เจริญอาหาร เจริญตา เจริญใจ ในซอยเจริญกรุง 36

ว่ากันตามประวัติศาสตร์
เจริญกรุงคือถนนสายแรกในประเทศไทยที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ดังนั้นทุกวันนี้
เจริญกรุงจึงเป็นถนนที่เราพบเห็นความเจริญผสมผสานกับความเก๋าได้ตลอดทั้งสาย
โดยเฉพาะช่วงริมแม่น้ำเจ้าพระยาย่านบางรัก ยังคงเต็มไปด้วยวัฒนธรรมทั้งไทย แขก จีน
และฝรั่ง สะท้อนผ่านผู้คนและสถานที่หลากหลายที่รวมอยู่ในที่เดียวกัน

เราเดินลัดเลาะจนเจอว่าในซอยเจริญกรุง
36 (หรืออีกชื่อว่าซอยโรงภาษี) มีสถานที่น่าสนใจตั้งแต่วัด โรงเรียน ร้านรวงขนาดเล็ก
แหล่งสร้างสรรค์ ยันสถาปัตยกรรมโบราณที่ยิ่งใหญ่ในเชิงคุณค่า
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมย่านนี้ถึงกำลังถูกผลักดันให้เป็นส่วนหนึ่งของย่านสร้างสรรค์ในโครงการ
RE-CREATE Bangrak ก็แหม เดินแค่ซอยเดียวยังครบทุกรสชาติได้ขนาดนี้เลย

01

เจริญหูเจริญตา
ณ ตึกโรงภาษีเก่า

ก่อนที่ตึกเก่าแก่แห่งนี้จะถูกใช้เป็นที่พักของพนักงานสถานีดับเพลิงบางรัก
และกลายเป็นสถานที่ยอดฮิตที่หนุ่มสาวพากันมาถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง ย้อนไปสมัยรัชกาลที่
5 อาคาร 4 ชั้นแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็น ‘โรงเก็บภาษีร้อยชักสาม’ ซึ่งพัฒนามาเป็นกรมศุลกากรในปัจจุบัน
แง่งามในเชิงศิลปะและสถาปัตยกรรมต้องยกความดีความชอบให้ช่างชาวอิตาลีนามว่า
โจอากิโน่ กรัซซี่ ผู้หลอมรวมศิลปะโรมันและคลาสสิกไว้ด้วยกันอย่างสวยงาม
ล่าสุดโลเคชันแสนสวยแห่งนี้ถูกปิดไว้ให้เราชมแต่ภายนอก หลังจากปักป้ายเตรียมโครงการก่อสร้างเป็นโรงแรมมานาน
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราแนะนำให้รีบสาวเท้าไปเดินดูและชวนกันตั้งคำถามว่าเราจะรักษาสถาปัตยกรรมสำคัญแบบนี้ให้คงอยู่ต่อไปในรูปแบบไหนดีหนอ


02

ย่องเข้าไปดูพิธีกรรมแสนสงบที่
มัสยิดฮารูณ

หลายคนอาจมองว่ามัสยิดเป็นเขตประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่ดูหวงห้าม
แต่เมื่อเราก้าวเข้าไปในเขตของมัสยิดฮารูณกลับได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจาก
ผศ.อนันต์ มาริกัน กรรมการฝ่ายการศึกษาแสนใจดีประจำมัสยิด ท่านเล่าว่าที่นี่สร้างขึ้นพร้อมการเข้ามาอาศัยของพ่อค้าชาวอาหรับตั้งแต่ต้นรัชกาลที่
3 แล้วพาเราขึ้นไปดูบนชั้น 2 ซึ่งเป็นโถงสำหรับละหมาด
สวดมนต์ และแสดงธรรม ด้านบนรอบโถงเป็นลายตัวอักษรอาหรับสีทองสวยงามที่คัดมาจากคัมภีร์อัลกุรอาน
แถมยังพาไปดูนาฬิกาดิจิทัลที่บอกเวลาละหมาดของประเทศไทยอีกต่างหาก ท่านบอกว่าที่นี่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชมได้ตลอดเวลาทำการ
และยังเป็นที่เดียวที่มีการเทศน์ 3 ภาษา (ไทย อังกฤษ
และอาหรับ) ทุกวันศุกร์ เพียงแค่ต้องแต่งกายสุภาพและสำรวมอากัปกิริยาเท่านั้น
จึงสลายความเชื่อผิดๆ ของเราที่เคยคิดว่ามัสยิดเป็นสถานที่ห้ามเข้าไปเลย

มัสยิดฮารูณ
เปิดทุกวัน
เวลาประมาณ 04.00 – 20.00 น. (ช่วงเดือนรอมฎอน เปิดตลอดเวลา)


03

เคี้ยวโรตีหนานุ่มที่ร้านสตรีทฟู้ดฮาลาล
Rotini

ตอนเดินผ่านซอยเล็กๆ
ออกมาจากมัสยิดเราต้องใช้ความอดทนอย่างมาก
เพราะข้างทางนั้นเรียงรายไปด้วยสตรีทฟู้ดฮาลาลหลายชนิด
และหนึ่งในนั้นที่ทำเอาเราสะดุดจนได้คือโรตีของร้าน Rotini ที่ติดป้ายใหญ่หราว่าเป็นโรตี OTOP เจ้าเดียวของบางรัก
จึงต้องขอพิสูจน์เสียหน่อย คุณดีน ณัฐวุฒิ
เจ้าของร้านเล่าให้ฟังว่า สานต่อกิจการมาจากคุณแม่ซึ่งทำมากว่า 20 ปี แต่ต่อยอดด้วยการคิดสูตรใหม่ให้โรตีที่นี่เก็บได้นาน 6 เดือน และยังอร่อยได้โดยไม่ใส่สารกันบูด จึงเป็นที่มาของ ‘โรตีแช่แข็ง’ ซึ่งทำส่งตามร้านอาหารหลายแห่งในไทยตอนนี้
ส่วนเรื่องความอร่อยนั้นไม่อยากจะบรรยาย เพราะทำโดยมุสลิมเพื่อให้คนมุสลิมกินจริงๆ
โรตีที่นี่จึงไม่เหมือนตามรถเข็นข้างทางทั่วไป เอาไปกินกับแกงได้สบาย
แต่จะสั่งราดนมกินที่ร้านเลยก็อร่อยหนานุ่มชุ่มลิ้น

Rotini เปิดทุกวัน (เว้นวันอาทิตย์) 09.00 – 18.00 น. / โทร. 0-2235-3786, 089-0444082 /
Facebook l โรตีนี่ โรตีแช่แข็ง


04

ลิ้มรสแกงแพะครั้งแรกในชีวิตที่
HOME
CUISINE ISLAMIC

ลือกันว่าร้านอาหารเก่าแก่สีขาวเขียวที่ตั้งอยู่หน้าสถานทูตฝรั่งเศสแห่งนี้มีเมนูข้าวหมกอร่อยลือลั่น
เราจึงหมายมั่นปั้นมือเป็นอย่างดีว่าจะต้องแวะเข้ามาลอง เมื่อมาถึงร้านก็ได้พบกับคุณจงรัก
ยามศรีสุข เจ้าของร้าน เธอเล่าว่า ในฐานะที่เป็นคนซอยนี้มานาน
อยากให้ในซอยมีร้านอาหารดีๆ จึงเรียนรู้สูตรอาหารแขกจากคุณอาและตัดสินใจเปิดร้าน
เมนูเด่นของที่นี่ไม่ได้มีแค่ข้าวหมกไก่ พร้อมน้ำจิ้มเด็ดอย่างไรต้าและจั๊ดนี่
แต่ยังมีแกงมาซาล่าแพะที่ต้องกินกับโรตีและปาจารี (มะเขือย่างราดซอส)
และทุกวันศุกร์ เสาร์
อาทิตย์ ยังมีเมนูพิเศษเป็นแกะย่างที่นำเข้าจากออสเตรเลียอีกด้วย
ความอร่อยระดับนี้ทำเอาเราหายสงสัยว่าทำไมมีคนแวะเวียนมานั่งในร้านไม่ได้ขาด
ทั้งมุสลิม นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมทั้งคนไทยตาตี่อย่างเรา

 

HOME
CUISINE ISLAMIC
เปิดทุกวัน จันทร์ – เสาร์
11.00 – 21.00 น. อาทิตย์ 18.00 – 21.00 น.
/ โทร. 0-2234-7911 / Facebook l Home Cuisine Islamic Restaurant


05

เลือกงานศิลปะมาสวมใส่ที่
ATTA
Gallery

ลัดเลาะเข้าไปใน
O.P. Garden
จะเจอกับแกลเลอรี่ที่มองปาดแรกอาจจะงงว่าเป็นที่แสดงงานศิลปะหรือร้านขายเครื่องประดับกันแน่
คำตอบคือเป็นทั้งสองอย่าง เพราะเจื้อย-อตินุช ตันติวิท
ศิลปินสาวผู้ก่อตั้งแกลเลอรี่เมื่อ 6 ปีก่อน ตั้งใจให้ที่นี่เป็นพื้นที่แสดงงานศิลปะสาย
contemporary art jewelry หรือพูดให้เข้าใจง่ายคือ ‘งานศิลปะที่สวมใส่เป็นเครื่องประดับได้จริงในชีวิตประจำวัน’ เพื่อผลักดันงานแนวนี้ให้มีที่อยู่ในวงการศิลปะเมืองไทย นอกจากจัดแสดงงานของศิลปินไทยและเทศเวียนตลอดทั้งปี
คนที่มาดูงานแล้วถูกใจและมีกำลังซื้อ
ยังสามารถเลือกซื้องานศิลปะเหล่านี้ไปสวมใส่ได้อีกด้วย
ใครแวะเวียนไปตอนนี้จะได้เจอกับงานของศิลปินดาวรุ่งชาวไทย Tithi Kutchamuch
ที่ไอเดียสนุกเข็ดฟันเหลือเกิน งานจัดถึงวันที่ 26 มิถุนายนนี้นะ

ATTA
Gallery
เปิดทุกวัน
(เว้นวันจันทร์) อังคาร – เสาร์ 13.00 – 19.30 น. อาทิตย์ 14.00 – 18.00 น. / โทร. 0-2238-6422 / Facebook l ATTA Gallery


06

สงบจิตใจไปกับความสง่างามของโบสถ์อัสสัมชัญ

หนึ่งในโบสถ์ที่ประกอบพิธีสำคัญของชาวคริสต์
และสถานที่ที่บ่าวสาวใฝ่ฝันมาจัดพิธีแต่งงานมากที่สุดแห่งนี้ ตั้งอยู่ท่ามกลางโรงเรียนชื่อดัง
3 โรงเรียนคืออัสสัมชัญบางรัก อัสสัมชัญศึกษา และอัสสัมชัญคอนแวนต์
เป็นสถาปัตยกรรมที่มีอายุเก่าแก่ถึงกว่า 200 ปี
สร้างครั้งแรกโดยบาทหลวงชาวไทย-โปรตุเกส
ซึ่งทำให้เกิดหมู่บ้านชาวคริสตังขึ้นในละแวก
แต่ต่อมาถูกระเบิดเสียหายในช่วงสงครามจึงได้สร้างขึ้นใหม่โดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศสเพื่อรองรับคริสตศาสนิกชนที่เพิ่มมากขึ้น
พอเข้าไปสัมผัสความเย็นจากหินอ่อน สีสันสะท้อนแดดจากกระจกสี
ดูผนังและเพดานจิตรกรรมแบบเฟรสโก้
ก็รับรู้ได้ถึงความยิ่งใหญ่แต่สงบเยือกเย็นของสถานที่
ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวความหลากหลายทางวัฒนธรรมของย่านนี้ได้อย่างดี

อาสนวิหารอัสสัมชัญ
บางรัก

โทร. 0-2234-8556 / www.assumption-cathedral.com


07

ละเลียดกาแฟสบายใจในคาเฟ่
Hobbyist

ร้านกาแฟไซส์อบอุ่นที่มีแผ่นโลโก้ไม้รูปมือซึ่งตั้งอยู่ข้างโรงเรียนอัสสัมชัญ
คือความฝันของ Steven
Avram หนุ่มลูกครึ่งที่มองเห็นว่าย่านบางรักยังไม่มีร้านกาแฟน่าสนใจเลย
จึงเอาความชอบของตัวเองมาใส่ในร้านแห่งนี้แบบเต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็นสูตรกาแฟ
การออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวียน และความหลงใหลในงานทำมือ ไม่แปลกที่ร้านจะชื่อ Hobbyist
เพราะเจ้าตัวประดิษฐ์เฟอร์นิเจอร์ในร้านเองแทบทุกอย่าง
(ที่โลโก้เป็นรูปมือขวาทั้งสองมือนั่นก็เพราะเป็นมือข้างที่ถนัด)
ส่วนเรื่องขนมปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแฟนสาว
จุดเด่นของร้านคือความสบายตัวที่ได้เข้ามานั่งในร้าน แถมยังมีปลั๊กและ Wi-Fi ให้ใช้ฟรีไว้คอยบริการ
จึงเป็นร้านที่เราปักหมุดไว้ในใจว่าจะกลับมาแวะเวียนอีกบ่อยๆ

Hobbyist
เปิดทุกวัน
(เว้นวันอาทิตย์) จันทร์ – ศุกร์ 07.30 – 22.00 น. เสาร์ 10.00 – 20.00 น. / โทร. 086-619-5446 / Facebook l Hobbyist cafe

AUTHOR