คุยกับ Morvasu ในวันที่ความสุขเล็กๆ น้อยๆ กลายเป็นเรื่องสำคัญในชีวิต

เป็นเวลา 1 ปีแล้วที่ มอร์–วสุพล เกรียงประภากิจ กลับมาสู่โลกดนตรีในฐานะศิลปินเดี่ยว ซิงเกิลแรกที่มีดนตรีฟังสบาย เนื้อหาโรแมนติกน่ารักอย่าง Melbourne กลายเป็นเพลงโปรดของใครหลายคนทันทีที่ปล่อยออกมา แถมแฟนเพลงยังเอา Melbourne ไปส่งต่อคนพิเศษ เพื่อสื่อว่า ‘ชอบคุณนะ’ นอกจากนี้ ยังมีเพลง เทาเทา, Sunday, หงอย, โลกยังไม่แตก ที่เขาปล่อยออกมาให้คนฟังด้วย

ในขณะเดียวกัน มอร์ยังคงทำงานอีกบทบาทที่ต่อเนื่องมานานกว่า 10 ปี คือการเป็นผู้กำกับในวงการโฆษณาที่เคยได้รางวัล Bronze จากเวทีประกวดอย่าง Cannes Lion เคยได้รับเลือกให้เป็นผู้กำกับเอเชียทำงานแคมเปญว่าด้วยการรณรงค์เลิกเล่นมุกดูถูกผู้หญิงของสหประชาชาติ Google และ YouTube และยังมีอีกหลากหลายงานที่เขาทุ่มเทเพื่อให้ได้มาตรฐานที่ดีอย่างที่เขาตั้งใจ แม้เจ้าตัวจะยอมรับหลายครั้งว่าเคยมีช่วงทำงานหนักมากจนมาถึงหมุดหมายที่มองความหมายของการทำงานใหม่ และวาง Work life balance ให้ตัวเอง

ไม่นานมานี้ มอร์ได้ปล่อยเพลงที่ชื่อว่า งูงุ้ยฮุยจุยงาา (Smile Baby Smile) เพลงที่เขาแต่งขึ้นมาในแคมเปญ ‘ทุกความสุขเป็นเรื่องง่าย’ โดยร่วมกับ KMA-Krungsri Mobile App ความพิเศษของเพลงนี้คือ เขาแต่งเพลงด้วยการใช้ Social Listening ซึ่งฟังความคิดเห็นหรือคอมเมนต์ของคนในโลกโซเชียลมีเดียมาใช้แต่งเป็นเพลง นี่เป็นครั้งแรกของมอร์ในฐานะศิลปินที่แต่งเพลงร่วมกับคนอื่นๆ เขายอมรับว่าเป็นงานที่ท้าทายไม่น้อย แต่สุดท้ายก็ได้เพลงที่ตรงใจกับสิ่งที่เขาอยากสื่อถึงความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันของผู้คน และเป็นความสุขง่ายๆ จากสิ่งรอบๆ ตัว เหมือนกับโจทย์ตั้งต้นของการทำงานในครั้งนี้ที่มีความสุขจากการใช้งานโมบายแอปของกรุงศรีเป็นสารตั้งต้น

มอร์มองความสุขจากเรื่องง่ายๆ ในชีวิตยังไง และในห้วงเวลาแบบนี้ ความสุขเล็กๆ น้อยๆ กลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเขายังไงบ้าง บทสนทนาต่อไปนี้คือคำตอบจากเขา

morvasu

ผ่านมา 1 ปีของการปล่อยเพลงในฐานะศิลปินเดี่ยว ความรู้สึกของคุณเป็นอย่างไรบ้าง

รู้สึกดีใจครับ เหมือนเจอช่องบางอย่างของตัวเองที่ไม่ได้คิดมาก่อนว่าเราจะมีช่องนี้ให้ไปได้ด้วย เพราะตอนแรกไม่ได้คาดหวังอะไรเลย เราก็แค่ทำเพราะอยากทำเพลงต่อ อยากค้นหาตัวเองในแง่มุมใหม่ๆ เราคิดแค่ว่าเราพอมีเงินเก็บก้อนหนึ่งก็เอามันมาทำเพลงที่คิดว่าน่าจะเหมาะกับเรา คิดแค่นี้เลย ไม่ได้คิดว่าเพลงมันจะสำเร็จไหม หรือจะมีคนชอบไหม อย่างสังเกตดูว่าเพลงแรกที่ปล่อยออกมาเป็นเพลงที่ไม่คิดอะไรเลย คนอื่นอาจจะรู้สึกว่าคิดนะ แต่จริงๆ เราแค่รู้สึกสบายกับโมเมนต์แบบนี้เลยทำเพลงเป็นแบบนี้ 

ในฐานะผู้กำกับ ซึ่งเป็นอาชีพหลักที่เราทำอยู่ตลอด ตอนนี้ยังทำอยู่เรื่อยๆ ครับ เพิ่งมาปลายปีที่แล้วที่กำลังจะมีชีวิตแบบอาชีพศิลปิน ตอนแรกคิดไว้ว่าเราจะกลับมามีชีวิตแบบมี 10 งานต่อเดือน (หัวเราะ) แต่มันมีโควิด-19 รอบสองก่อนเลยเศร้าๆ หน่อยครับ

ตอนนี้กำลังปั่นอัลบั้มเต็มอย่างสุดใจเลยครับ แม้ว่าจะเลยเดดไลน์ไปแล้ว (หัวเราะ) จริงๆ แล้วถ้าไม่มีโควิด-19 รอบ 3 ประมาณวันนี้จริงๆ ต้องปล่อยอัลบั้มแล้ว แต่เราก็ทำเพลงเพิ่มเรื่อยๆ คิดว่าจะทำมาสเตอร์ให้อัลบั้มเสร็จภายในปีนี้ครับ 

คุณต้องแบ่งเวลา หรือมี Work life balance ยังไงในฐานะคนทำงานหลายอาชีพ

หลังๆ เราพยายามไม่รับงานให้มัน overload เกินไป พยายามจะบาลานซ์ ทำเฉพาะโปรเจกต์ที่เราสนใจและมีแพสชั่นด้วย พูดแล้วเหมือนหยิ่ง มันเหมือนกับว่า แหม เลือกงานหนิ 

แต่สำหรับเรามันคือการทำงานกันทั้งสองทาง โปรเจกต์ที่เรามีแพสชั่น เราก็ได้ เขาก็ได้ ได้ในสิ่งที่ดีกันทั้งสองฝ่าย

ปัจจัยอะไรที่ทำให้คุณตัดสินใจเลือกรับงานมากขึ้น

เราเคยผ่านช่วงที่เราไม่เลือกงานมาแล้ว ชีวิตเราพังประมาณหนึ่ง พอเรารับงานมาเยอะมาก สุดท้ายเราจะเค้นทุกงานให้มันได้มาตรฐานของเราอยู่ดี สรุปแล้วตัวเราเครียดเอง ไม่ค่อยได้นอน พอนอนไม่พอ กลายเป็นคนขี้เหวี่ยงมากขึ้น เราไม่ค่อยชอบงานตัวเองตอนนั้น รู้สึกตัวเองผิดเสมอ ไม่อยากกลับไปเป็นคนไม่ค่อยน่ารักสำหรับทีมงานเราอีก เลยพยายามหา Work life balance ให้ตัวเอง 

โดยรวมก็คือทำงานให้น้อยลง ทำงานเท่าที่ไม่ต้องเค้นตัวเองมาก ให้มีวันหยุดบ้าง ให้สมองได้หยุดพักบ้าง เหนื่อยงานก็พักบ้างก็ได้ “เหนื่อยนักก็พักสักวันก็ได้” (ร้องเป็นเพลง) แต่ก็ทำงานทั้งหมดให้สุดความสามารถเหมือนเดิม 

การที่ก่อนหน้านี้คุณทำงานเยอะๆ คุณนิยามว่าตัวเองเป็นคนบ้างานไหม

ใช่ เราอาจจะเคยถูกปลูกฝังมั้งว่ายิ่งทำงานเยอะ ยิ่งมีคุณค่า สุดท้ายพออายุมากขึ้น ก็คิดว่าเออ ทำงานตลอดเวลามันก็มีคุณค่าในทางหนึ่งมากขึ้น แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิตปะวะ 

แต่สำหรับคนอื่นอาจจะมองว่าเรายังทำงานหนักอยู่ดีนะ (หัวเราะ) เพราะที่เราบอกว่า Work life balance ไม่ได้แปลว่าไม่ทำงาน แต่ทำงานให้มันมีวันหยุดปกติแบบคนอื่นเขาบ้าง หมายถึงว่าอาทิตย์หนึ่งได้หยุดสักวัน แล้วแต่ใครมองวิธีบาลานซ์แบบไหน แต่ละคนอาจจะมีมุมมองไม่เหมือนกัน 

อีกทางหนึ่งที่เป็นการ Work life balance หรือปลดปล่อยความเครียดจากการทำงานของเรา คือ การทำเพลง เราเพิ่งสังเกตว่าเพลงเราเต็มไปด้วยความขี้เกียจมากเลย ซึ่งจริงๆ แล้วถ้าใครอยู่ใกล้ๆ เราจะรู้ว่าเราทำงานหนักประมาณหนึ่งเหมือนกัน แต่มันเหมือนเป็นวิธีการระบายออกของเรา เราว่าหลายๆ เพลงมีความฮีลตัวเองอยู่

อย่างที่ได้ฟังในเพลงล่าสุดคือ งูงุ้ยฮุยจุยงาา ใช่ไหม เล่าได้ไหมว่าเพลงนี้เริ่มต้นได้ยังไง

เราได้โจทย์คือ Krungsri Mobile App เป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบขึ้นบนพื้นฐานของความง่าย ทำให้คนใช้งานง่าย และมีความสุขได้ง่ายมาก เลยอยากให้มิวสิกวิดีโอที่ทำออกมาสื่อถึงความสุขเป็นเรื่องง่าย ประกอบกับช่วงนั้นโซเชียลมีเดียเดือดมาก เต็มไปด้วยไฟ แล้วเราไม่อยากเปิดเลยมันเครียดมาก คุณพีท ทสร Creative แม่ทัพของงานนี้ และทีมงาน Wunderman Thompson เลยชวนเราว่ามาทำอะไรเย็นๆ ดูกันเถอะ ตอนนั้นมันเริ่มง่ายๆ เลย พอเราคุยกันว่า ความสุขที่มันเป็นเรื่องง่ายส่วนใหญ่มันเป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ เราเลยถามไปในเพจเรา และน้องๆ ทีมงานก็ช่วยกันโพสต์ลงเฟซบุ๊กตัวเอง เราอยากรู้ว่าในช่วงเวลาแบบนี้ของทุกคน อะไรคือความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวันบ้าง  

เราโพสต์ไปเล่นๆ เพราะเราไม่รู้ เราอยากรู้ กลายเป็นว่ามีคนตอบเยอะมาก คนรู้สึกว่าการตอบถึงความสุขเล็กๆ น้อยๆ นี้มันง่ายแล้วก็ฮีลเขาได้ในทางใดทางหนึ่ง ตอนนั้นเราคิดเลยว่าเฮ้ย คำตอบของแต่ละคนมันน่าสนใจมากเลย เอามาแต่งเพลงไหม

เพราะให้เราคิดเองเราก็คิดไม่ได้ ‘เสียงหม้อต้มชาบู หอมบุๆ ปุๆ’ หรือว่า ‘นั่งมองเวลาแมวหลับ มองเท้ามองตาที่หลับสนิท มันแบบงุงุ้ยฮุยจุยงา’ ‘ฟังเพลงที่ชอบ ดูคู่ชิปมีโมเมนต์’ ซึ่งเราเห็นคนมาตอบเราใน Twitter แบบนี้ เรางงไปเลยว่า คู่ชิปคืออะไรวะ เราก็ต้องไปเสิร์ชดู อ๋อ คู่จิ้น แล้วก็คิดว่าเฮ้ย ฉันจะต้องใส่สิ่งนี้ในเพลง ฉันชอบ มันเป็นดินแดนที่ฉันไม่เคยไป เพราะบางอย่างเราคิดไม่ได้อยู่แล้ว คอมเมนต์เหล่านี้เลยพิเศษมาก ถ้าเอามาแต่งเป็นเพลงน่าจะแจกจ่ายความสุขเล็กๆ น้อยๆ ให้ทุกคนได้ ซึ่งก็สอดคล้องกับแอปของกรุงศรีที่ใช้ง่าย สะดวก มันทำให้เราเกิดความสุขเล็กๆ น้อยๆ ได้ง่ายๆ 

Krungsri Mobile app

การเอาคอมเมนต์มาใส่สอดคล้องกับ Social listening ยังไงบ้าง

เล่าก่อนว่าเริ่มแรกที่คิดว่าจะใช้เครื่องมือของ Social listening มาจากทีมครีเอทีฟของ Wunderman Thompson เครื่องมือนี้จะทำให้รู้ว่าโดยส่วนใหญ่คนคิดกับเรื่องเรื่องนั้นยังไงบ้าง ครีเอทีฟเขารู้สึกว่ามันคงดีนะถ้าเราใช้ดาต้าให้เป็นประโยชน์ ถ้าใช้ให้มันถูกวิธีก็จะส่งผลให้มันโดนคนมากขึ้น

 แต่เราก็ไม่ได้เอามาใช้แบบดื้อๆ เพราะเราเอาผลลัพธ์ที่ได้จาก Social listening มาแมตช์กับส่วนที่คนเขียนแล้วมันมีความเป็นมนุษย์กว่า ซึ่งคำตอบของทั้งสองข้อมูลมันมีความใกล้เคียงกันประมาณหนึ่ง เช่น คำตอบของคนที่มาคอมเมนต์เราก็ใกล้เคียงกับ Top 40 ของ Social listening ว่าความสุขเล็กๆ ง่ายๆ ในชีวิตคืออะไร เราเลยผสมกันเลย

ก่อนหน้านี้คุณมักบอกว่าเพลงที่แต่งจะมาจากความรู้สึกตัวเองเป็นส่วนใหญ่ พอต้องเอาความคิดเห็นคนอื่นมาแต่งเพลงด้วยมันยากไหม

จริงๆ ไอเดียเริ่มแรกมันก็ส่วนตัวอยู่ครับ ท่อนฮุกที่แต่งก็มาจากความรู้สึกส่วนตัว ที่เหลือเหมือนต้องใช้หัวเรียบเรียง ซึ่งในฐานะนักแต่งเพลง เราจะเรียงเพลงยังไงให้คนฟังรู้สึกว่าเพราะ แม้ว่าจะไม่เข้าใจไอเดีย ไม่ต้องรู้แบ็กกราวนด์ของการแต่งเพลงนี้ ทำให้มันรู้สึกว่าเหมือนไม่ใช่เพลงคอนเซปต์ก็ได้ ให้มันลื่นแล้วถ้ายิ่งรู้คอนเซปต์งานก็ยิ่งรู้สึกเจ๋งขึ้น 

เหมือนจะง่ายนะ ไม่ต้องเขียนเองไง เพราะเอาคอมเมนต์เขามาวาง แต่ความจริงมันท้าทายเราอยู่ เพราะเราไปกำหนดเขาไม่ได้ เราแค่ต้องเลือกมาแล้วเอามาวางต่อกัน แล้วบางทีคำมันไม่เท่ากันหรือไม่คล้องจองกัน ต้องหาคำที่มาต่อกัน คล้องจองกันแล้วได้ความหมายก็จะยิ่งว้าว เช่น พอเจอประโยค ‘เสียงหม้อต้มชาบู หอมบุๆ ปุๆ’ เราชอบมากเลย อยากใส่ลงไป แล้วพอไปเจอ ‘แกะกล่องพัสดุ’ นี่แบบ (ปรบมือ) ก็เลยเอามาใส่ด้วยกันแบบนี้

นอกจากเป็นศิลปินที่แต่งเพลงนี้แล้ว คุณยังรับบทเป็นผู้กำกับเอ็มวีด้วย เล่าได้ไหมว่าแนวคิดเอ็มวีนี้เป็นยังไง

เรารู้สึกว่าเพลงนี้หวานๆ มันงุ้ยๆ มาก มันโลกสวยจังเลยแก เราเลยรู้สึกว่าถ้าภาพมันยิ่งโลกสวยยิ่งไม่ค่อยเวิร์ก ก็เลยต้องมีความกวนๆ อยู่บ้าง มีการล้อเลียนความสุขนั้นอีกทีเพื่อให้ภาพและเสียงมันทำงานกันแบบน่าสนใจ 

เรามองว่าการทำภาพตามเสียงง่ายมากเลยนะ แต่ถ้าทำภาพตามเสียงให้มีเทกซ์เจอร์ขึ้น มันจะน่าสนใจขึ้น ตอนเราทำเอ็มวีตัวเอง เราจะทำประมาณนี้แหละ จะไม่ทำตามเพลงทันที แต่จะต้องขยับไปอีกเลเยอร์หนึ่ง

ซึ่งครั้งนี้ก็โชคดีที่ได้ร่วมงานกับ Kanithrin (กนิษฐรินทร์ ไทยแหลมทอง) เราเป็นคนชอบงานของเขาอยู่แล้ว มันดูมีความกวนแบบนิ่งๆ เราชอบมากๆ

ทำไมคุณถึงตั้งชื่อเพลงว่า ‘งูงุ้ยฮุยจุยงาา’

ตอนเห็นครั้งแรกเราชอบมากเลย เราคิดว่าฉันจะใส่สิ่งนี้ไปในเพลงให้ได้ (เน้นเสียง) มันดูแล้ว อ่านแล้วมันงูงุ้ยจุยงา มันอ่านแล้วเราสัมผัสได้ถึงความสุขบนตัวอักษร จั๊กจี๋อะ ชอบ 

งานนี้มีผลต่อใจเรายังไงบ้าง ได้ทำอะไรหลายอย่าง ได้แต่งเพลงที่พูดเรื่องความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในช่วงนี้ แถมยังได้แต่งเพลงร่วมกับคนอื่นด้วย 

เราสนุกมากเลยนะ มันเป็นโจทย์คอลแลบที่ท้าทายมาก ไม่ว่าจะคอลแลบกับแบรนด์ คอลแลบกันคนอื่นในแง่คนเขียนเนื้อ คอลแลบกับ Kanithrin ในการทำภาพ ถือว่าตัวนี้เป็นงานแอนิเมชั่นตัวแรกก็ได้ครับ แล้วเราก็สนุกดี มันเล่นอะไรบางอย่างได้ที่การถ่ายเล่นไม่ได้ เช่น จะมีตอนงูงุ้ยฮุยจุยงาที่มีต้องยกมือเยี่ยม สิ่งนี้ถ้าถ่ายจริงมันต้องใช้เทคนิคเยอะมากเลยนะ

KMA x Morvasu

จากการแต่งเพลงและทำเอ็มวี งูงุ้ยฮุยจุยงาา ถ้าให้นิยาม ‘ความสุขเป็นเรื่องง่าย’ สำหรับคุณมองยังไงบ้าง

เราพูดแบบนี้ดีกว่า ความสุขเล็กๆ น้อยๆ เป็นเรื่องง่าย เราเคยอ่านหนังสือ มาสโลว์บอกว่าความสุขมันมีหลายขั้น บางอย่างมันก็ไม่ง่าย เช่น การที่รู้สึกว่าต้อง achieve in life มันไม่ง่ายหรอกครับ แต่ในขณะที่เรากำลังไปสู่ปลายทางความสุขอันยิ่งใหญ่หรือความฝันอันยิ่งใหญ่ของเรา ระหว่างทางเราก็สามารถทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ให้เรามีความสุขได้

อย่างตอนทำงานแล้วมีบางวันที่ดีบ้าง บางวันไม่ดีก็เป็นเรื่องปกติ ถ้าซัฟเฟอร์มากๆ เราจะหาความสุขจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เอา ก็ต้องหาวิธีฮีลตัวเอง เช่น เล่นกับแมวหน้าห้องทำงาน

คุณคิดว่าความสุขเล็กๆ น้อยๆ สำคัญยังไงกับชีวิต

มันสามารถทำให้เรายืนหยัดท่ามกลางโลกใบนี้ได้ง่ายขึ้น เพราะว่าคนมีทุกข์มีสุขเป็นเรื่องปกติเนอะ ความสุขเล็กๆ น้อยๆ อาจจะทำให้เรายืนหยัดในโลกใบนี้ได้ดีขึ้นนิดหนึ่ง 

ลองมาหาสิ่งเล็กๆ รอบๆ ตัว แล้วอาจจะพบว่าความสุขในชีวิตเกิดขึ้นได้ง่ายๆ จากสิ่งเล็กๆ ซึ่งเป็นต้นทางที่ทำให้เราใช้ชีวิตทุกๆ วันได้อย่างมีความสุขมากขึ้น #ทุกความสุขเป็นเรื่องง่าย

AUTHOR