วิ่งเพื่ออยู่กับลูกไปนานๆ

เราเป็นพนักงานบริษัทเอกชน และเป็นคุณแม่ลูก 1 คนที่เบื่อการขับรถ สะดวกเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ แต่ก็ต้องเดินทางหลายต่อ ทั้งมอเตอร์ไซค์รับจ้าง รถประจำทาง เรือคลองแสนแสบ และ MRT ทำให้ปฎิเสธการออกกำลังกายมาตลอด เพราะคิดว่าเราไม่มีเวลา แค่เดินทางไปกลับก็เหนื่อยแล้ว

จนวันหนึ่ง ขณะที่กำลังนั่งเรือกลับบ้านตามปกติ เรากำลังจะก้าวขาลงเรือคลองแสนแสบ แต่เรือห่างเกินไป เราเลยตกน้ำ จมลงไปจนมิดหัว เผลอดื่มน้ำในคลองเข้าไปหลายอึก ตอนนั้นได้ยินคนตะโกนบอกว่ามีคนตกน้ำ คนที่ท่าเรือก็ช่วยกันดึงเราขึ้นมาที่ท่า หลังจากนั้นจึงไปหาหมอที่โรงพยาบาลแถวบ้าน ต้องนอนพักฟื้นและทานยาฆ่าเชื้อที่โรงพยาบาลนั้นเพื่อเฝ้าดูอาการอยู่ 1 คืน พอหมอเห็นว่าอาการปกติจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้

ตอนนั้นเรานึกถึงนักร้องชายท่านหนึ่งที่ประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำลงน้ำครำ แม้ตอนแรกนักร้องท่านนั้นจะมีคนมาช่วยไว้และใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ภายหลังกลับพบเชื้อราในสมอง เรากลัวจะเป็นแบบนั้นจนร้องไห้ตลอดเวลา มีน้ำตาเป็นเพื่อน บอกลาลูกและครอบครัวไว้แล้วด้วยซ้ำ คิดว่าลูกเรายังไม่โตเลย เราจะอยู่เห็นเขาโตไหม เลยตามไปพบคุณหมอท่านที่เคยดูแลนักร้องชายท่านนั้น คุณหมอบอกว่าเราดูปกติดีแล้ว และน้ำในคลองนั้นมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอด ไม่เหมือนน้ำครำที่นักร้องชายประสบอุบัติเหตุ และคุณหมอก็แนะนำว่าให้ไปออกกำลังกาย ทำร่างกายให้แข็งแรง

หลังจากได้รับคำแนะนำจากคุณหมอ เราเห็นข่าวงานวิ่งมินิมาราธอนงานหนึ่งในหนังสือพิมพ์ เกิดสนใจเลยชวนแฟนสมัคร มีเวลาซ้อม 2 เดือน ซ้อมวิ่งวันแรกเหนื่อยมาก วิ่งได้ 200-300 เมตรก็เดินแล้ว แต่เราไม่ย่อท้อ ยังคงซ้อมไปเรื่อยๆ เพิ่มระยะขึ้นวันละนิด จนวันงานเราก็วิ่งจบ 10 กิโลเมตร นั่นคือก้าวแรกที่ทำให้เราออกมาวิ่งและรู้สึกสนุกกับการวิ่ง รู้สึกว่าเราก็ทำได้นี่ เลยลงสมัครงานวิ่งอีก

จากวันนั้นจนวันนี้ ผ่านมา 6 ปีแล้ว เรายังไม่หยุดวิ่ง อยากให้การวิ่งเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของเราไปตลอด พยายามแบ่งเวลาไปวิ่งอย่างสม่ำเสมอ ยังลงงานวิ่งและสนุกกับมันอยู่ตลอด งานไหนไม่เคยไปก็จะลองไป เริ่มพัฒนาศักยภาพการวิ่งไปเรื่อยๆ เริ่มตั้งเป้าหมายและความท้าทายที่อยากทำ

ตอนนี้ก็ได้ถ้วยรางวัลมาหลายรายการแล้ว แต่รางวัลแห่งความภาคภูมิใจไม่ได้มาในรูปแบบถ้วยรางวัล แต่ก็ยังไม่ภูมิใจเท่ากับการซ้อมวิ่งมาราธอนจนจบก่อน 4 ชั่วโมงได้สำเร็จ เข้าเส้นชัยมาร้องไห้เลย เหมือนได้โอกาสกลับมาใช้ชีวิตต่อ ได้โอกาสกลับมาแก้ไขอดีต ได้รู้จักการวิ่ง ถ้าเราไม่ประสบอุบัติเหตุตกคลองในวันนั้น ไม่รู้เลยว่าเราจะมีวันนี้หรือไม่ เราคงจะวิ่งต่อไปเรื่อยๆ เพราะการวิ่งเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว

เราไม่ได้วิ่งเก่งมาแต่แรก ไม่ใช่คนวิ่งเร็ว และไม่ใช่คนที่เก่งด้านการกีฬามาก่อน แต่หลังจากตกคลองแสนแสบ เราวิ่งเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่กับลูกไปนานๆ ทำให้ค้นพบศักยภาพในตัวเราเองอีกด้านหนึ่ง เราเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนสามารถทำสิ่งที่ตั้งใจได้สำเร็จถ้าเราตั้งใจ

จากคุณแม่คนหนึ่งที่ไม่เคยคิดออกกำลังกาย เราไม่อยากให้ใครต้องมาเจอเหตุการณ์ร้ายๆ หรืออุบัติเหตุแบบเราก่อนแล้วค่อยคิดออกกำลังกาย และเป็นคุณแม่ ยิ่งอายุมากขึ้น เรายิ่งต้องแข็งแรง

เพื่อให้เราดูแลลูก
ดูแลครอบครัวต่อไปได้