ทุกวันนี้ ‘สติกเกอร์ไลน์‘ กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันที่ขาดไม่ได้ของเราไปเสียแล้ว ด้วยความหลากหลายที่ครอบคลุมแทบทุกสถานการณ์ ตั้งแต่บอกรักอาม่าในวันแซยิด ขอโทษบอสที่ทำงานพลาด ไปจนถึงทวงเงินจากลูกหนี้ที่ชีวิตดีแต่ไม่ยอมคืนเงินซักที
แน่นอนว่าหน่วยงานที่ดูแลเรื่องสติกเกอร์โดยตรงอย่าง LINE Creators Market ย่อมสนับสนุนให้เหล่าครีเอเตอร์ออกแบบสติกเกอร์ใหม่ๆ มาครองใจผู้ใช้งานอย่างเราๆ และครองตลาดสติกเกอร์ไลน์ในประเทศไทยที่เติบโตมากขึ้นทุกวัน (ขอกระซิบว่าสายเปย์หลักคือเหล่าหญิงสาวที่ชอบสติกเกอร์กุ๊กกิ๊ก)
โดยหนึ่งในแรงผลักดันสำคัญสำหรับครีเอเตอร์คือโปรเจกต์ใหญ่ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีอย่าง LINE Creators Market Contest ซึ่งในปีที่ 4 นี้มาพร้อมธีมแสนซนอย่าง ‘ชีวิตประจำวันครบรสแบบโหด มันส์ ฮา’ ที่เปิดกว้างให้เหล่าครีเอเตอร์ได้ใช้จินตนาการกันอย่างเต็มที่ แถมมีรางวัลเป็นทริปเที่ยวญี่ปุ่นเพื่อเปิดโลกแห่งการสร้างสรรค์คาแร็กเตอร์มาล่อตาล่อใจอีกต่างหาก
ในโอกาสที่เราได้พบเจอครีเอเตอร์ทั้ง 10 คนที่ฝ่าฟันผู้เข้าประกวดกว่า 2,041 คนมาได้ด้วยสติกเกอร์ที่ตรงธีม มีเอกลักษณ์ (และทีม LINE Creators Market บอกว่ามีโอกาสขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า) เราจึงถามพวกเขาแบบซื่อๆ ว่า คิดและทำงานอย่างไรถึงออกมาเป็นสติกเกอร์มือวางระดับประเทศเช่นนี้
แล้วทุกคนก็ตอบแบบไม่มีกั๊กเสียด้วยสิ!
1
Animal Addict
เพราะต้องอดทนกับการจราจรแสนเซ็งในกรุงเทพฯ เป็นประจำทุกวัน ชายหนุ่มจากเอเจนซีโฆษณาคนนี้จึงเนรมิตโลกมหัศจรรย์ที่ปราศจากรถราบนท้องถนน แต่เต็มไปด้วยผู้คนที่โดยสารบนสิงสาราสัตว์นานาพันธุ์
“เวลากลับบ้านตอนเย็นๆ เราจะรู้สึกว่าถนนกรุงเทพฯ โคตรน่าเบื่อ แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น มีวัฒนธรรม เช่น ตุ๊กๆ หรือมีเอกลักษณ์บางอย่าง อย่างนิสัยของคนขับแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน เราพยายามหยิบตรงนั้นมาแปลงให้สนุกขึ้น อยากให้เห็นว่าบนถนนที่น่าเบื่อนี้ จริงๆ มีความสนุกสนานแฝงอยู่
“สติกเกอร์เซตอื่นของเรามักจะคิดจากภาพก่อน แต่กับเซตนี้เราคิดจากคำก่อน แล้วค่อยคิดภาพตาม คำก็เลือกใช้คำแสลงทั่วๆ ไปนี่แหละ เช่น เข้ ก็เป็นรูปเด็กขี่จระเข้แทนสเกตบอร์ด แรดไม่รอใคร ก็เป็นรูปผู้หญิงนั่งมาบนแรด ออกตัวแรง ก็เป็นรูปเด็กแว้นขี่นกกระจอกเทศ”
2
Plug & Pudgy
เพราะตัวเองก็เป็นคนวัยทำงานคนหนึ่ง สาวนักวาดภาพประกอบจึงคิดธีม ‘วัยทำงาน’ มาครอบให้กับสติกเกอร์ของตัวเองอีกที แต่ด้วยไอเดียแหวกแนวที่เธอเลือกเติมวิญญาณให้กับข้าวของไร้ชีวิตต่างหากที่ทำให้สติกเกอร์เซตนี้โดดเด่นกว่าใคร
“เราอยากทำสติกเกอร์ที่เป็นคู่แฟนวัยทำงาน เลยพยายามจะคิดคาแร็กเตอร์ที่เป็นคู่กัน ตอนแรกก็อยากทำคาแร็กเตอร์น่ารักๆ แต่คาแร็กเตอร์ที่เป็นสัตว์ พวกกระต่าย หมา ก็มีหมดแล้ว คิดไปคิดมาก็นึกถึงปลั๊กกับเต้าเสียบขึ้นมา อาจจะดูติดเรตนิดหน่อย (หัวเราะ) แต่ก็ดูเป็นผู้หญิงผู้ชายที่คู่กันดี
“เราคิดที่คาแร็กเตอร์ก่อน เต้าเสียบจะเป็นผู้หญิงที่มีความอวบๆ เหมือนสาวอวบ ส่วนปลั๊กมันผอมก็เป็นผู้ชายตัวผอมๆ แล้วค่อยใส่เนื้อเรื่องเข้าไป อันแรกที่ทำคือสติกเกอร์ช็อต เพราะตอนนั้นตัวเองแกลบมาก แล้วการช็อตก็เหมาะกับปลั๊กพอดี ส่วนเนื้อเรื่องอื่นๆ ก็ดึงมาจากประสบการณ์ส่วนตัวของตัวเองบ้าง ของเพื่อนบ้าง”
3
YuuYii’s Daily life
กราฟิกดีไซเนอร์สาวเลือกตีความจากโจทย์ ‘ชีวิตประจำวันโหด มันส์ ฮา’ ออกมาเป็นสติกเกอร์สาวน้อยออกกำลังกายที่ดูแล้วทั้งน่ารักและได้พลังไปพร้อมกัน
“เราคิดว่าการออกกำลังกายน่าจะตรงโจทย์ เพราะคนออกกำลังกายเขาทำกันทุกวัน แล้วมันก็น่าจะโหด มัน ฮาด้วย เลือกทำคาแร็กเตอร์เป็นผู้หญิงเพราะตั้งใจให้ดูน่ารัก และมันน่าจะแทนกลุ่มผู้หญิงที่ออกกำลังกายได้ เพราะยังเห็นแนวนี้ไม่ค่อยเยอะ
“เราจะเลือกท่าออกกำลังกายให้ตรงกับเนื้อเรื่อง เช่น ตอนโกรธก็เป็นท่าสควอต (squat) พลังพุ่ง สติกเกอร์บางอันที่ไม่ใช้คำพูดประกอบเพราะไม่อยากกำหนดว่าจะต้องเป็นประโยคนี้เท่านั้น คนจะสื่อสารได้หลายแบบกว่า แล้วแต่คนที่นำไปใช้เลยว่าเขาจะใช้มันในสถานการณ์ไหน”
4
ชีวิตติดมัน
สติกเกอร์ที่ทำให้คนรักเนื้อย่างอย่างเราหลุดหัวเราะทันทีที่เห็นมาจากไอเดียของบรรณาธิการหนุ่มผู้บอกตามตรงว่าจริงๆ แล้วเขาไม่ค่อยคิดมากเวลาทำสติกเกอร์
“ชอบกินหมูกรอบครับ สติกเกอร์เซตนี้ก็เลยออกมาเป็นแบบนี้ ผมว่าเวลาทำสติกเกอร์ไลน์ไม่ต้องคิดอะไรให้มันซับซ้อน เอาที่มันง่ายๆ ที่เราอยากใช้ก็พอแล้ว พวกคำพูดที่เลือกมาก็เป็นคำโหลๆ ที่เราพูดกับเพื่อนเล่นๆ ที่ใครๆ ก็พูดกัน ไม่ต้องประดิษฐ์มาก”
5
Mr.Cho and Friends
นักศึกษาภาควิชาออกแบบอุตสาหกรรมผู้ชอบดูซีรีส์เป็นชีวิตจิตใจเลือกหยิบยกตัวละครที่พบเจอได้ในเกือบทุกซีรีส์มาตีความใหม่เป็นสติกเกอร์ตลกแบบแปลกๆ ที่ไม่ว่าใครก็ใช้ได้
“ปกติเราชอบซื้อสติกเกอร์ตลกๆ ก็เลยอยากทำสติกเกอร์ตลกบ้าง แล้วเราก็ชอบดูซีรีส์ เห็นพวกตัวละครที่เป็นพ่อหรือหัวหน้าครอบครัวมักจะดูเครียดๆ ทั้งที่จริงๆ แล้วตัวละครพวกนี้จะฮา เลยออกแบบเป็นคนที่หน้าแก่แต่ตัวเป็นเด็ก แล้วก็ทำเป็นตัวก๊อบปี้ที่เป็นตัวเล็กมาอยู่ข้างๆ กัน เพราะยังไม่เห็นคอนเซปต์นี้ในตลาด คือเราพยายามทำให้มันแปลก ให้มันไม่เหมือนสติกเกอร์ที่มีอยู่ก่อน แล้วค่อยยัดธีมเข้าไปทีหลัง”
6
Hard Life Girl
แอนิเมเตอร์สาวสุดโก๊ะแปลงเรื่องเปิ่นๆ ที่มักเกิดขึ้นกับตัวเองและเพื่อนๆ เป็นสติกเกอร์ที่ดูกี่ทีก็ฮาท้องคัดท้องแข็ง
“โจทย์คือ ชีวิตประจำวัน โหด มันส์ ฮา ก็เลยอยากทำสติกเกอร์ที่คนใช้แล้วขำ ตัวเราเองเป็นคนป้ำๆ เป๋อๆ มันมักจะเกิดเรื่องแปลกๆ กับเรา เช่น ไปซื้อของ ตอนจ่ายเงินเงินดันไม่พอ เปิดกระเป๋ามาเจอแต่เหรียญ (หัวเราะ) ตอนนั้นก็จะแบบอายมาก ทำยังไงดี ขอโทษนะคะ ขอไปกดตังค์ก่อน หรือไม่ก็เหตุการณ์อย่างเข้าห้องน้ำแล้วทิชชู่หมด
“เวลาเกิดเรื่องพวกนี้ ตอนอยู่ตรงหน้าจะรู้สึกแย่มาก เฮ้ย จะรอดจากตรงนี้ได้ยังไง แต่พอผ่านมาได้ มันก็จะกลายเป็นเรื่องขำๆ ที่เอาไปเล่าให้เพื่อนสนิทฟัง”
7
The Routine Life with Boba Pug
ครีเอเตอร์หนุ่มผู้ตั้งใจทำสติกเกอร์แบบเดียวกับที่นักธุรกิจทำธุรกิจบอกเราว่าสติกเกอร์เจ้าหมาหน้าย่นที่ดูเล่นๆ ขำๆ ของเขาผ่านขั้นตอนการคิดมาแบบละเอียดยิบ
“เราใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนกับการคิดคอนเซปต์ เหมือนทำการตลาดนิดนึงด้วย คือเห็นว่าอันดับต้นๆ มีสติกเกอร์หมาปั๊กอยู่ แสดงว่ามีกลุ่มคนที่ชอบแนวนี้อยู่ ก็เลยลองคิดดูว่าจะออกแบบหมาปั๊กในแบบของตัวเองได้ยังไง และคิดว่าจุดแข็งที่จะทำให้เราต่างจากคนอื่นคืออะไร ซึ่งก็น่าจะเป็นความสมบูรณ์ของแอนิเมชั่นและความน่ารัก
“เราคิดเองนะว่ามันน่ารัก (หัวเราะ) ตั้งใจออกแบบให้มันซุ่มซ่าม เงอะๆ งะๆ และมีความน้อง คือน่ารักจนเวลาเห็นจะเรียกว่า น้องงงง… อะไรแบบนั้น”
8
ชีวิตออฟฟิศเซ่อ
แม้ตอนนี้ตัวเองจะเป็นฟรีแลนซ์ แต่วีรวันก็หยิบยกเรื่องราวของมนุษย์เงินเดือนมาบอกเล่าผ่านสติกเกอร์ได้อย่างคนที่เข้าใจอินไซท์อย่างแท้จริง
“เราคิดว่าชีวิตทั่วไปของพนักงานประจำก็มีอารมณ์โหด มัน ฮา เหมือนกับโจทย์ที่ได้มาอยู่แล้ว คือมีทั้งเหนื่อย ทั้งสนุก เลยคิดเป็นคาแร็กเตอร์พนักงานประจำนี่แหละ มีภาพในหัวคร่าวๆ ว่าเป็นคนที่หัวเถิกนิดนึง เพราะอยากให้ดูตลก แล้วก็ต้องผอมๆ ดูเป็นคนที่นั่งเยอะ ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย อาจจะเครียดกับงาน ใช้ความคิดเยอะ
“เสร็จแล้วก็ไปหา reference รูปคนจริงๆ ที่เป็นพนักงานประจำเพื่อดูว่ามีคนที่ตรงกับภาพในหัวเราหรือเปล่า เราเริ่มจากศูนย์ไม่ค่อยไหว จะชอบหา reference เยอะๆ ไว้ก่อน ขั้นตอนการหา reference คิดเป็น 30-40 เปอร์เซ็นต์ของการทำงาน
“พวกเนื้อเรื่องในสติกเกอร์ก็มาจากชีวิตประจำวัน เช่น ตื่นสาย ต้องรีบวิ่งผ่านน้ำ ขึ้นรถไฟฟ้าแล้วโดนเบียด มาถึงออฟฟิศแล้วต้องตอกบัตร พูดอย่างนี้อาจจะดูเครียด แต่พอคิดเป็นภาพแล้วมันก็ตลกอยู่ดี ส่วนคำที่ใช้ก็เลือกใช้คำง่ายๆ พยายามใช้ภาษาพูดมากกว่าภาษาเขียน คนจะได้ใช้ได้บ่อยๆ”
9
N9: มนุษย์ออฟฟิศ ชีวิตโหด มัน ฮา
รู้ไหมว่าสติกเกอร์มือรางวัลเซตนี้เป็นเพียงหนึ่งในสติกเกอร์หลักพันเซตจากนทีแห่ง N9 Design ผู้บอกกับเราว่าเขาทำสติกเกอร์เป็นงานอดิเรกคลายเครียดเท่านั้น โดยหลักคิดที่เขาใช้กับสติกเกอร์ทุกเซตคือความเรียบง่ายและสุภาพเพื่อการใช้งานในทุกโอกาส
“เราทำงานออฟฟิศ ก็เลยเอาการทำงานออฟฟิศมาเป็นต้นแบบ นึกดูว่าในแต่ละวันเจออะไรบ้าง เช่น ไปขึ้นรถไฟฟ้าหรือรถเมล์ นั่งทำงานอยู่แต่อยากเลิกแล้ว คือตั้งต้นด้วยเหตุการณ์ที่ทุกคนเจอแน่นอน แล้วค่อยคิดเป็นภาพ
“พอดีเราวาดไม่เก่งมาก ก็เลยวาดคาแร็กเตอร์ง่ายๆ แค่ให้ดูออกว่าเป็นคน แล้วก็เน้นสีหน้า อารมณ์ ให้รู้ว่ารู้สึกยังไง
“เวลาทำสติกเกอร์เซตนึงเราจะคิดเลยว่าจะให้ใช้สำหรับเรื่องอะไร ส่วนใหญ่จะเน้นสุภาพให้ส่งหาทุกคนได้ อย่างเซตนี้ก็เหมือนกัน เป็นสติกเกอร์ที่ดูง่ายๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะตีความผิด ใช้ส่งให้ใครก็ได้ เพื่อน ผู้ใหญ่ รุ่นน้อง”
10
ลูกทุ่งสาว ดาวทอง
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าสติกเกอร์ลูกทุ่งสาวผู้มาพร้อมท่าเต้นพลิ้วไหวนี้เป็นผลงานของชายผู้ออกตัวว่า เต้นไม่เป็น เต้นไม่เก่ง เลยสักนิด เขากระซิบว่าเคล็ดลับอยู่ที่การหา reference และการแยกแยะทุกการเคลื่อนไหวออกมาอย่างละเอียดถี่ยิบ
“มีช่วงหนึ่งเราบ้าสะสมเทป ฟังเทป และมีโอกาสได้เซตเพลงลูกทุ่งมาฟัง ก็เลยหยิบมาผสมกับโจทย์ชีวิตประจำวัน โหด มันส์ ฮา เราก็คิดว่าเนื้อหาบทเพลงอาจจะเกี่ยวกับโจทย์ได้ แต่ไม่แน่ใจในแง่แอ็กชั่นของคาแร็กเตอร์ว่าจะเข้ากับโจทย์ไหม แต่ก็คิดว่าน่าจะสนุกดี
“เราเต้นไม่เก่ง ใช้วิธีดู reference ในวิดีโอ ดูท่าทางของเขาแล้วก็เอามาแอนิเมตตาม เน้นเคลียร์ท่าทางให้ลื่นไหล ให้มันชัดเจน แล้วก็คิดแคปชั่นให้เหมือนเป็นชื่อเพลง เนื้อเพลง หรือพวกคำสร้อย
“สามตัวแรกเราคิดแคปชั่นตามโจทย์เลย โหด ก็เป็นคำว่า ใจเธอแสนโหด มัน-เชิญเผือกให้มัน ฮา-เชิญฮาสิคะ มันจะออกเป็นภาษาลูกทุ่งป๊อปที่ใช้คำง่ายๆ หน่อย เวลาคิดก็คิดเหมือนมีเสียงเอื้อนเอ่ยร้องออกมาในจินตนาการ”
