Modern Love : นิทรรศการว่าด้วยความรักซ่อนเร้นและประวัติศาสตร์ในม่านรูด

Highlights

  • Modern Love คือนิทรรศการซึ่งต่อยอดมาจากการตีความ sense of place ของ Reno Hotel โรงแรมม่านรูดที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยเกษมสันต์ 1 นำทีมโดยพลวิทย์ รัตนธเนศวิไล แห่ง PHTAA living design และ Kuba Gardolinski จาก PAGA Architects ร่วมด้วย พัทธมน นิศาบดี จากอัญแปลน
  • ศิลปิน 7 คนร่วมกันสร้างสรรค์ 7 ห้องในโรงแรมม่านรูด (จำลอง) เพื่อสื่อสารนิยามความรักในรูปแบบของตน รวมทั้งชักชวนให้ผู้ชมสำรวจความรัก ความลับ และประวัติศาสตร์ที่ซ่อนเร้นอยู่ในโรงแรมม่านรูด สถานที่ที่มักถูกมองในแง่ลบเสมอ
  • นอกเหนือไปจากเรื่องราวความรัก นิทรรศการซึ่งเป็นส่วนหนึ่งใน Bangkok Design Week 2019 นี้ ยังแฝงแนวคิดเรื่อง upcycling อย่างแนบเนียนผ่านอิฐบล็อกอันเป็นส่วนประกอบสำคัญในนิทรรศการ ซึ่งจะถูกถอดและนำไปประกอบที่ Reno Hotel ในภายหลัง

เมื่อเอ่ยชื่อซอยเกษมสันต์ 1 คุณนึกถึงอะไร บ้างอาจนึกถึง YELO House แกลเลอรีเท่ๆ ริมแม่น้ำ บ้างอาจนึกถึงโรงแรมดีไซน์ล้ำอย่าง LiT BANGKOK แต่น้อยคนนักที่จะนึกถึง Reno Hotel โรงแรมเล็กๆ ที่แฝงตัวอยู่อย่างเงียบๆ

Modern Love Reno Hotel

ภาพจาก www.renohotel.co.th

“เราคิดว่า Reno Hotel เป็นสถานที่ที่คนทั่วไปผ่านไปผ่านมาโดยไม่ได้สังเกตและน้อยคนนักจะรู้ว่าฟังก์ชั่นจริงๆ ของมันคือโรงแรม” พลวิทย์ รัตนธเนศวิไล แห่ง PHTAA living design สตูดิโอออกแบบผู้รับหน้าที่รีโนเวตโรงแรมแห่งนี้เริ่มต้นเล่า

“Reno Hotel เคยเป็นโรงแรมม่านรูดมาก่อน ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1962 แต่ก่อนย่านนี้คนจะรู้จักกันดีว่าเป็นย่านที่ทหารอเมริกันมักมาหาความสุขกัน”

Modern Love

แน่นอนว่าในปัจจุบัน โรงแรมแห่งนี้ไม่ได้ประกอบกิจการม่านรูดอย่างแต่ก่อนแล้ว ทว่าสิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่คือความสมบูรณ์ของสภาพอาคารที่ยังคงไว้ซึ่งโครงสร้างของโรงแรมม่านรูดในอดีตไว้อย่างชัดเจน ด้วยเห็นว่าบรรยากาศของสถานที่แห่งนี้น่าสนใจ และไม่อยากให้ Reno Hotel เป็นเพียงโรงแรมเล็กๆ ที่ผู้คนเพียงสัญจรผ่านไปโดยไม่ตระหนักถึงความพิเศษ พลวิทย์จึงได้ชักชวน Kuba Gardolinski แห่ง PAGA Architects มาร่วมกันสร้าง sense of place (ความรู้สึกเฉพาะต่อสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง ซึ่งแตกต่างกันไปตามลักษณะการใช้งาน ผู้อาศัย และองค์ประกอบโดยรอบ) ให้กับ Reno Hotel จนเกิดเป็น Modern Love หนึ่งในนิทรรศการภายใน Bangkok Design Week 2019 ของ TCDC

Modern Love

Modern Love

“เราพบว่า Reno Hotel เป็นโรงแรมม่านรูดแห่งเดียวที่ยังคงเหลือรอดอยู่ในสภาพดั้งเดิม ซึ่งประวัติศาสตร์ของโรงแรมเองก็ยังคงดำเนินต่อไป เรามองว่าจุดนี้น่าสนใจ จึงเป็นที่มาว่าทำไมเราถึงอยากพูดถึงเรื่องความรักในสถานที่แห่งนี้” Kuba อธิบาย

Modern Love

“สำหรับเรา Modern Love คือความรวดเร็ว ทุกวันนี้ยิ่งคนสามารถรู้จักกันได้รวดเร็วเท่าไร ความสัมพันธ์ก็ยิ่งจบไวเท่านั้น อยากคุยกับใครก็ทักไป แต่คุยกันแป๊บเดียวก็จบ เราสร้างนิทรรศการนี้ขึ้น ไม่ได้จะบอกว่าเราจะทำโรงแรมม่านรูดนะ แต่เป็นเรื่องความรักที่เราอยากพูดถึง เป็นความรักที่ถูกซ่อนเร้น ซึ่งโรงแรมม่านรูดเป็นแค่ตัวแทนหนึ่งเท่านั้น จะเห็นว่าสมัยนี้โรงแรมม่านรูดน้อยลงเพราะเรามีคอนโดมาแทนที่ สมมติคุณพาใครขึ้นคอนโด ฟังก์ชั่นของมันก็เหมือนโรงแรมม่านรูดใช่ไหมล่ะ เพียงแค่มันเปลี่ยนฟอร์มไป แต่ก็ยังเป็นความรักที่ซ่อนเร้นไว้อยู่ดี” พลวิทย์เสริม

Modern Love

Modern Love

ภายใต้แนวคิด ‘ความรักที่ซ่อนเร้น’ พลวิทย์ และ Kuba ชักชวนศิลปินอีก 6 กลุ่ม มาร่วมแสดงผลงานภายในพื้นที่นิทรรศการ ซึ่งถูกออกแบบเป็นห้องทรงครึ่งวงกลม 7 ห้อง ที่ต่างก็มีเตียงนอนเดี่ยวๆ วางอยู่กึ่งกลาง เพื่อให้ศิลปินได้ออกแบบ ตีความ และสะท้อนนิยามความรักในแบบของตน

ระหว่างเดินชมนิทรรศการ เราผ่านห้องที่มีแค่เตียงเตียงหนึ่งแต่ถูกคลุมทับด้วยซิลิโคนซึ่งดูเผินๆ จะคล้ายกับผิวหนังมนุษย์ ห้องที่แน่นขนัดไปด้วยตุ๊กตา มีภาพตัดแปะของสัตว์นานาชนิด และห้องที่มีเตียงทรงหัวใจสีแดงสดที่บนเตียงมีบทสนทนาภาษาอีโมจิระหว่างชายแก่และหญิงสาวให้ได้ลองตีความ

Modern Love

Modern Love

Modern Love

“เราไม่ได้ออกแบบนิทรรศการนี้โดยคำนึงในแง่ของพื้นที่เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการสร้างประสบการณ์พิเศษให้กับผู้เข้าชมงาน เราอยากให้พวกเขารู้สึกอึดอัด เพราะอิฐบล็อกที่เราใช้ก่อเป็นกำแพงกั้นระหว่างแต่ละห้องจะมีช่องว่างเล็กๆ ให้พอมองเห็นห้องถัดไปได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะเห็นทุกอย่างไปเสียหมด เพราะความโค้งของห้องก็อาจช่วยบดบังบางตำแหน่งของห้องข้างๆ ตอนที่เดินดูนิทรรศการ หรือขณะที่กำลังเซลฟี่กับกระจกที่ลอยอยู่เหนือเตียงในห้องต่างๆ ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในโรงแรมม่านรูด ผู้เข้าชมงานก็อาจรู้สึกว่าพวกเขากำลังถูกแอบดูไปด้วย

“แต่ถึงที่สุดแล้ว ประสบการณ์ที่ผู้เข้าชมงานแต่ละคนจะได้รับจาก Modern Love ย่อมแตกต่างกันไป บ้างอาจดูแล้วมีความสุข บ้างอาจดูแล้วเศร้า หรือบ้างอาจดูแล้วโกรธ เราหวังแค่ว่านิทรรศการนี้จะสร้างบทสนทนาและชวนให้ผู้คนหันมาตั้งคำถามต่อสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะต่อความรัก ต่อความเป็นสมัยใหม่ ต่อประวัติศาสตร์ของกรุงเทพฯ เราไม่ได้จะมาบอกว่าอะไรดีหรือไม่ดี ไม่ได้คิดว่าทุกคนจะชอบงานนี้ แค่เพียงหว่านเมล็ดเพื่อให้เกิดการถกเถียงกันต่อเท่านั้น” Kuba เล่าถึงเป้าหมายของนิทรรศการนี้

Modern Love

Modern Love

“บางคนอาจมองว่าความหมายของนิทรรศการค่อนข้าง negative แต่เราคิดว่าไม่นะ มันแค่เป็นสิ่งที่คนไม่อยากพูดถึงมากกว่า แล้วเราก็ไม่รู้สึกอายที่จะพูดเรื่องนี้ เพราะเราไม่ได้จะบอกว่าโรงแรมม่านรูดไม่ดี แต่มันคือ sense of place ของที่นี่ เราไม่เชื่อว่าการถูกจดจำในแง่ negative จะไม่ดีเสมอไป เพราะคนเราต่างคนก็ต่างมอง พนักงานหลายๆ คนของ Reno Hotel ตอนนี้ก็ทำงานมาตั้งแต่สมัยที่โรงแรมยังเป็นม่านรูด ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพวกเขาและคนแถวนี้ด้วยซ้ำ” พลวิทย์อธิบาย

Modern Love

Modern Love

พ้นไปจากประเด็นความรักและโรงแรมม่านรูด อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจของนิทรรศการนี้คือการสอดแทรกแนวคิด upcycling เข้ามาอย่างแนบเนียนผ่านอิฐบล็อกที่ก่อขึ้นเป็นกำแพงของแต่ละห้อง

“เราพบว่าสถาปัตยกรรมของ Reno Hotel ยังคงไว้ซึ่งอิฐบล็อกช่องลม ที่คงอยู่มาตั้งแต่ปี 1962 ซึ่งปัจจุบันหายากมากๆ เราเลยคิดว่าจะทำอย่างไรให้สามารถคงภาษาเดิมของสถานที่แห่งนี้เอาไว้ได้หลังจากรีโนเวตใหม่ เราเลยเลือกจะทำอิฐบล็อกด้วยรูปทรงใหม่ ให้มันดูโมเดิร์นขึ้นในยุคสมัยเรา แต่ก็ยังมีร่องรอยของความเป็นอดีต” 

Modern Love

Modern Love

พลวิทย์เล่าว่า อิฐบล็อกช่องลมทั่วไปจะมีลักษณะเป็น 2 มิติ คือกว้างกับยาว แต่ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น ทำให้เขาสามารถเพิ่มความลึกให้กับอิฐบล็อกได้ โดยการดันพื้นผิวส่วนหนึ่งให้ลึกเข้าไปข้างในเล็กน้อย เกิดเป็นอิฐบล็อกที่ในทีแรกอาจดูธรรมดา แต่เมื่อพิจารณาดีๆ จะเห็นถึงความซับซ้อนประหลาดตา ไม่เหมือนอิฐบล็อกเดิมๆ ที่เราเคยเห็น 

ทว่าก่อนหน้าที่อิฐบล็อกรูปทรงใหม่จะไปผสานเป็นส่วนหนึ่งกับ Reno Hotel พลวิทย์เลือกนำวัสดุพิเศษนี้มาก่อเป็นโครงสร้างนิทรรศการ Modern Love แต่แทนที่จะฉาบคอนกรีตผสานระหว่างอิฐแต่ละบล็อก เขากลับเลือกใช้กาวตะปูที่จะช่วยผนึกไว้ได้อย่างแน่นหนาในชั่วระยะเวลาหนึ่ง พร้อมกับออกแบบแปลนของนิทรรศการให้เป็นทรงโค้งสับหว่างกัน พลวิทย์อธิบายว่าในแง่ดีไซน์ทรงโค้งเมื่อพิงอยู่ด้วยกันจะแข็งแรงและล้มยากกว่านั่นเอง

“เราต้องการจะนำอิฐบล็อกที่ผลิตขึ้นมาไป upcycle ซึ่งถ้าใช้คอนกรีต มันก็จะยึดเป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งต้องทุบทิ้งอย่างเดียว ก็เลยเลือกใช้วิธีที่จะถอดบล็อกมาใช้ต่อได้หลังจากนิทรรศการจบ เราวางแผนว่าจะให้อิฐบล็อกนี้ไปอยู่บริเวณสระว่ายน้ำ ทางเข้า และบริเวณ facade ของโรงแรมเพื่อให้คนที่มา Reno Hotel เกิดภาพจำต่ออิฐบล็อกก้อนนี้

“เราดีไซน์อิฐบล็อกตัวนี้ขึ้นมาเพราะอยากให้คนทั่วไปรู้สึกถึง sense of place ของที่นี่ คืออิฐบล็อกแบบนี้ไม่มีอยู่ที่อื่น มีแค่เฉพาะที่ Reno Hotel เท่านั้น วิธีนี้จะช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับดีไซน์ของโรงแรมด้วยวิธีการที่แยบยลมากขึ้น” 

Modern Love

Modern Love

พัทธมน นิศาบดี จากอัญแปลน ผู้รับหน้าที่ออกแบบกราฟิก และ key visual ของนิทรรศการเสริมว่า “พออิฐบล็อกมีความโดดเด่นมากๆ และเป็นเสมือนสิ่งที่ยึดรวมทุกอย่างของนิทรรศการเอาไว้ เราเลยอยากสะท้อนมันผ่านงานกราฟิกด้วย จะเห็นว่าเลย์เอาต์บนแผ่นพับหรือโปสเตอร์งานจะแฝงไว้ด้วยอิฐบล็อก หรืออย่างแปลนของนิทรรศการเองที่ออกแบบให้แต่ละห้องเหลื่อมกันอยู่ เราก็หยิบแนวคิดนี้มาสะท้อนผ่านฟอนต์ต่างๆ ที่มีความขัดแย้งในตัวเอง จะมีทั้งฟอนต์ที่ condense แคบๆ กับฟอนต์ที่ extent ออก หลวมๆ ยาวๆ 

“นอกจากนี้ในพื้นที่นิทรรศการ เราก็เลือกใช้อะคริลิกโปร่งแสงสีแดง เพราะนอกจากจะให้ความรู้สึกเซ็กซี่ ซีทรูแล้ว ยังช่วยขับเน้นสรีระ และความโค้งเว้าของอิฐบล็อกให้เด่นชัดขึ้น อะคริลิกสีแดงตัวนี้ทำหน้าที่ผสานกราฟิกกับสเปซให้กลมกล่อมขึ้น”

Modern Love

Modern Love

ในแง่หนึ่ง แม้ Modern Love จะพูดเรื่องความรัก ความลับ และโรงแรมม่านรูด ได้อย่างน่าสนใจ แต่ขณะเดียวกัน นิทรรศการแห่งนี้ก็ได้สะท้อนว่า ทำไมการมองกลับไปยังอดีตจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะกับยุคสมัยนี้

“เราคิดว่ากรุงเทพฯ เคยผ่านช่วงเวลาที่น่าสนใจของสถาปัตยกรรมและการพัฒนาเมือง แต่ปัจจุบันกลับถูกหลงลืมไป เห็นได้จากกรณีโรงแรมดุสิตธานี ที่กำลังจะหายไป ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายทั้งต่อความเป็นกรุงเทพฯ เอง และคุณค่าประวัติศาสตร์ กรุงเทพฯ กำลังสูญเสียอัตลักษณ์ไป กลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้า 

“การที่เราพากลับไปสำรวจอดีตของ Reno Hotel ในฐานะโรงแรมม่านรูด เราหวังว่านิทรรศการ Modern Love จะช่วยให้ผู้เข้าชมตั้งคำถามต่อประเด็นเหล่านี้มากขึ้น ทั้งในแง่มุมทางสังคมและสถาปัตยกรรม เราไม่ได้โหยหาอดีต แต่เป็นการเคารพประวัติศาสตร์ของสถานที่และหาวิธีต่อยอดจากมัน เพราะอิฐบล็อกของเราก็ดีไซน์ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ แต่มันคือการที่เราจะเดินไปสู่อนาคตอย่างไร โดยไม่ตัดอดีตทิ้งไปจากตัวเรา” Kuba ทิ้งท้าย

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ปฏิพล รัชตอาภา

ช่างภาพอิสระที่สนใจอาหาร วัฒนธรรม และศิลปะร่วมสมัย มีความฝันว่าอยากทำงานศิลปะเล็กๆ ไปเรื่อย รวบรวมผลงานไว้ที่ pathipolr.myportfolio.com