Rosemanclub : แบรนด์แว่นตาสัญชาติไทยที่เปลี่ยนความคิดให้แว่นเป็นสิ่งไม่เชย

อาคารโครงสร้างปูนเปลือยที่ปกคลุมด้วยไม้เลื้อยสีเขียวแสนสะดุดตาในซอยสุขุมวิท
31 เป็นที่ตั้งใหม่ของร้าน Rosemanclub
แบรนด์แว่นตาสัญชาติไทย ที่ก่อตั้งโดย แน๊ต-ภัศนันท์ ธราจรัสพัฒน์ และ ปอย-ปิยะวรรณ เอื้อบุญสิริ สองสาวครีเอทีฟที่ลาออกจากงานประจำมั่นคงมาเริ่มต้นทำแบรนด์แว่นตาเป็นของตัวเอง
โดยไม่มีความรู้พื้นฐานเรื่องการออกแบบแว่นมาก่อนเลย
แต่ใช้ความรักความชอบเป็นเข็มทิศในการสร้างโอกาสและหนทาง จนทำให้ Rosemanclub
เป็นแบรนด์ที่น่าจับตามองสุดๆ ในขณะนี้

เราก้าวเท้าขึ้นไปบนชั้นสองของร้านที่มีขายทั้งแว่นตา
กระเป๋าสัญชาติออสเตรเลีย หมวก เครื่องประดับ ฯลฯ
ก่อนจะนั่งลงสนทนากับพวกเธอทั้งคู่ถึงความเป็นมาของแบรนด์แว่นตาสุดเท่นี้

ขายสิ่งที่ชอบ

ปิยะวรรณ: หลังจากทำงานประจำมา 3 ปีแล้ว เราทั้งคู่รู้สึกว่าการทำงานในเอเจนซี่เป็นงานที่ได้รับบรีฟมาแล้วก็ทำให้จบเป็นโปรเจกต์ๆ
ไป ซึ่งพวกเราอยากจะทำงานเป็นชิ้นเป็นอันที่ได้เรียนรู้กับมันไปเรื่อยๆ มากกว่า
อยากทำงานที่ได้คิดอย่างต่อเนื่อง แล้วก็เป็นงานที่เป็นของพวกเราเองจริงๆ
ซึ่งพวกเรามีทักษะด้านการออกแบบกันอยู่แล้วเลยอยากจะทำแบรนด์ ออกแบบผลิตภัณฑ์สักชิ้นหนึ่ง
โดยเริ่มสังเกตจากตัวเองก่อนว่าเราชอบอะไร สนใจอะไร
พอคุยกันแล้วก็คิดว่าอยากจะทำแว่น เพราะเราเป็นคนใส่แว่น แล้วก็มองเห็นว่าจริงๆ
แล้วแว่นดีไซน์สวยๆ ยังมีน้อยอยู่

ภัศนันท์: สิ่งที่เราสนใจและมักจะคุยร่วมกันก็คือแว่น เราเลยลาออกจากงานพร้อมกัน
แล้วก็ตั้งใจจะสร้างแบรนด์นี้แบบเต็มตัว เพราะเราสองคนมองว่าเวลาจะทำอะไรต้องจริงจัง
ไม่ใช่ว่าทำงานประจำด้วยแล้วใช้เวลาว่างเสาร์-อาทิตย์มาทำงาน
เรากลับคิดว่าเราต้องให้เวลากับมันแบบงานประจำ ถึงจะโฟกัสแล้วก็สามารถทำงานนี้ได้อย่างเต็มที่

รู้จักสินค้า

ปิยะวรรณ: เราเป็นคนใส่แว่นอยู่แล้ว เวลาที่เดินเข้าร้านต่างๆ
เราจะคิดเสมอเลยว่าทำไมแว่นสายตาต้องเชยด้วย ตอนที่ลาออกมา เราก็เริ่มศึกษาและสังเกตเรื่องแว่นมากขึ้นว่าในตลาดเขาขายอะไรกัน
หรือตั้งคำถามว่าทำไมแต่ละยี่ห้อก็ขายแว่นที่มีทรงคล้ายกันไปหมด ทุกอย่างก็เกิดจากการตั้งคำถามแล้วก็หาคำตอบไปเรื่อยๆ เช่นเรื่องนี้ต้องไปหาผู้รู้ บางเรื่องก็ต้องใช้การสังเกต
ใช้เวลาทั้งหมด 2 ปีในการศึกษา ทั้งออกแบบ
หาซัพพลายเออร์จนกว่าจะได้แว่นคอลเลกชันแรกออกมา

แบบที่ชอบ
วัสดุที่ดี

ภัศนันท์: เราไม่ได้ออกแบบโดยคิดว่าทรงนี้จะต้องขายดีหรือออกแบบตามเทรนด์ แต่ออกแบบจากสิ่งที่เราชอบ
ซึ่งไอเดียส่วนใหญ่ก็จะมาจากการท่องเที่ยวและดูหนัง
อย่างเช่นเวลาไปเที่ยวแล้วไปเจอตึกหนึ่งที่มีสีกำแพงสวยมาก เราจะถ่ายรูปแล้วเอาไปปรึกษากับช่างว่าผสมสีเพื่อทำแว่นให้เป็นสีแบบนี้ได้ไหม
หรือบางครั้งเราดูสารคดี เจอฉากลาวา
เราก็ได้ไอเดียว่าน่าจะทำสีของกรอบแว่นเป็นชั้นๆ เหมือนลาวา
เราทำงานโดยตั้งต้นจากความชอบทุกอย่างเลย แต่ก็โชคดีที่มีคนชอบเหมือนเราด้วย

ปิยะวรรณ: พอออกแบบแล้วก็ต้องหาซัพพลายเออร์ทั้งหลาย
โดยเราเลือกใช้วัสดุที่ดีจากญี่ปุ่นและอิตาลี
และให้โรงงานที่ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายผลิตทั้งหมด ซึ่งแต่ละคอลเลกชันที่ออกมาก็จะมีการเรียนรู้และพัฒนาไปเรื่อยๆ
เพราะพวกเราก็ไม่ได้เรียนมา แต่ด้วยการออกแบบและการเลือกวัสดุ แว่นของแบรนด์เรามันจะเป็นแว่นที่ใส่ไปทำงานได้
ใส่ไปเที่ยวได้ ไม่หนัก ทนทาน ไม่เชยและไม่เป็นทางการเกินไป

เลือกวิธีขายที่ใช่

ปิยะวรรณ: เราตั้งเป้าไว้ที่เราขายเมืองนอกก่อนแล้วก็ตั้งใจจะขายให้ตัวแทนจำหน่ายแบบ
Business to Business เลย เพราะการผลิตแว่นด้วยวัสดุอาซิเตท มันต้องผลิตจำนวนมากในแบบเดียวกันหลายร้อยชิ้น
ถ้าจะมาขายปลีกตอนที่เพิ่งเริ่มแบรนด์ก็อาจจะช้าไป อีกประเด็นหนึ่งที่เราคิดถึงคือการจะขายแว่นแบบปลีก
บางทีลูกค้าที่จะเข้ามาเลือกซื้อ เลือกลองก็อาจจะต้องการลองเลือกทรงแว่นหลายๆ แบบ
ซึ่งสำหรับเราที่เพิ่งเริ่มต้นทำ ก็อาจจะมีให้ลูกค้าเลือกได้ไม่เยอะขนาดนั้น

งานเทรดแฟร์ครั้งแรกที่พวกเราไปออกคือที่ฝรั่งเศส
ซึ่งโชคดีมากที่ไปครั้งแรกก็ได้ตัวแทนจำหน่ายเลย สิ่งที่เราได้เรียนรู้คือคนยุโรปจะเปิดกว้างกว่าคนเอเชียหรือคนไทย
เขาจะไม่ติดแบรนด์ แต่จะดูเรื่องดีไซน์ วัสดุ ความคงทนแล้วก็ซื้อไปเลย โดยไม่สนว่าเป็นแบรนด์ดังหรือเปล่า
ซึ่งเราก็ขายได้ในหลายๆ ประเทศแถบยุโรปจนได้ลงนิตยสาร Monocle และ Vogue จึงเริ่มเปิดออนไลน์ช็อปเพื่อขายปลีกให้คนไทยด้วย

จากออนไลน์สู่ออฟไลน์

ปิยะวรรณ: พอขายออนไลน์ได้ประมาณ 6 เดือน
ลูกค้าหลายคนก็บอกว่าอยากจะลองจับ ลองใส่
ก็เลยเริ่มคิดว่าถึงเวลาที่จะเปิดร้านเป็นของตัวเองแล้ว หลังจากนั้นไม่นานเราก็เปิดร้านเล็กๆ
ที่จุฬาฯ ซอย 11 เป็นเวลาเกือบปี เราก็อยากจะขยับขยายร้านให้ใหญ่ขึ้นจนกลายเป็น
Flagship Store ที่สุขุมวิท 31 นี้ มีพื้นที่ขายของหลายๆ
อย่างจากพาร์ตเนอร์อื่นๆ แล้วก็จะทำคาเฟ่ Primrose Avenue ให้เป็นพื้นที่ที่ทุกคนแวะมานั่งดื่มกาแฟ
ดูสินค้าได้ง่ายขึ้น

ไม่หยุดนิ่ง

ปิยะวรรณ: แม้ว่าในปัจจุบัน แบรนด์ของพวกเราจะเข้าที่แล้ว
มีคนรู้จัก มีการบอกต่อ แล้วก็มีลูกค้าที่กลับมาซื้อซ้ำ แต่เรายังต้องคิดเยอะ
ยังต้องวางแผนอยู่เรื่อยๆ ซึ่งพอเราทำงานที่เราชอบแล้ว มันอาจจะมีข้อได้เปรียบนิดนึงตรงที่ทำให้เรารู้ว่าเราจะพัฒนาแบรนด์หรือสินค้าของเราให้ดียิ่งขึ้นยังไง
เหมือนคนที่ชอบทำอาหารกับคนที่ไปเรียนทำอาหารเฉยๆ คนที่ชอบทำจริงๆ
เขาจะรู้ว่าเมนูที่เขาทำนั้นจะพัฒนาให้มันดีขึ้นได้อย่างไร

“เราคิดว่าถ้าไม่ได้ลองทำ เราก็จะตั้งคำถามในใจไปตลอดชีวิตว่า ถ้าทำแล้วมันจะดีแค่ไหน
ก็เลยทำ เพราะในใจลึกๆ เราเชื่อว่ามันทำได้” – ภัศนันท์ ธราจรัสพัฒน์

Rosemanclub

ประเภทธุรกิจ: ร้านขายแว่นตา / เครื่องประดับ / สินค้าท่องเที่ยว
คอนเซปต์: ร้านขายแว่นดีไซน์เท่ คุณภาพดี
เจ้าของ: ภัศนันท์
ธราจรัสพัฒน์ (29 ปี) และ ปิยะวรรณ
เอื้อบุญสิริ (30 ปี)
เว็บไซต์: www.rosemanclub.com/
Facebook l Rosemanclub

ภาพ
ชนพัฒน์
เศรษฐโสรัถ

AUTHOR