Butterfly Thai Perfume : กลั่นเอกลักษณ์ไทยเป็นกลิ่นหอมบรรจุขวดให้โดนใจทั้งคนไทยและต่างชาติ

ถึงจะไม่ค่อยถนัดกับการเลือกซื้อน้ำหอม
แต่เหตุผลที่น้ำหอมบรรจุขวดแก้วสวยๆ ของ Butterfly
Thai Perfume เตะตาและจมูกเรามาก ไม่ใช่เพราะนี่คือแบรนด์น้ำหอมสัญชาติไทยแท้ๆ
ที่ตีตลาดน้ำหอมในไทยและต่างชาติมานานกว่า 5 ปี มีลูกค้าเหนียวแน่นระดับเป็นแฟนคลับ
แต่เมื่อลองเข้าไปสำรวจกลิ่นหลากหลายที่ดึงเอาเสน่ห์ของไทยๆ อย่างที่แบรนด์ดังระดับโลกไม่มีมาใช้
ตั้งแต่กลิ่นไม้กฤษณากำยาน ข่า มะกรูดกานพลู ส้มโอ ใบมะม่วง ไปจนถึงกลิ่นแปลกๆ
อย่างข้าวเหนียวทุเรียนและกลิ่นโคลนสาบควาย (ใช่ มีน้ำหอมกลิ่นนี้จริงๆ)
เราก็ได้คำตอบว่านี่ไม่น่าใช่น้ำหอมที่มีความหอมเป็นจุดขายอย่างเดียว แต่ยังจงใจใช้กลิ่นจากดอกไม้พืชพันธุ์และเอกลักษณ์แบบไทยๆ
มาดึงดูดคนไทยและต่างชาติได้อย่างดี

ชิน-สุชิน แก้วอุดร เลือกขวดน้ำหอมบนโต๊ะมาหนึ่งขวดแล้วฉีดใส่กระดาษเทสเตอร์ให้เราลองดม
และบทสนทนาระหว่างเรากับเขาก็เริ่มต้นด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้เคล้าด้วยความฝันแสนหวาน

เริ่มดมกลิ่นหอม
“เราอยากเป็นดีไซเนอร์ตั้งแต่เด็กๆ
แต่เรียนจบวิศวกรรมโยธาเพราะพ่อไม่อยากให้เรียนด้านแฟชั่น
ระหว่างเรียนก็ยังแอบไปออกแบบเสื้อผ้าส่งประกวดต่างประเทศตลอดทั้งญี่ปุ่น ฝรั่งเศส
ก่อนหน้านี้เราทำงานเป็นผู้ช่วยดีไซเนอร์ จนเริ่มอยากมีแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองแต่ยังไม่มีเงินทุน
เริ่มคิดว่าจะหาเงินทุนยังไงก็รู้สึกว่าน้ำหอมมีเสน่ห์น่าสนใจ เป็นอาภรณ์อีกชิ้นของคนเราเหมือนกัน
เลยเริ่มปรึกษากับเพื่อนที่ทำน้ำหอมอยู่ต่างประเทศว่าทำยังไง จนรู้ว่าต้นทุนการทำน้ำหอมแบรนด์ดังๆ
อย่าง Chanel อยู่แค่ขวดละไม่กี่ร้อย
เราก็เริ่มสืบประวัติของน้ำหอมก่อนทั้งต้นกำเนิดที่อียิปต์ ส่งต่อไปฝรั่งเศส จนมาถึงไทย
บ้านเราก็มีน้ำอบน้ำปรุงจากเกสรดอกไม้มาใช้สรงพระ
มีเครื่องหอมหรือสมุนไพรเยอะมากที่ทำเป็นน้ำหอมได้”

“การเรียนรู้ของเราเป็นลักษณะเจอใครก็ถามด้วยความสนใจ
ถึงจะไม่ได้เรียนมาด้านนี้ เจอคุณย่า คุณยายคนไหนที่เขาทำน้ำอบน้ำปรุงอยู่ก็ไปขอให้ช่วยสอนหน่อย
อ้อนเขานิดนึง มีคอร์สเรียนทำน้ำหอมที่ไหนก็ไปเรียน อ่านหนังสือทั้งภาษาอังกฤษ
ภาษาฝรั่งเศส พยายามดึงดูดความรู้ต่างๆ
มาหาเราให้มากที่สุดจนตกผลึกมาเป็นความรู้ของเราเอง”

วัฒนธรรมทำเงินได้
“แรกเริ่มเราไม่ได้คิดจะทำขาย
แค่อยากทำเล่นๆ ไว้แจกเพื่อนเป็นของขวัญหรือให้แม่ใช้ แต่พอหาข้อมูลไปเรื่อยๆ
จนพบว่าไทยเราเองส่งวัตถุดิบ เครื่องหอม ไม้หอมพวกนี้ไปให้เมืองนอก อย่างไม้กฤษณา
ไม้จันทน์หอม เราก็สงสัยว่าแล้วทำไมไม่ทำน้ำหอมของไทยเองล่ะ การทำน้ำอบน้ำปรุงก็มีเรื่องราวและเดิมทีก็เป็นอาชีพที่มีมูลค่าสูงมาก
แต่เราทุกคนลืมมันไป หันไปใช้น้ำหอมเมืองนอกหมด เราแค่คิดเล่นๆ
ว่าถ้าอย่างนั้นเราจะทำน้ำหอมแบรนด์ไทยที่ต่อยอดวิธีมาจากน้ำอบน้ำปรุงได้ไหม
เป็นน้ำหอมร่วมสมัยที่ใช้วัตถุดิบไม้หอมของไทย เอาวัฒนธรรมเรากลั่นใส่ลงขวดแล้วส่งไปขายเมืองนอกบ้าง
เริ่มจากตรงนั้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว”

เป็นผีเสื้อที่บินไปเก็บกลิ่นหอมจากดอกไม้
“ชื่อแบรนด์ Butterfly Thai Perfume ก็มีที่มาเพราะผีเสื้อเป็นสัตว์ที่รู้จักกลิ่นหอมของดอกไม้บนโลกดีที่สุด
เหมือนเราที่นำใบไม้ ดอกไม้ สมุนไพรที่ดีที่สุดมากลั่นเป็นน้ำหอม อย่างกลิ่นใบมะม่วงจะมีกลิ่นใบเนียมที่ต้องเผาไฟก่อนถึงจะได้กลิ่นหอม
เราก็ไปหามาว่ามีใบเนียมปลูกที่ไหนบ้างตามต่างจังหวัดหรือร้านขายยาจีน สมุนไพรบางชนิดเราก็ให้เกษตรกรปลูกขึ้นใหม่แล้วส่งให้เรามาสกัด
เพิ่มรายได้ให้เขาได้อีกทาง”

“ตอนนี้เรามีน้ำหอมทั้งหมด 19
กลิ่น ทุกกลิ่นคิดจากการตั้งใจว่าอยากนำวัฒนธรรมไทยที่ทุกคนรู้จักดีมาแปลงร่างใหม่
ทุกอย่างเป็นไปได้หมดเพราะมันเกิดจากเรื่องราวที่เราเดินทางไปเจอ อย่างต้มยำกุ้งเป็นอาหารของไทย
เราก็คิดว่าทำกลิ่นข่าได้ไหม ไปเดินปากคลองตลาดก็คิดกลิ่นแฝกหอมผสมกุหลาบขึ้นมา กลิ่นใบมะม่วงได้มาจากความทรงจำในฤดูร้อนตอนวัยเด็ก
หรืออย่างกลิ่นโคลนสาบควาย
เราไปสำรวจตลาดมาพบว่าเด็กรุ่นใหม่ไม่รู้จักกลิ่นนี้แล้วนะ
เขาจินตนาการไม่ออกว่าเป็นกลิ่นยังไง เราเลยออกแบบเป็นกลิ่นเขียวๆ
ของใบหญ้าที่โดนควายเล็ม และกลิ่นโคลนที่ติดอยู่บนตัวควาย กลิ่นน้ำคลองเย็นๆ
ซึ่งทั้งหมดใช้สมุนไพรจากธรรมชาติที่มีกลิ่นใกล้เคียงมาประกอบกัน เราศึกษาแล้วตีออกมาเป็นกลิ่นของน้ำหอม
เหมือนการวาดรูปเลย อยากให้กลิ่นไหนเป็น Top
Notes (กลิ่นที่ระเหยมาแรกสุด) หรือ Base Notes (กลิ่นสุดท้ายที่น้ำหอมจะอยู่คงนานหลังจากแห้งหมดไปแล้ว)”

ทำให้น้ำหอมมีชีวิต
“เราทำให้น้ำหอมมีชีวิต
เราใส่ใจกับน้ำหอมหนึ่งขวดเหมือนทำให้คนที่เรารักที่สุดใช้ คอนเซปต์คือต้องลดการใช้สารเคมี
แต่ฟื้นวิธีทำน้ำอบน้ำปรุงสมัยโบราณมาประยุกต์กับสมัยใหม่
เราเริ่มจากถ้วยบีกเกอร์เล็กๆ ในบ้าน ค่อยๆ พัฒนาจนตอนนี้ที่บ้านเหมือนเป็นห้องแล็บห้องหนึ่ง
มีกำลังการผลิตประมาณ 30,000 – 50,000
ขวดต่อเดือน ซึ่งก็ผิดเพี้ยนไปบ้างเหมือนกันเพราะวัตถุดิบเรามาจากธรรมชาติจริงๆ
กลิ่นขึ้นอยู่กับว่าไม้ปลูกที่ไหน ฤดูไหน เก็บเกี่ยวฤดูไหน เป็นเรื่องละเอียดอ่อน
บางกลิ่นที่ฤดูนี้ไม่มีไม้บางอย่างก็ต้องทำสต็อกไว้ก่อน
และเราจะฝนผงทองคำลงไปช่วยหมักให้น้ำหอมอยู่ได้นานขึ้น ซึ่งแบรนด์อื่นๆ
เขาก็ไม่ทำกันเพราะมันเพิ่มต้นทุน แต่เราอยากให้น้ำหอมเก็บไว้ได้ประมาณ 3 – 4 ปี ยิ่งเก็บนานก็จะยิ่งหอม”

จุดขายคือเรื่องราวที่ไม่เหมือนใคร
“จำได้ว่าวันแรกเรายืนแจกกระดาษเทสเตอร์หน้าร้านขายกางเกงยีนส์ที่สวนจตุจักร
มีคนที่ได้รับเดินไปแล้ว เขาเดินกลับมาถามว่านี่น้ำหอมกลิ่นอะไร มีขายหรือเปล่า
หลังจากวันนั้นเราก็ยืนถือถาดขายเลย จากนั้นก็เริ่มพัฒนา ทำแพ็กเกจจิ้ง พอกลิ่นเราแปลก
ทุกคนก็พูดถึงบอกต่อกันปากต่อปาก แบรนด์นี้เหรอที่ทำน้ำหอมกลิ่นข้าวเหนียวมะม่วง
ข้าวเหนียวทุเรียน ก็กลายเป็นกระแส แต่ตอนขายจริงๆ เราจะบอกน้องพนักงานว่าต้องบอกเรื่องราวของแต่ละกลิ่นก่อนจะขายไป
ลองฉีดให้ลูกค้าดมก่อนว่าแต่ละกลิ่นเป็นยังไง สื่อสารกับลูกค้าจริงๆ
แบบตัวต่อตัวให้มากที่สุด”

ฉีดความสุขให้ฟุ้งกระจาย
“เราอยากให้
Butterfly Thai Perfume เป็นน้ำหอมที่คนมีเงินมากที่สุด คนระดับกลาง
ไปจนถึงคนที่มีเงินน้อยที่สุดก็สามารถซื้อได้ ทุกคนสามารถฉีดได้ทุกๆ วันและก็ภูมิใจที่ใช้น้ำหอมแบรนด์ไทย
ไม่อยากเป็นน้ำหอมที่ให้ความรู้สึกแบ่งชนชั้น ต้องคนระดับนี้เท่านั้นถึงใช้ได้ อยากให้คนที่ใช้เองมีความสุข
เลือกซื้อไปฝากคนอื่นก็มีความสุข หรืออนาคตข้างหน้า
การฉีดน้ำหอมของเขาก็อาจเท่ากับได้ช่วยเกษตรกรที่ปลูกพืชสมุนไพรส่งให้เราด้วย
การฉีดน้ำหอมคือการส่งความสุขให้กระจายไปถึงคนรอบข้างในแต่ละวัน”

“ความสุขของเราคือเวลาเดินไปไหนมาไหนแล้วได้กลิ่นน้ำหอมของเรา
มันมีเรื่องราวของน้ำหอมที่เราสร้างสรรค์ขึ้นมาลอยอยู่ เรามีความฝันอยากเอาวัฒนธรรมไทยยัดลงขวดส่งไปขายให้ต่างประเทศ
พอทำได้สำเร็จ เราก็รู้สึกว่าสิ่งที่เราทำนี้เป็นส่วนเล็กๆ ที่ช่วยเหลือประเทศได้
อยากให้คนอื่นๆ ได้รู้ว่าประเทศเรามีวัตถุดิบเครื่องหอมที่ดีมากเหมือนกัน”

Butterfly Thai Perfume

ประเภทธุรกิจ: ผลิตภัณฑ์น้ำหอม
คอนเซปต์: แบรนด์น้ำหอมกลิ่นธรรมชาติที่หยิบเอาเอกลักษณ์ของไทยมากลั่นด้วยวิธีการร่วมสมัย
เจ้าของ: สุชิน แก้วอุดร (37 ปี)
Facebook | Butterfly Thai Perfume
butterflythaiperfume.com

ภาพ ดวงสุดา กิตติวัฒนานนท์ และ Butterfly Thai Perfume

AUTHOR