มิเรียม มาร์โกลีส ขึ้นปกโว้กอังกฤษ แบบเปรี้ยวตลอดไปในวัย 82

นางแบบขึ้นปกโว้กอังกฤษฉบับกรกฎาคม คือนักแสดงขวัญใจของคนอังกฤษ คราวนี้มาเหนือด้วยการเปลื้องผ้าในหน้าแฟชั่นเซต เพราะถ้าน้อยกว่านั้น มันคงไม่ใช่มิเรียม

ชื่อ: มิเรียม มาร์โกลีส
เกิด: ค.ศ. 1941
อายุ: 82 ปี
อาชีพ: นักแสดง
Silver Lining ที่เราอยากพูดถึง: คุณป้าสุดเปรี้ยวผู้ขึ้นปกโว้กฉบับอังกฤษ (พร้อมภาพท็อปเลส) สะท้อน ‘ความเรื้อน’ ตามแบบฉบับอังกฤษ และความปลงในลักษณะ – ชีวิตจงดำเนินต่อไป – สมกับที่เห็นโลกใบนี้มานาน


คนอังกฤษรู้จักเธอเป็นอย่างดี ในฐานะนักแสดงฝีมือดีและดาราผู้รวยอารมณ์ขันจนเข้าขั้นเรื้อน แต่เรียกเสียงฮาในทุกการสัมภาษณ์ แฟนๆ แฮรี พอตเตอร์คงเคยเห็นเธอตอนรับบท อาจารย์สเปราต์ ผู้สอนวิชาสมุนไพร คนชอบดูหนังอาจเคยเห็นเธอในบท คุณนายมิงกอต ราชินีแห่งสังคมผู้ดีนิวยอร์กช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ในหนังของผู้กำกับใหญ่อย่าง มาร์ติน สกอร์เซซี ซึ่งเธอชนะรางวัลตัวประกอบยอดเยี่ยมของฝั่งอังกฤษ (รางวัลบาฟตา) แฟนรายการทอล์กโชว์ของ แกรม นอร์ตัน ทางบีบีซีจะรู้จักเธอและมุกแผลงทั้งหลายแหล่ของเธอดี เธอเคยพูดในรายการนั้นว่า ยัยวิโนนา (ไรเดอร์ ซึ่งเล่นเป็นภรรยาพระเอก) กันท่าฉัน ไม่งั้นก็คงได้ออสการ์ไปแล้วปีนั้น เพราะเขาไปเสนอชื่อยัยนั่นเข้าชิงดาราประกอบหญิง ฉันเลยอด – พูดจบก็หัวเราะก๊าก

เวลาใครกำลังเก๋คับโลกหรือจะมาขึ้นปกโว้ก เป็นธรรมดาที่ทางนิตยสารฉบับนั้นจะเชิญเธอคนนั้นมาถ่ายคลิป ซึ่งหลายครั้งก็มาในรูปแบบของ In The Bag แบบเปิดกระเป๋าคนดังให้โลกรู้ว่าเขามีอะไรในกระเป๋าโทตประจำตัวบ้าง ส่วนใหญ่ก็ต้องมีพวกเครื่องสำอาง อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และประกาศถึงสไตล์เจ้าของกระเป๋า

แต่สำหรับ มิเรียม มาร์โกลีส หญิงวัยแปดสิบสอง เอว 52 นิ้ว ใบหน้ากลม ตาเบิ่งโต เธอบอก (ก่อนจะตดใส่กล้องทีหนึ่งสวยๆ) ว่า “มีลิปสติกนะคะ แต่ถ้าไม่ออกนอกบ้านหรือไม่ได้ทำงาน ก็ไม่ทา” ว่าแล้วก็โชว์ ‘ของที่ต้องมี’ ด้านความงามของเธอ แหนบครับ “ผู้หญิงอายุเกิน 35 ควรพกแหนบ ดิฉันแนะนำ” เธอยังล้วงเอากางเกงตัวเบ้อเริ่มสีน้ำเงินตุ่นๆ (เพราะย้อมเอง) ออกมา “นี่กางเกงในสำรองค่ะ มาถึงวัยที่อั้นฉี่ไม่ไหว มีนี่ไว้ทำให้ชีวิตดี” นอกจากนั้นยังมีผ้ากันเปื้อน (สีเดียวกับกางเกงใน น่าจะย้อมในหม้อเดียวกัน) “คือฉันชอบกิน กินทั้งวัน แล้วก็เป็นคนนมใหญ่ เวลากินถ้าไม่มีผ้ากันเปื้อน – ซึ่งจิ๊กมาจากบนเครื่อง – ทั้งนมและเสื้อผ้าจะเลอะเทอะ ของกินที่ต้องมีในกระเป๋าคือหัวหอม เอาไว้กัดเล่น “ไม่เหม็นหรอกคุณ ไม่งั้นเขาจะเรียกว่าหัวหอมเหรอ” พร้อมทั้งล้วงเอากุญแจสำหรับไขห้องน้ำคนพิการของห้องน้ำสาธารณะในลอนดอนมาอวด นอกจากนั้นก็มีสติกเกอร์ที่จอดรถคนพิการ “โจรทุบรถมันไม่เอารถหรอกนะคะ มันอยากได้สติกเกอร์นี้ แล้วคุณๆ ที่สังขารครบสามสิบสอง (เธอมีอาการเจ็บหลังเรื้อรัง) คิดจะจอดรถในที่จอดรถคนพิการ ขอบอกว่าอย่าเชียว”

เธอให้สัมภาษณ์นิตยสารโว้ก ผู้ยิ่งใหญ่ด้านคอนเทนต์ไลฟ์สไตล์สวยๆ แบบนี้เลย เธอบอกว่า “ความเป็นเด็กในตัวนี่ทำให้ถึงคราวจะแก่นซนแล้วมันอดใจไม่ได้”

มิเรียมเกิดในครอบครัวยิวที่เคร่งครัด แม่รักเธอมาก ทั้งพ่อและแม่รับไม่ได้เมื่อเธอออกมาบอกว่าเป็นเลสเบียน (ในสมัยนั้นการเป็นคนรักร่วมเพศยังเป็นเรื่องผิดกฎหมายในประเทศอังกฤษ แม้ทางการเขาเพ่งเล็งเกย์ผู้ชายมากกว่าเลสเบียน) เธอว่า “ฉันชอบที่ตัวเองเป็นเกย์ เป็นสเตรตนั้นจ้างเท่าไหร่ก็ไม่เป็นหรอกค่ะ”

ต่อมาพ่อของเธอเสีย แม่เป็นสโตรก จากนั้นเธอก็ดูแลจนถึงวันสุดท้ายของแม่ เธอเข้านอนพร้อมแม่และคุยกันกระหนุงกระหนิงจนแม่หลับ แม้พ่อแม่จะรับไม่ได้เรื่องที่เธอเป็นเลสเบี้ยน แต่เธอก็บอกว่ายังรักพ่อแม่เหมือนเดิม เธอเล่าย้อนถึงสมัยที่ออกมาเปิดตัวว่า “ตอนนั้นก็รู้ว่าพ่อแม่เสียใจ และฉันไม่ชอบทำให้คนต้องเสียใจ”

ปัจจุบันเธอใช้ชีวิตร่วมกันกับแฟนซึ่งเป็นนักวิชาการ ทั้งคู่คบกันมา 54 ปีแล้ว เนื่องจาก เฮเทอร์ แฟนของเธอมาจากออสเตรเลีย มิเรียมจึงย้ายไปที่นั่น เปลี่ยนสัญชาติเป็นออสซี แล้วไปๆ มาๆ ระหว่างออสเตรเลีย อังกฤษ และบ้านชนบทที่อิตาลี

เธอเริ่มงานการแสดงจากการให้เสียง จากนั้นจึงแจ้งเกิดในวงการแสดงของอังกฤษ เธอชอบผลงานของ ชาร์ลส์ ดิกเกนส์ มาก ตัวเธอมีผลงานแสดงมากมาย แต่ที่เราๆ น่าจะผ่านตาน่าจะเป็นบทของอาจารย์สเปราต์ ผู้สอนวิชาพฤกษศาสตร์ในหนังชุด Harry Potter “บทนี้ทำให้คนรู้จักฉันมากขึ้น แต่บอกตามตรงว่าตัวบทอาจารย์สเปราต์ไม่สำคัญสำหรับฉันสักเท่าไหร่ เพราะไม่ใช่บทที่ท้าทาย” รางวัลใหญ่ที่สุดของเธอคือ คุณนายมิงกอต ผู้เป็นราชินีแห่งสังคมผู้ดีนิวยอร์กสมัยก่อน ในหนังของมาร์ติน สกอร์เซซี เรื่อง The Age of Innocence (1993) ซึ่งเธอได้รับรางวัลนักแสดงสมทบยอดเยี่ยมของบาฟตา หรือพูดง่ายๆ คือออสการ์ของฝั่งอังกฤษ

ในความเห็นของคนเลยวัยเกษียณไปสองทศวรรษ สังขารมีผลต่อนักแสดง คนอย่างเธออาจไม่สะทกสะท้านเรื่องรูปลักษณ์ มิเรียมบอกว่า “นักแสดงจะกลัวความแก่เพราะจะเหี่ยว เสียลุค เพื่อนๆ แห่ไปทำโบทอกซ์ ทำศัลยกรรม ฉันไม่ใช่คนหน้าตาดีอะไรอยู่แล้ว ไม่สนใจหรอก แต่ถ้าเสียความทรงจำนี่มันอีกเรื่อง” และยังบอกอีกว่า “ฉันว่าฉันหน้าตาใจดี อบอุ่น และยิ้มแย้มนะ แต่ไม่ชอบรูปร่างตัวเองเล้ย นมใหญ่ยาน พุงย้อย เกลียดอะ แต่เราต้องทำใจ ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น”

รูปร่างหน้าตาก็เรื่องหนึ่ง แต่สังขารซึ่งว่าด้วยสุขภาพความแข็งแรงนั้นมันเป็นอีกเรื่อง แบบว่าเธอก็รู้ข้อจำกัดของตัวเอง และยังรู้วิธียืนหยัดที่จะบอกทีมว่าอะไรที่ป้าทำได้ อะไรที่ทำไม่ได้ ยกตัวอย่าง “ในฉากหนึ่ง ผู้กำกับให้ถ่ายฉากเดินลงจากรถเมล์อีกคัต ฉันไม่ยอม คุณผู้กำกับบอกว่า – ผมเป็นผู้กำกับมือรางวัลนะ ช่วยหน่อยเถอะป้าครับ – ฉันเองก็ตอบโดยไม่เคยคิดเหมือนกันว่าจะพูดอะไรแบบนี้ – ฉันก็นักแสดงมือรางวัลนะ แต่ขาไม่ดี ถ้าฉากขึ้นลงรถเมล์มันสำคัญต่อหนังของคุณขนาดนี้ ฉันว่าเราจะซวยกันหมด”

มิเรียมยังพูดเกี่ยวกับความแก่ไว้อีกว่า “แก่ตัวนี่มันไม่มีอะไรดีหรอก นับว่ายังดีชีวิตนี้เราต้องเป็นคนแก่แค่หนเดียว ถ้ายังสามารถรักษาสติ เงินทอง เพื่อนฝูง ความสัมพันธ์ และงานไว้ได้ ถือเป็นพร”

ชีวิตเธอยังผ่านช่วงของการระบาดของโรคเอดส์ในยุค 80 “ฉันเสียเพื่อนไปทั้งหมด 34 คน” ช่วงการระบาดของโควิด เธอลากสังขารเป็นอาสาสมัครไปส่งอาหารตามบ้านคนป่วย เรียกว่าเห็นเกิดแก่เจ็บตายมาพอสมควร “ตอนเป็นหนุ่มสาวเราไม่คิดถึงเรื่องตายหรอก เรามัวคิดแต่ว่าพรุ่งนี้จะได้เอากับใคร จะว่าไปเดี๋ยวนี้ฉันคิดเรื่องตายบ่อยมาก ทุกเช้าคือตื่นขึ้นมาแล้วเปรยกับตัวเองว่า ได้มาอีกวันแล้วสินะ”

เมื่อมีคนถามว่ารู้สึกยังไงเกี่ยวกับความตาย เธอตอบว่า “เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่ฉันจะรู้ตัวว่าเวลาที่รออยู่ข้างหน้ามันเหลือน้อยกว่าเวลาที่เราทิ้งไว้ข้างหลัง ทุกวันนี้ถ้าชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นดิ้นดิ้นกันไป อย่าได้หยุด แต่รู้ดีนะว่าปลายอุโมงค์นั้นไม่มีแสงสว่างรออยู่หรอก” เธอหยุดนิดหนึ่งเหมือนคิดมุกได้ แล้วพูดต่อ “นี่ไม่ใช่เก่งแต่เรื่องสัปดี้สีปะดน ฉันลึกซึ้งกับเขาเป็นเหมือนกัน”


เรื่อง: ภาณุ บุรุษรัตนพันธุ์

AUTHOR