The xx : วงดนตรีอินดี้ป๊อปจากเกาะอังกฤษที่เขียนเพลงเล่าความสัมพันธ์ของวัยรุ่น

ถ้าหากโยนคำถามให้ใครสักคนตอบเร็วๆ ว่า รู้จักวงดนตรีจากฝั่งอังกฤษมั้ย? คนที่ไม่ค่อยฟังเพลงอาจจะส่ายหัว ถ้าใครฟังเพลงเยอะหน่อยอาจจะตอบได้บ้าง เพราะเป็นที่เข้าใจได้ว่าวงการเพลงอังกฤษยังไม่ค่อยโดดเด่นมากนักในบ้านเรา จะมีที่รู้จักในวงกว้างจริงๆ ก็อาจจะเป็นวง Coldplay หรือ Ed Sheeran รวมถึงวงดนตรีที่เราจะแนะนำต่อจากนี้ ถ้าใครที่ฟังเพลงอินดี้ป๊อปอยู่แล้วก็น่าจะรู้จักกันดี

The xx เป็นวงทรีโอ้จากลอนดอน ประกอบไปด้วย Romy Madley Croft (กีตาร์, ร้องนำ) Oliver Sim (เบส, ร้องนำ) และ Jamie Smith หรือที่รู้จักในชื่อ Jamie xx ซึ่งเป็นคนสร้างเสียงดนตรีนอกหนือจากกีตาร์และเบส รวมไปถึงยังเป็นโปรดิวเซอร์ของวงด้วย โดยในปี 2005 โอลิเวอร์และโรมี่เป็นเพื่อนอยู่โรงเรียนเดียวกัน ทั้งสองตั้งวงเป็นดูโอ้ขึ้นมาเมื่อตอนอายุ 15 หลังจากนั้น มือกีต้าร์ Baria Qureshi ก็เข้ามาร่วมวงด้วย และอีก 1 ปีให้หลัง เจมี่ก็เข้ามาเป็นสมาชิกในวง

ความน่าสนใจของ The xx คือการที่มีนักร้องนำ 2 คน คือโรมี่และโอลิเวอร์ ซึ่งเป็นการสร้างองค์ประกอบทางดนตรีที่เป็นทางเลือกมากขึ้น อย่างการสร้างไลน์เสียงประสานที่เป็นเอกลักษณ์ สุ้มเสียงที่แผ่วเบาในการเปล่งเสียงร้องของทั้งคู่ ในภาคดนตรีนั้นโดดเด่นด้วยความมินิมอลที่ใช้เครื่องดนตรีน้อยชิ้น เสียงกีตาร์ที่ดังก้อง เสียงเบสที่ทุ้มหนัก และเสียงล้อมรอบที่เป็นอิเล็กทรอนิกบางๆ เป็นส่วนผสมที่เข้ากันดีระหว่างดนตรีอินดี้ป๊อป ดรีมป๊อป และอิเล็กทรอนิก

แต่กว่าอัลบั้มแรกของพวกเขาจะได้ออกกันจริงๆ ก็ในปี 2009 อัลบั้มเปิดตัวของวงที่มีชื่อว่า
xx ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจนติดอันดับลิสต์อัลบั้มที่ดีที่สุดของนิตยสารเพลงต่างๆ เช่น ได้อันดับที่ 9 ของนิตยสาร Rolling Stone อันดับที่ 2 ของนิตยสาร NME และในปี 2010 อัลบั้ม xx ได้รับรางวัล Mercury Prize ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับอัลบั้มที่ดีที่สุดในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์

ปลายปี 2009 บาเรีย มือกีตาร์ ได้ถอนตัวออกจากวง เนื่องจากเธอทรมานจากอาการเหนื่อยล้าที่ต้องออกทัวร์กับวง และในช่วงหลังๆ วงต้องยกเลิกโชว์ต่างๆ เนื่องจากความเหนื่อยล้าของเธอ

อัลบั้มที่ 2
coexist ออกในปี 2012 ก็ยังได้รับเสียงตอบรับที่ดีอยู่แม้จะไม่มากเท่าอัลบั้มแรกก็ตาม โดยในอัลบั้มนี้แสดงให้เห็นถึงความแปรปรวนทางอารมณ์ที่มากขึ้น เนื้อเพลงกล่าวถึงความโดดเดี่ยว ความปรารถนา และความรัก โดยได้รับอิทธิพลจากดนตรีแนว R&B และ post-dubstep ที่ยังคงพื้นฐานของความเป็นอินดี้ป๊อปอยู่

ละเอียดอ่อน เศร้าหมอง คือคำนิยามเมื่อได้ฟังเพลงของพวกเขา เหมือนที่มือเบสและนักร้องนำของวงกล่าวว่า “เราถูกมองว่าเป็นคนเศร้าและอารมณ์แปรปรวนกว่าที่เราเป็น เพราะฉะนั้นในอัลบั้มนี้ (อัลบั้มที่ 3 –
I See You) เราพยายามจะปัดความรู้สึกนั้นทิ้งไปบ้างและพยายามจะสนุกกับมันมากขึ้น” ซึ่งก็เป็นความจริง เพราะหลังจากที่เราได้ฟังเพลงในอัลบั้มล่าสุดแล้วก็พบว่าหลายๆ เพลงมีจังหวะที่เร็วขึ้น สนุกขึ้น นอกจากจังหวะเพลงที่เปลี่ยนไป การทำงานของวงก็เปลี่ยนไปอีกด้วย ที่เห็นได้ชัดคือการร่วมงานกับโปรดิวเซอร์ชื่อ Rodaiah McDonald ต่างจาก 2 อัลบั้มก่อนหน้าที่เจมี่โปรดิวซ์เองทั้งหมด และการที่วงเปลี่ยนสถานที่อัดเพลงจากเดิมที่อัดในลอนดอน ไปอัดที่สตูดิโอในเมืองมาร์ฟา รัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นเมืองทะเลทรายและมีศิลปะแบบมินิมอลลิสม์ การทำงานในสถานที่แตกต่างไปจากเดิม ถ้าเทียบกับลอนดอนบ้านเกิดของพวกเขา มาร์ฟาก็เป็นท้องฟ้าที่กว้างใหญ่และถนนที่เปิดกว้าง โรมี่กล่าวว่า “เป็นที่ที่ให้พื้นที่ในการสร้างสรรค์และค้นหาอะไรใหม่ๆ และนั่นทำให้พวกเราใกล้ชิดกันมากขึ้น”


5 เพลงของ The xx ที่อยากให้ฟังก่อนไปเจอพวกเขาในคอนเสิร์ตต้นปีหน้านี้

เราจัดลิสต์เพลงของ The xx มา 5 เพลงที่อยากให้คุณฟังเตรียมพร้อมก่อนไปคอนเสิร์ตของพวกเขาที่จะมาจัดเป็นครั้งแรกในเมืองไทย The xx Live in Bangkok ในวันที่ 29 มกราคม 2561 นี้ ซื้อบัตรได้แล้วที่
ticketmelon.com/event/thexx


01 Crystalised – อัลบั้ม xx

เพลงเปิดตัวในอัลบั้มแรกที่พูดถึงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและเปรียบเปรยความรักว่าเป็นการตกผลึก เพลงจังหวะกลางๆ บวกกับเสียงกีตาร์แปร่งๆ ชวนโยกหัวได้เบาๆ

https://www.youtube.com/watch?v=gI2eO_mNM88

02 VCR – อัลบั้ม xx

เพลงเรียบง่ายแต่โดดเด่นด้วยเสียงของไซโลโฟนและเสียงของเบสวนเป็นลูปไปเรื่อยๆ ทั้งเพลง เนื้อเพลงก็ยังกล่าวถึงความเพลิดเพลินไปกับการใช้ชีวิตกับสิ่งที่เรียบง่ายอย่างเช่นการดูวิดีโอบนเครื่องเล่น VCR กับคนรัก ซึ่งการใช้ VCR ก็เป็นการย้อนวัยให้เห็นความสัมพันธ์แบบเด็กๆ ที่ไม่ซับซ้อนแต่มีความพิเศษอยู่ในนั้น

03 Angels – อัลบั้ม coexist

เพลงแรกจากอัลบั้มที่ 2 เป็นเพลงแอมเบียนต์ที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกเวิ้งว้าง เนื้อเพลงกล่าวถึงความรักที่จบลงในช่วงวัยที่ยังไม่ประสีประสา ในท่อนที่บอกว่า “Like dreaming of angels and leaving without them” ก็เหมือนกับว่าเราฝันถึงความสวยงาม แล้วมันก็จบลงไปด้วยความว่างเปล่า

04 I Dare You – – อัลบั้ม I See You

เพลงรักจังหวะสนุกๆ กับงานภาพในเอ็มวีที่เราชอบมากๆ นอกจากงานภาพแบบวัยรุ่นอเมริกันจ๋าที่เราชอบแล้ว น้อง Eleven จากซีรี่ย์ Stranger Things ยังมาปรากฏตัวในเอ็มวีอีกด้วย

05 On Hold – อัลบั้ม I See You

ความแปลกใหม่สำหรับ The xx ในอัลบั้มล่าสุดคงเป็นเทคนิคการใช้แซมเปิลเพลงที่ไม่เคยเห็นจากอัลบั้มเก่าๆ มาก่อน อย่างเพลงนี้ก็มีการใช้แซมเปิลจากเพลง I can’t go for that (No can do) ของ Hall & Oates เพลงเศร้าจังหวะสนุกที่พูดถึงคู่รักที่เลิกรากันไปแล้ว แต่เหมือนจะยังไม่ขาด เปรียบเทียบกับการรอสายโทรศัพท์ใครซักคนที่เราไม่รู้ว่าจะต้องรอต่อหรือวางสายทิ้งดี

thexx.info/asiatour/


อ้างอิง

www.pitchfork.com, www.billboard.com, www.rollingstone.com, www.wikipedia.com

AUTHOR