จริงๆ ชีวิตมันก็ดี ของ GENA D นักร้องสาวที่แข็งแรงเพราะความเจ็บปวด

เสียงร้องที่เท่ ทักษะการเต้นที่ไม่ธรรมดา ผมหน้าม้าสีแดงจัดจ้านมัดจุกสองข้าง การแต่งกายสไตล์ Asian Street Hip-hop ดวงตากลมโตและหน้าตาคมคาย นี่คือภาพแรกที่ทุกคนได้เห็น จีน่า ดี หรือ จีน่า เดอซูซ่า นักร้องสาววัยรุ่น ลูกเสี้ยวไทย-โปรตุเกส วัย 20 ปี

เพราะความสนใจหลากแนว ทำให้จีน่ามีของดีในตัวหลายอย่าง สามปีที่แล้วจีน่าเป็นแค่นักเรียนชั้นมัธยมปลายที่นำเพลงของนักร้องดังมา cover จนได้รับความนิยมล้นหลามในโซเชียลแคม เธอได้รับการทาบทามและมีโอกาสลงแข่งขันในรายการเรียลลิตี้ MBO The Idol Game และเป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันที่โดดเด่นที่สุด หลังจากนั้นจีน่าได้รับบทเด่นในซีรีส์ #เป็ดไอดอล และ รัก/ชั้น/นัย จนเป็นที่จดจำในบทบาทของหญิงรักหญิงที่เล่นได้อย่างสมจริง

แต่ก่อนจะมาเป็นจีน่าผู้มาดมั่นที่ทุกคนรู้จัก เธอคือวัยรุ่นคนหนึ่งที่ผ่านช่วงเวลาแห่งความสับสนและความเจ็บปวดไม่ต่างจากวัยว้าวุ่นคนอื่น

ช่วงนี้เพลงที่ชาว a team ชอบเปิดบ่อยคือ จริงๆ มันก็ดี (Drunk) ซิงเกิ้ลเปิดตัวสนุกๆ มีจังหวะของจีน่าภายใต้ค่าย MBO จาก GMM Grammy ที่เพิ่งปล่อยมาเมื่อกลางเดือนกันยายน (เธอตั้งใจใส่คำว่า Ketchup Girl ในทุกเพลงของตัวเองเป็นกิมมิก ที่มาก็ไม่มีอะไรมาก เธอชอบกินซอสมะเขือเทศ และน่าสนุกดีถ้าจะมีคำนี้ทุกเพลง) จากกระแสตอนนี้ เราคาดว่าอีกไม่นานยอดวิวจะแตะสิบล้าน เพราะเพลงของเธอเพราะ น่าสนใจ เป็นดนตรีป๊อปที่เต็มไปด้วยสีสัน ซึ่งในช่วง 2-3 ปีนี้ หลายคนบอกว่าเพลงป๊อปจากคนรุ่นใหม่นั้นเว้นระยะไปนาน การปรากฏตัวของจีน่าจึงน่าตื่นเต้นและมีชีวิตชีวาจนทำให้แฟนเพลงบางกลุ่มยกให้เธอเป็นความหวังของ T-pop คนล่าสุด

คุณจะเชื่อไหม ถ้าเราบอกว่าจีน่าไม่ได้ตั้งใจเดินทางสายนักร้องแต่แรก เธอเริ่มจากการรอพี่เรียนร้องเพลงสมัยประถมศึกษา แม่เลยตัดสินใจให้จีน่าเรียนร้องเพลงไปพร้อมๆ กับพี่เพื่อประหยัดเวลา และนั่นคือจุดเริ่มต้นเส้นทางของจีน่าในปัจจุบันนี้

เล่าให้ฟังหน่อยว่านอกจากความสนุก ซิงเกิ้ล ‘จริงๆ มันก็ดี’ ต้องการสื่อสารถึงอะไร

“เราอยากให้ผู้หญิงเลิกเศร้ากับเรื่องที่แก้ไขไม่ได้ ถ้าเขาทิ้งเราไปแล้ว เราขอให้ผู้หญิงหันกลับมารักตัวเอง เมื่อก่อนเคยสนุกกับเพื่อนยังไง ให้เราลองกลับไปอยู่กับเพื่อน เมื่อก่อนไม่มีเขายังเราอยู่ได้ เพราะงั้นก็ไม่เป็นไร เราอยากบอกว่าที่จริงมันก็ดีนะที่เลิกกันไป หาข้อดีของมันให้เจอ แล้วลองเอนจอยกับตัวเองดู”

เส้นทางนักร้องของจีน่าเริ่มขึ้นเมื่อไหร่

“เริ่มขึ้นแบบไม่ได้ตั้งใจว่าจะต้องเรียนร้องเพลง เราเรียนไปเรื่อยๆ ประมาณ 6 ปี ตั้งแต่ ป.3 แล้วหยุดเรียนไปตอน ม.ปลาย หลังจากนั้นเราตัดสินใจเรียนรู้ต่อด้วยตัวเอง เมื่อก่อนเราชอบร้องเพลงเก่าๆ ของดีวาตัวแม่อย่าง มารายห์ แครี (Mariah Carey) เซลิน ดิออน (Celine Dion) วิตนีย์ ฮิวสตัน (Whitney Houston) บียอนเซ่ โนวส์ (Beyoncé Knowles) และเดสทินีส์ไชลด์ (Destiny’s Child) ซึ่งครูสอนร้องเพลงจะบอกว่าถ้าร้องเพลงนี้จะได้ฝึกทักษะต่างๆ เพิ่มเติม จากที่ไม่ตั้งใจ พอเรียนไปครึ่งปี เราแน่ใจแล้วว่าชอบร้องเพลงจริงจัง”

เพลงของดีวาให้อะไรดีๆ กับจีน่าบ้าง

“เนื้อเพลงของดีวาจะเกี่ยวข้องกับชีวิตของนักร้องแต่ละคน ส่วนมากเขาใช้ประสบการณ์ส่วนตัวแต่งเป็นเพลง มีลูกเล่นที่ชอบเอาคำคำเดียวมาเขียนทั้งเพลง เช่นเพลง Listen ของ บียอนเซ่ เขาหยิบคำนี้มาร้องทั้งเพลงเพื่อบอกว่าทำไมคุณถึงต้องฟัง เรารู้สึกว่าเจ๋งมากเลย”

“เมื่อโตขึ้นมาอีกนิดจีน่าเริ่มชอบฟังเพลงโซล แจ๊ส และอาร์แอนด์บี ซึ่งผนวกเข้ากับพื้นฐานทักษะการร้องเพลงแบบดีวา ทำให้การร้องเพลงทุกแนวดูมีพลังมากขึ้น”

จุดเปลี่ยนที่ทำให้จีน่าเริ่มร้องเพลงต่อหน้าคนอื่นคืออะไร

“เราชอบดูนักร้องรุ่นใหญ่แสดงบนเวที คนดูทุกคนมาเพื่อเขา มีคนร้องเพลงตาม ทำให้เกิดแรงบันดาลใจว่าโตขึ้นเราจะเป็นนักร้อง ตอนนั้นรู้สึกว่าความฝันไกลเกินเอื้อมมาก แต่จุดเปลี่ยนเกิดตอนที่เรียนวิชาร้องเพลง ตอนสอบร้องแล้วเพื่อนเอาโทรศัพท์มาถ่ายลงโซเชียลแคม แล้วคนเข้ามาดูคลิปนั้นเยอะมาก เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้จีน่าสมัครโซเชียลแคมเพื่อลงคลิปร้องเพลงของตัวเอง และชวนเพื่อนมาเล่นเปียโนและกีตาร์ ใช้กล้องหน้ามือถืออัดง่ายๆ แล้วอัปโหลดลงเว็บไซต์ ไม่ได้คาดหวังให้มีคนมาดูเยอะ แต่ตอนหลังคลิปไปติดในหมวดป๊อปปูลาร์ ตามด้วยยอดผู้ติดตามผลงานจำนวน 300-400K ทำให้จีน่าเริ่มเห็นความเป็นไปได้ที่จะก้าวต่อ”

แล้วค่าย MBO มาติดต่อจีน่าได้ยังไง

“ตอนหลังช่องทางของจีน่าในโซเชียลแคมปิดลง แต่ทีมงาน MBO ที่เคยเห็นผลงานก็ติดต่อให้ลองมาแคสต์เป็นนักแสดงและนักร้องของค่าย เราไม่คิดว่าจะได้ด้วยซ้ำ แต่พอได้รับเลือก ก็มีโปรเจกต์เข้ามาให้ทำเรื่อยๆ แล้วทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วภายในเวลาหนึ่งปี ทั้งร้องเพลง ร่วมรายการเรียลลิตี้ และแสดงซีรีส์”

สำหรับวัยรุ่นในวงการแบบจีน่า สร้างตัวตนเพื่อจะยืนอยู่ในพื้นที่นี้ยังไง

“จีน่าไม่ทำอะไรทั้งนั้น ไม่ปกปิดตัวตนตัวเอง ถ้าอนาคตประสบความสำเร็จแล้วเผลอหลุดความเป็นตัวเองทีหลัง เฮ้ย จีน่า ดี เป็นคนแบบนี้ ไม่เหมือนที่คิดไว้เลย เราว่าไม่ดีแน่”

เวที MBO The Idol Game ที่จีน่าเข้าร่วมแข่งขันก่อนเปิดตัวเป็นนักร้องมอบประสบการณ์อะไรให้บ้าง

“คนอื่นอาจจะรู้สึกว่าเรามาแข่งขันกับเพื่อนในค่าย แต่จริงๆ เราแข่งกับตัวเอง ทำในส่วนของเราให้ดี จีน่าไม่ได้สนว่าเราแพ้หรือชนะ แค่คิดว่าเรารับผิดชอบดีพอ สิ่งที่คาดหวังคือประสบการณ์ที่หาเองไม่ได้ มันเกินความคาดหมายของชีวิต เราได้ลองทำเรื่องแปลกใหม่”

“ระหว่างแข่งขัน ตอนไปเวิร์กช็อป เราได้เรียนแอคติ้ง เขาสอนการโฟกัสตัวเอง และเปิดการตระหนักรู้ว่าคนรอบข้างกำลังทำอะไร เราได้ยิน ได้เห็นว่าทุกคนทำอะไร จริงๆ แล้วสังเกตว่าคนนี้จะพูดอะไรกับเราบ้าง”

“เราได้เรียนรู้การเข้าไปคุยกับคนอื่นให้ถูกวิธี เพราะแต่ละคนนิสัยไม่เหมือนกัน เข้าไปคุยแบบเดียวกันไม่ได้ สำรวจคนอื่น เขาพูดยังไง แต่งตัวยังไง เดินแบบไหน กำลังฟังอะไร และมองดูของที่เขาถือมาด้วย เราได้เรียนรู้เยอะมาก รู้จักการมีสติในการดำเนินชีวิต”

ช่วงเวลาที่กดดันก่อนเปิดตัวในวันนี้ จีน่ารับมือความกดดันยังไงบ้าง

“กว่าจะได้เดบิวต์ เรารอนานและกดดันมาก ไม่แน่ใจว่าจะมีคนฟังไหม เพราะเพลงค่อนข้างใหม่ในตลาดเพลงป็อบไทย รูปแบบเนื้อหาไม่ค่อยมีคนทำ คำร้องไม่ค่อยมีเนื้อเรื่อง เป็นคำบอกเล่าความคิดของเรา เรากลัวว่าถ้าคนฟังไม่เข้าใจ แล้วเพลงจะหายไปเลย”

“ช่วงที่กลัว เราคิดว่าช่างมัน เพราะทำดีที่สุดแล้ว ตัวเราเองชอบมันแล้ว ถือว่าประสบความสำเร็จในตัวเองผลลัพธ์ที่ตามมาเป็นยังไงก็แล้วแต่”

วันที่เจ็บปวดกับทุกอย่างผ่านมาได้ยังไง

“คนรอบตัวเราคาดหวังเราสูงมาก เราคิดว่าอย่าหวังสูงได้ไหม เราทำไม่ได้ ยิ่งมากดดันเรายิ่งเหนื่อย แล้วเราก็ร้องไห้ แต่พี่ๆ ทีมงานก็บอกว่า เฮ้ย เธอต้องคิดด้วยว่าเธอเป็นใคร เธอมาร้องไห้แล้วใช้ชีวิตแบบนี้ไม่ได้นะ ใครจะชอบที่เธอเป็นแบบนี้ เธอลืมไปแล้วเหรอว่าเธอเป็นใคร ตอนนี้เธอไม่ใช่คนเดิมที่เดินเข้ามาเลย เพราะแต่ก่อนจีน่ามาพร้อมทัศนคติว่าไม่มีอะไรในโลกนี้พังกูได้ กูต้องพังทุกอย่างบนโลก แต่พอตอนนี้ตัวเองพังแล้วเราจะทำอะไรต่อได้ จากนั้นเราคิดว่าแค่ตัวเองลองทำแบบไม่ต้องสนใครเลยว่าใครมาคาดหวังกับตัวเรา แค่ทำตามทางที่เราชอบให้ได้ก็พอใจแล้ว”

จีน่าบอกเราว่าแต่ก่อนเป็นเด็กดื้อมาก ทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนตัวตนได้

“เราเคยเป็นเด็กไม่ดีมากๆ คิดว่าไม่มีใครเข้าใจเราเลย ทุกคนบนโลกไม่มีใครเข้าใจ เราเลือกอยู่คนเดียว ช่วงเวลานั้นทำให้ได้เจอนิสัยไม่ดีของตัวเอง”

“ถ้าวันนั้นเราไม่ได้คิด เราคงยังเป็นเด็กไม่ดีอยู่ เพราะเมื่อก่อนเอาแต่ใจและอารมณ์ร้อน คิดยังไงก็ต้องได้ ขัดใจไม่ได้ ไม่สนว่าเป็นใครพูดทั้งนั้น”

“ตอน ม.6 มีวันที่ทุกคนในกลุ่มไม่คุยด้วย เราโทษคนอื่น คิดว่ามีคนเอาเราไปนินทา เริ่มงงว่าเกิดอะไรขึ้น การที่ไม่มีใครคุยด้วยทำให้เราอยู่กับตัวเองนานจนเอาคำที่เพื่อนเคยเตือนมาคิด หลายคนพูดถึงเราเหมือนกัน ทั้งความเห็นแก่ตัว ไม่เคยคิดถึงคนอื่น ทำให้เราคิดมากไปถึงการกระทำกับพ่อแม่ เพื่อนร่วมงานและทุกอย่าง เราคิดว่าเป็นจริงอย่างนั้น เลยตัดสินใจเดินไปขอโทษเพื่อนทุกเรื่อง ทุกคนพูดแค่ว่าอยากให้จีน่าได้รู้ตัวแค่นี้แหละ”

“วันนั้นเป็นวันพลิกชีวิต ภายในหนึ่งอาทิตย์เราเปลี่ยนหมดทุกเรื่อง เมื่อก่อนมองโลกดาร์ก เราไม่อยากรู้จักใคร พอหลังจากวันนั้นเราคิดหลายเรื่อง ทำให้ตอนนี้เราใจเย็นมากขึ้น และวันนี้เราแข็งแรงแล้ว”

บ่อยครั้งที่ภาพลักษณ์การแต่งตัวของจีน่าถูกตัดสินว่าแรงและเป็นเด็กไม่ดี จีน่ารับมือกับทัศนคติแบบนี้ยังไง

“เราจะไม่ทำอะไร ปล่อยให้เขาคิดไป ถ้าเขาเห็นเราไปเรื่อยๆ เขาจะรู้ว่าเราเป็นคนที่ไม่ได้มีอะไร เป็นแค่ภาพลักษณ์ที่อาจทำให้ไม่น่าคุย หน้าตาน่ากลัว ถ้าไม่กล้าทัก ก็อยากบอกว่าเดินมาทักเลยสิ เรายังอยู่ที่เดิม”

“ส่วนมากผู้ใหญ่จะคิดว่าเราเป็นเด็กไม่ดี เป็นเด็กเกเรเพราะมีรอยสัก อาจเพราะเราแต่งตัวแปลกกว่าผู้หญิงคนอื่น เมื่อก่อนคิดมาก ค่ายเคยสำรวจเด็กวัยรุ่นผู้ชายที่สยามว่ารู้จักใครในค่าย MBO บ้าง คนส่วนมากรู้จักเรา แต่บอกว่าเราน่ากลัวที่สุด เหมือนเป็นผู้หญิงที่เห็นแล้วไม่กล้าเดินเข้าไปคุยด้วย แต่คนที่ชอบเราส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง”

นอกจากจะชอบแต่งตัวเพื่อความสวยงามแล้ว เสื้อผ้าของจีน่ายังมีฟังก์ชันอื่นอีกไหม

“เสื้อผ้าเป็นกำแพงอีกชั้นของเรา เรารู้สึกกลัวคนอื่นเข้ามาใกล้เลยสร้างกำแพงขึ้นมาให้คนอื่นอยู่ห่างเรา ถ้าเกิดเราเป็นคนธรรมดาแต่งตัวธรรมดา เป็นผู้หญิงแบ๊วๆ อาจมีหลายคนที่เราไม่ต้องการให้เดินเข้ามาในชีวิต แต่พอแต่งตัวก็เป็นเหมือนเกราะป้องกันอีกอย่างที่เราสร้างขึ้น เพราะคนมาคุยกับเราคือคนที่ต้องมาคุยจริงๆ เขาถึงก้าวเข้ามาหา”

อยากบอกวัยรุ่นคนอื่นที่มีฝัน แต่ยังไม่ลงมือทำว่ายังไงบ้าง

“ทุกอย่างต้องเริ่มต้นทำ ถ้ามัวแต่รอคนสอน ไม่ลองผิดลองถูกยังไงก็ไม่สำเร็จ บางคนชอบบอกว่าอยากเป็นนักร้องมาก แต่รู้สึกว่ายาก ก็จะรู้สึกไปอย่างนั้นเรื่อยๆ ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นจากที่เราคิด อยากบอกว่าถ้าจีน่ามัวแต่คิดว่ายาก ตอนนี้เราคงเป็นแค่เด็กธรรมดาคนนึง เวลาหนึ่งชั่วโมงที่เราร้องเพลง อาจมีพัฒนาการขึ้นนิดเดียว แต่ยังไงมันก็จะต้องดีกว่าเมื่อชั่วโมงที่แล้ว อยากให้ทุกคนลองเริ่มต้นทำทุกอย่างที่ต้องการ คนชอบคิดว่าทำไปแล้วไม่ค่อยได้อะไร แต่ความจริงได้นะ เลิกคิดแบบนั้นเถอะ”

อะไรเป็นเครื่องยืนยันว่าเราชอบการร้องเพลงจริงๆ

“เราเคยอยากลองทำอย่างอื่นไปเรื่อย แต่สุดท้ายก็วนกลับมาที่การร้องเพลง เราไม่ต้องพยายามเค้นมันออกมาเลย เพราะร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ เราชอบมองข้ามทักษะนี้ไป ไม่เคยพยายามเป็นนักร้อง แต่ก่อนเราวิ่งไปพยายามทำในสิ่งที่ตัวเราไม่มีอยู่เลย เช่น ผู้กำกับ อาร์ตไดเรกเตอร์ ช่างภาพ กราฟิกดีไซเนอร์ และสไตล์ลิสต์ สุดท้ายพอลองทำทุกอย่างแล้วมันก็วนกลับมาที่การร้องเพลง เป็นของที่มีอยู่ในตัว เป็นชีวิตเรา”

ความคาดหวังสูงสุดในการเป็นนักร้องคืออะไร

“ไม่รู้ว่าจะไปถึงจุดนั้นได้ไหม เราอยากเป็นนักร้องที่มีสไตล์ให้ทุกคนจำได้ว่าเราเป็นนักร้องแบบไหน อย่างพี่ปาล์มมี่ เรานึกภาพเขาออกเลยว่าเพลงเขาเป็นยังไง เขาเล่นเพลงยังไง”

“แต่เอาเข้าจริงชีวิตเราก็เป็นเรื่องเกินกว่าที่จะวางแผนเอาไว้ว่าอนาคตพรุ่งนี้จะเป็นยังไง เพราะทุกอย่างต้องทำต่อเนื่องกันไป เราเพิ่งมารู้ตอนนี้ด้วยซ้ำว่ายืนอยู่ในจุดนี้มาปีกว่าแล้ว แต่จริงๆ ชีวิตเรามาไกลระยะหนึ่งแล้ว”


3 รอยสักสะท้อนตัวตนจีน่า

01 leave me alone

“รอยสักนี้เกิดจากความรู้สึกช่วง ม.6 ว่าคนทั้งโลกไม่เข้าใจเราเลย เรารู้สึกว่าเพื่อนสมัยวัยรุ่น คนที่เข้าใจเราที่สุด กำลังจะหายไป พอทุกคนแยกย้าย รู้สึกว่าไม่มีใครสนับสนุนความคิด ตอนนั้นความคิดทุกคนกดดัน อย่างญาติๆ เราจะคุยเรื่องอื่นกับเขาไม่ได้เลย เขามาสนใจเรื่องอนาคตของเรา แต่เราอยากว่าให้มองตัวเราในปัจจุบันด้วย เรารู้สึกว่าโลกนี้มีแต่เราที่เข้าใจตัวเอง ช่วงนั้นเกลียดโลกมาก คิดว่าคนมีแต่ความเสแสร้ง ทุกคนแค่ต้องทำตัวยังไงก็ได้ให้คนอื่นรัก เลยสักคำนี้ว่าอย่ามายุ่งกับเรา แต่ตอนนี้เราแข็งแรงแล้วนะ (หัวเราะ)”

02 “ ”

“ตอนแรกจะสักเป็นคำ แต่เราขอพี่เขาเปลี่ยนเรื่อยๆ ตลอดเวลาเลย เพราะเป็นคนที่คิดอะไรใหม่ตลอด เลยสักเป็นเครื่องหมายเปิดเอาไว้ แล้วจะเป็นคำอะไรก็ได้คิดเอาเองได้ ใครเห็นอยากใส่คำอะไรก็ใส่ สะท้อนว่าเราเป็นคนไม่ตายตัว”

03 Desouza

“รอยสักนี้เป็นนามสกุลของจีน่าเอง ตั้งแต่ช่วง ม.ต้น ถึง ม.ปลาย ครอบครัวเรามีปัญหาบ่อย เรารู้สึกว่าไม่น่าเกิดมาเป็นคนนี้เลย ทำไมเราไม่เป็นคนอื่นที่มีชีวิตที่ดีกว่านี้ แล้วเมื่อก่อนเราทนอยู่คนเดียวไม่ได้เลย จะรู้สึกเศร้ามาก ขนาดกลับรถไฟฟ้าบีทีเอสคนเดียวยังระแวงจนร้องไห้ แล้วคิดว่าทำไมเศร้าขนาดนี้วะ ตอนนั้นอ่อนไหวมาก จับเสารถไฟฟ้าคนเดียวแล้วร้องไห้ รู้สึกว่าชีวิตตัวเองซวยมาก ไม่อยากเป็นจีน่าเลย แต่พอเข้ามหา’ลัย เรากลับรู้สึกดีใจมากที่เกิดมาเป็นจีน่าเลยสักนามสกุลตัวเองเอาไว้ เราคิดว่าถ้าตอนนั้นไม่เจออะไรแย่ๆ ตอนนี้คงเป็นเด็กที่ยังคิดไม่ได้ ไม่เข้าใจโลกและไม่พยายามเข้าใจคนอื่นอยู่ดี เลยรู้สึกโชคดีแล้วที่ชีวิตเคยเจ็บปวดแบบนั้นมาก่อน”

“บางคนชอบบอกว่าอยากเป็นนักร้องมาก แต่รู้สึกว่ายาก รู้สึกไปอย่างนั้นเรื่อยๆ ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น

ถ้าจีน่ามัวแต่คิดว่ายาก ตอนนี้เราคงเป็นแค่เด็กธรรมดาคนนึง

อยากให้ทุกคนลองเริ่มต้นทำทุกอย่างที่ต้องการ คนชอบคิดว่าทำไปแล้วไม่ค่อยได้อะไร

แต่ความจริงได้นะ เลิกคิดแบบนั้นเถอะ”

ภาพ ชนพัฒน์ เศรษฐโสรัถ

AUTHOR