัวชูในเรื่อง ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงการไขปริศนาความสัมพันธ์ทั้งในอดีตและปัจจุบันของตัวละคร แต่ส่วนตัวฉันชอบเรื่องสุดท้ายที่เล่นกับชิ้นช็อกโกแลตที่หารไม่ลงตัวเป็นพิเศษ และถ้าเป็นไปได้ก็อยากลองดื่มแว็งโช (ไวน์ร้อน) เครื่องดื่มที่ทำหน้าที่เป็นตัวคลี่คลายสถานการณ์และอารมณ์ขุ่นมัวของตัวละครในเรื่องบ้างเหมือนกัน แค่อ่านที่นักเขียนบรรยายก็น้ำลายไหลแล้ว

สำหรับฉันมองว่า หนังสือปกเหลืองน่ารักเล่มนี้เป็นนิยายแนว slice of life ที่หยิบเอาชีวิตประจำวันมาเล่ามากกว่าจะมีปมให้ติดตามอย่างจริงจัง ซึ่งพอเป็นแบบนี้ต่อให้ไม่ชอบอ่านหนังสือก็สามารถอ่านได้ง่ายๆ จบในคราวเดียว ยิ่งถ้าเปิดเพลงธีมคาเฟ่ในฝรั่งเศสคลอไปด้วยจะยิ่งรื่นรมย์ขึ้นมาก และแน่นอนว่าระหว่างทางฟูมิเอะก็แทรกข้อคิดคอยชวนผู้อ่านคิดคำนึงไปด้วยเหมือนเดิม นี่แหละคือเสน่ห์ของงานเขียนเธอที่ฉันชอบ

“อาจเพราะรู้ว่าไม่มีวันเอื้อมถึงก็ได้ ถึงสามารถคลั่งไคล้ได้ขนาดนั้น” หน้า 54

“ถ้าไม่ผสมกันสองอย่างก็จะไม่ได้รสชาติแบบนี้สินะ” หน้า 162

กระทั่งการเปรียบเทียบการเคี่ยวกาซูเลต์กับความรักหรือการที่ตัวละครทนกินอาหารที่ไม่ชอบ นักเขียนก็สามารถใช้ element ของอาหารการกินมาเชื่อมโยงถึงความสัมพันธ์กับชีวิตได้อย่างไม่แปลกแปร่ง อ่านแล้วรู้สึกผ่อนคลายคล้ายกับบ่ายวันหยุดที่มีเวลาทบทวนตัวเอง

น่าเสียดายว่าส่วนตัวฉันอาจไม่ได้ประทับใจและรู้สึกรีเลตกับเล่มนี้เท่า คาเฟ่ลูส เมนูที่รักจากการเดินทาง (ไม่แน่ใจว่าเพราะด้วยความที่ตัวละครหลักเป็นผู้ชายด้วยหรือเปล่า) แต่ก็ยังคิดว่า ทาร์ตตาแต็งแห่งความฝัน เป็นหนังสือประเภทอบอุ่นหัวใจที่ทำได้ดี อ่านแล้วไม่ผิดหวัง ไม่ว่าจะแง่การเล่าเรื่องหรือมู้ดที่ช่วยกอบกู้อารมณ์แย่ๆ จากสถานการณ์บ้านเมือง ถ้าอีกสองเล่มออกมาครบซีรีส์เมื่อไหร่น่าจะทำให้เราหลงรักตัวละครในร้านบิสโทรปามาลได้ไม่ยาก เพราะดูแล้วแต่ละคนยังมีอะไรให้น่าค้นหาอีกมากเชียว

เพราะเรายังต้องดูแลกายใจตัวเองให้ดีๆ เพื่อรอวันที่สถานการณ์สดใสขึ้น การได้กินอาหารอร่อยๆ อ่านหนังสือสนุกๆ หรือทำอะไรตามใจบ้างก็อาจเป็นความสุขเล็กน้อยในแต่ละวันที่เราพอจะเยียวยาตัวเองได้ ฉันเชื่อว่าสุดท้ายแล้วเหตุการณ์แย่ๆ จะต้องมีวันคลี่คลาย เหมือนกับตอนจบที่ผู้คนในหนังสือปกน่ารักเล่มนี้สามารถปลดล็อกปัญหาที่พวกเขาต่างประสบ

หวังว่าวันนั้นของทุกคนจะมาถึงในเร็ววัน

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ดวงสุดา กิตติวัฒนานนท์

ช่างภาพนิตยสาร a day ผู้ชอบกินอาหารที่ถ่าย