Treasure Hill Artist Village : หมู่บ้านศิลปินบนเนินเขา

วันอาทิตย์ปลายเดือนมิถุนายนที่สภาพอากาศแปรปรวนของเรา
เริ่มต้นด้วยการมาเยี่ยมเยือนหมู่บ้านศิลปินบนเนินเขาริมแม่น้ำ Xindian ที่มีอายุร่วม 70 ปี Treasure Hill Artist Village เคยเป็นหมู่บ้านทหารมาก่อน
(อีกแล้ว) แต่มีความน่าสนใจตรงที่รัฐบาลท้องถิ่นได้เข้ามามีส่วนร่วมกับศิลปินและคนในพื้นที่ดั้งเดิม
พัฒนาให้เกิดเป็นพื้นที่สร้างสรรค์งานศิลปะทุกแขนง เปิดโอกาสให้ศิลปินจากทั่วทุกมุมโลกมาเช่าบ้านหลังเล็กๆ
ในพื้นที่เพื่อฝังตัวสร้างงานศิลปะ หรืออยากจะเปิดเป็นแกลเลอรี่จัดแสดงผลงาน
ร้านขายของทำมือ ร้านอาหารโฮมเมด หรือคาเฟ่ท้องถิ่นก็ตามแต่ ในราคาเป็นมิตร

ความประทับใจแรกของเราเกิดขึ้นทันทีที่เดินขึ้นเนินเขาเพื่อมายังหมู่บ้านแห่งนี้
ถึงจะเหนื่อยจากอากาศร้อน แต่กระเป๋า Herschel Supply ก็เป็นผู้ช่วยในการเดินทางที่ดี ทั้งตลอดแนวกำแพงริมถนนมีรูปวาดลายเส้นการ์ตูนน่ารักๆ
ให้เดินถ่ายรูปเล่นจนลืมเหนื่อย เมื่อเดินผ่านวัดใหญ่ที่ปากทางเข้าหมู่บ้านก็จะพบดินแดนแห่งใหม่ที่ประกอบไปด้วยบ้านหลังน้อยใหญ่หลายสิบหลัง
เล่นระดับอยู่บนเนินเขาสูงต่ำ ปัจจุบันหมู่บ้านมีทั้งคนท้องถิ่นดั้งเดิมและศิลปินรุ่นใหม่มาอาศัยอยู่ด้วยกัน
เดินไปก็สนุกกับการตามหาบ้านตามซอกซอยต่างๆ ซึ่งเปิดให้เข้าไปเยี่ยมเยือนแต่เวลาเปิดปิดของบ้านแต่ละหลังไม่แน่นอน
แนะนำให้มาในวันหยุดจะคึกคักกว่า อาจได้เวิร์กช็อปงานศิลปะเล็กๆ น้อยๆ ด้วย

บ้านหลังเล็กจิ๋วหน้าสุดถูกดัดแปลงให้เป็น
information center เล็กๆ
มีป้ายแผนที่แนะนำเส้นทางในหมู่บ้าน มีโปสเตอร์งานนิทรรศการที่กำลังจัดแสดงอยู่
และตู้ใส่โปสการ์ดแจกฟรีขนาดใหญ่ ระหว่างที่เรากำลังสนุกกับการเลือกโปสการ์ดสวยๆ
ก็สังเกตเห็นหุ่นฟิกเกอร์รูปคนตัวจิ๋วเกาะอยู่บนขอบหน้าต่างบ้าน อดคิดไม่ได้ว่าไทเปช่างเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยตัวการ์ตูนน่ารักจริงๆ

บ้านหลังแรกที่เราได้เข้าไปเป็นบ้านสีขาวหลังเล็กที่มีกระถางต้นไม้เรียงรายอยู่ด้านหน้า
มองจากภายนอกไม่รู้เลยว่าเป็นที่ซ่อนตัวของสตูดิโอที่ครบถ้วนไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือทำเครื่องเงิน
ภายในร้านขายสินค้าทำมือ ทั้งเมล็ดต้นไม้พร้อมปลูกที่ฝังตัวอยู่ในก้อนดินปั้นด้วยมือ
ตัวปั๊มโลหะ ขวดโหลใส่จดหมาย นิตยสารทำมือ ที่สะดุดตามากที่สุดคือราวแขวนจดหมายบริเวณมุมหนึ่งของห้องซึ่งเต็มไปด้วยโปสการ์ดและจดหมายในขวดโหลที่เขียนแล้ว
เจ้าของร้านบอกว่าเป็นจดหมายที่คนมาเขียนถึงกันและแอบซ่อนไว้ พร้อมกับมีลายแทงส่งให้เพื่อนมาตามหาจดหมายที่นี่
เราฟังแล้วรู้สึกสนุก คล้ายกับเป็นเกมตามหาสมบัติ แต่น่าเสียดายที่ร้านไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป

ในบ้านแต่ละหลังจะซ่อนอะไรไว้
เราต้องเป็นคนค้นหาด้วยตัวเอง
บางหลังทำเป็นห้องฉายหนังที่เล่าเรื่องความผูกพันของผู้คนท้องถิ่นต่อหมู่บ้านแห่งนี้
ทำให้ผู้มาเยือนได้เห็นคุณค่าทางใจในการเก็บรักษาสถานที่เก่า บางหลังมีกลุ่มคนทำละครเวทีมาจัดกิจกรรมแนวทดลองเปิดให้คนมาอาบน้ำในบ้าน
(!?) ถือเป็นเรื่องดีที่เมืองใหญ่มีสเปซให้คนตัวเล็กๆ
ได้แสดงออกความคิดของตัวเอง

ก่อนฝนชุดใหญ่จะตกลงมา
เราเข้ามาเอนหลังอยู่ในร้านคาเฟ่เล็กๆ ชื่อ Tadpole Point (Tadpole แปลว่าลูกอ๊อด)
ทันทีที่เข้ามาในร้านก็สะดุดตากับบรรดาหนังสือที่กองอยู่บนโต๊ะใหญ่กลางร้าน
สื่อสิ่งพิมพ์กราฟิกต่างๆ ที่แปะอยู่ทั่วผนังห้อง ห้องเล็กๆ ด้านขวามือเป็นห้องเก็บบรรดาแผ่นพับและนิตยสารแจกฟรีสวยๆ
ให้เข้าไปเลือกค้นอย่างสนุกสนาน

ภายในร้านตกแต่งแบบหยิบเล็กผสมน้อย
มีความเป็นท้องถิ่นแบบไต้หวันผสมกับความวินเทจและงานทำมือที่ให้บรรยากาศอบอุ่นอยู่สบายเหมือนบ้าน
หลังจากเอนตัวเอกเขนกบนเบาะที่นั่งบนชั้น 2 พร้อมจิบ Matcha Lemon Ice Tea เครื่องดื่มสูตรพิเศษที่ใช้ชาเขียวมัทชะผสมกับมะนาวรสชาติดี
เราก็ลงมาพูดคุยกับหญิงสาวเจ้าของร้านที่เป็นทั้งศิลปินและนักเขียน เธอเล่าว่าได้ตัดสินใจมาฝังตัวอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้เพื่อสร้างสรรค์ผลงานและยังจัดกิจกรรมแลกหนังสือบ่อยๆ
ในร้านแห่งนี้ด้วย เราออกมาจากร้านพร้อมนิตยสารทำมือของหมู่บ้านที่เธอเป็นคนทำขึ้น
ท่ามกลางท้องฟ้าที่กลับมาสดใสอีกครั้ง

ระหว่างเดินซอกแซกขึ้นลงตามซอกซอยอย่างสนุกสนาน
เราเดินสวนกับคุณตาคุณยายที่กำลังนั่งจิบกาแฟชิลล์ๆ อยู่หน้าบ้าน
เลี้ยวเข้าไปเยี่ยมชมสตูดิโอเล็กๆ ของศิลปินที่เฟรนด์ลี่สุดๆ แล้วแอบเผลออมยิ้มให้กับรายละเอียดเล็กๆ
น้อยๆ ทั้งสติกเกอร์ขนาดจิ๋วที่ฝากไว้ตามตู้จดหมาย เสาไฟฟ้า
ผลงานกราฟฟิตี้บนผนังปูนเก่า หรือแม้แต่ลวยลายน่ารักบนฝาท่อระบายน้ำ

ท่ามกลางบรรยากาศที่มีกลิ่นอายประวัติศาสตร์ผสมผสานกับงานศิลปะ
บวกกับธรรมชาติสีเขียวรอบตัว ไม่ต้องบอกเลยว่าเราตกหลุมรักหมู่บ้านแห่งนี้มากแค่ไหน

ภาพ เบญญา สิงห์อุสาหะ และ นวลตา วงศ์เจริญ

AUTHOR