KIKI (กีกี้) วงดนตรีอินดี้ของไทยภายใต้สังกัด Parinam Music แม้สมาชิกทั้ง 3 คน เฮเลน-เอเลน่า อะมาร็องตินิซ์ พันธุ์สุข, บอส-ภูริช พันธุ์สุข และ นนท์-ธนญ แสงเล็ก จะมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก แต่ทุกคนเคารพในบทบาทของกันและกัน ทำให้เราไม่แปลกใจว่าทำไมถึงแม้จะมีอายุเพียง 2 ปีแต่เส้นทางสายดนตรีของพวกเขาไปได้ไกลและเร็วกว่าอีกหลายวงในรุ่นราวคราวเดียวกัน
จะเรียกว่าเป็นวงหน้าใหม่ก็ไม่ได้เต็มปากนักเพราะมีกำลังหลักสองคน บอส ภูริช และ นนท์ ธนญ จากวงสมเกียรติเป็นพี่เลี้ยงให้กับนักร้องนำและมือเขียนเนื้อเพลงหน้าใหม่ที่แทบไม่อยากเชื่อว่าเธอเองเพิ่งขึ้นโชว์ครั้งแรกในชีวิตไปเมื่อปีที่ผ่านมานี้เอง ความมั่นใจและฝีมือการเขียนที่ฝึกฝนสะสมมาตั้งแต่ยังเยาว์วัยพอถึงเวลาได้ปล่อยของ เฮเลน เอเลน่า ก็สามารถพัฒนาตัวเองได้อย่างก้าวกระโดดช่วยกันพาวงไปเปิดแลนด์สเคปใหม่ๆ ของซีนดนตรีในต่างประเทศที่สร้างฐานแฟนเพลงเพิ่มขึ้นในทุกเวทีที่พวกเขาได้ไปเยือน
เพราะโควิด-19 JUJU จนมาเป็น KIKI
ต้องบอกว่าในตอนแรกก็แอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่าจะเรียกชื่อวงนี้ยังไงดีให้ถูกต้อง จึงขอเปิดด้วยคำถามแรกแบบซื่อๆ ให้ทั้ง 3 คนช่วยไขคำถามคาใจไปจนถึงที่มาของการรวมตัวกันเฉพาะกิจในครั้งนี้ แม้เริ่มต้นจากความสนุกแต่พอเครื่องติดก็ฟิตจนหยุดไม่อยู่
เมื่อโควิด-19 ระบาดหนักทำให้ร้านอาหาร ผับ บาร์โดนสั่งปิดแบบไม่มีกำหนด กลุ่มที่ได้รับผลกระทบและโดนหมายหัวก่อนเพื่อนเลยคือกลุ่มคนทำงานกลางคืนและสถานบันเทิงที่เป็นแหล่งรวมตัวกันของคนจำนวนมาก แต่นี่กลับเป็นจุดเริ่มต้นให้ เฮเลน บอส และนนท์ ฉวยโอกาสที่ว่างงานอยู่นี้มาทำดนตรีในแนวทางที่ชอบและถือกำเนิดใหม่ขึ้นอีกครั้งภายใต้ชื่อ KIKI ที่ขยันปล่อยผลงาน ปัจจุบันมี 1 อีพี และ 2 อัลบั้มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เฮเลน: แรกเริ่มเลยใช้ชื่อแมวที่บ้าน JUJU (จูจู) มาตั้งไปก่อนเพราะคิดว่าคงไม่มีงานหรอก ตั้งๆ ไปเถอะหลังจากส่งเดโม่ออกไป มาทำการบ้านเสิร์จเจอว่ามีวงญี่ปุ่นที่ชื่อ JUJU อยู่แล้ว เป็นนักร้องหญิงเดี่ยวที่ดังมากด้วย เราก็มาคิดว่าเราจำเป็นต้องมาคิดมากเรื่องชื่อวงขนาดนี้กันเลยเหรอ ชื่อเพลงหรือชื่ออัลบั้มเป็นสิ่งที่ต้องผ่านการไตร่ตรองกันก่อน แต่พอเป็นชื่อวงด้วยความที่ระยะเวลาทำงานร่วมกันยังไม่ได้นานมากพอที่จะทำให้เห็นภาพในมุมกว้างทั้งหมดร่วมกันว่า คำๆ นี้มันคือเรานะ
บอส: พอกำลังจะลงสตรีมมิ่งแล้วก็เลยต้องเปลี่ยนหาคำง่ายๆ เข้าคำที่เข้าปากก็พอแล้ว เลยมาได้ชื่อ KIKI เพราะมีสองตัวอักษรเท่านั้น พอออกเสียงดูแล้วก็เข้าปาก
เฮเลน: เราคิดว่าเพลงที่ทำก็มีจิตวิญญาณอยู่ในนั้น เนื้อร้องที่เขียนก็มีเรื่องราวอยู่แล้ว ถ้าจะต้องยัดสิ่งที่จะเป็นนิยามของวงให้มีความหมายด้วยอีก ขอให้เราพวกเราทั้งสามคนเป็นความหมายมันแทนได้ไหม KIKI นี่แหละมันดูเหมือนไม่มีที่มาที่ไปแต่มันมีที่มาที่ไปในรูปแบบของมัน
จากนักร้องนำบนรถยนต์ขึ้นเวทีแสดงโชว์แรกในชีวิต
เสียงร้องสวยๆ ชวนฝันของเฮเลน ที่เข้ากับจังหวะดนตรีอิเลกทรอนิกเท่ๆ ที่มีกรูฟให้โยก เมื่อไปแสดงสดเวทีไหนก็พาผู้ชมก้าวข้ามกำแพงภาษาและพร้อมจะขยับตัวเต้นไปกับพวกเขา โดยมีเนื้อร้องสละสลวยจากนักร้องนำหน้าใหม่ที่สามารถทำให้เราเชื่อได้ว่าเธอเอาอยู่แม้ไม่เคยผ่านเวทีไหนมาก่อนเลย
เฮเลน: ก้าวที่ยากที่สุดคือตัวเอง ความมั่นใจที่เรามีในพื้นที่เล็กๆ ของเรา กลายเป็นสิ่งที่ต้องนำเสนอออกมาต่อสายตาและหูคนอื่นด้วย จากที่ไม่คาดหวังมันค่อยๆ เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ เพราะเรารู้สึกว่าพอไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนให้กับตัวเอง เราก็จะถามกับตัวเองว่ากำลังทำสิ่งที่ทำอยู่เพื่ออะไร ‘Be A Bud Present : Girl vol. lll’ (2022) เป็นงานแรกของ KIKI ที่ได้ขึ้นโชว์จัดงานที่ลิโด้ ถึงแม้บอสกับนนท์ จะมีประสบการณ์การขึ้นเวทีมาแล้วก็ตาม แต่ทุกคนก็ตื่นเต้นมากเพราะแนวเพลงที่พวกเขาเล่นปัจจุบันอยู่นอกเหนือจากคอมฟอร์ตโซนที่เคยเล่นกันมา
เฮเลน: งานแรกก็รู้สึกว่ายังทำได้ไม่ดี แต่ทุกคนต้องมีจุดเริ่มต้น ก็คิดว่าถ้าเริ่มต้นไม่ดี งานต่อมาต้องดีกว่านี้ อันถัดไปต้องดีกว่านี้สิ แค่คิดกับตัวเองอยู่เรื่อยๆ ว่าต้องไม่ได้ผิดพลาดจากการทำงานที่ไม่ตั้งใจของตัวเองก็พอแล้ว ไม่อยากโทษตัวเอง เว้นแต่ว่าเป็นเรื่องที่เราควบคุมได้แต่เราดันไม่ทำ อย่างเช่น เมื่อก่อนพวกเรานอนดึกมากๆ กินเหล้า สูบบุหรี่ มันก็จะมีผลกับเสียงที่ใช้และพลังงานที่เปล่งออกมาบนเวที อันนั้นจะทำให้เรารู้สึกแย่
เธอกล่าวเสริมว่าจากที่เคยเป็นคนฟังต้องกลายเป็นคนร้องมันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่มาก ทุกวันนี้ก็ยังกดดันตัวเองแต่เป็นความกดดันที่อยู่ในระดับที่ดีที่จำเป็นต้องมีในการพัฒนาตัวเองด้วย เพราะสุดท้ายแล้วไม่ได้แข่งกับใคร การได้สามารถเอาชนะตัวเองในเรื่องความกลัวเวทีและความกลัวสำหรับ เฮเลน ก็เป็นช่วงที่ต้องใช้เวลาจูนมากที่สุดแล้ว
เฮเลน: จริงๆ ตั้งแต่ก่อนเข้ามหาลัย สกิลการเขียนของตัวเองเหมือนเดิมเลยตั้งแต่มัธยม ด้วยความที่เรียนสายศิลป์ ประวัติศาสตร์ ภาษา มาตั้งแต่ไหนแต่ไรทำให้เป็นคนชอบเขียนมาก
จากที่เธอเคยถ่ายทอดงานเขียนในโทนเศร้าและหม่นซึ่งเป็นทางถนัดเพราะสามารถเข้าถึงอีโมชันความรุนแรงนี้ได้มากกว่าอารมณ์สุขจนมาถึงอัลบั้มที่สองเมื่อตัวเลขอายุเพิ่มขึ้นทำให้มุมมองที่มีต่อโลกนี้เปลี่ยนไปสำหรับมู้ดโทนในอัลบั้มสอง เฮเลนที่เมื่อโตขึ้นก็ปล่อยวางมากขึ้น นั่นเป็นเพราะช่วงวัยที่เขียนมีผลต่อลักษณะการเขียนของเธอ จากที่เคยวนกับตัวเองแต่ตอนนี้หยิบยื่นการสังเกตคนอื่นมากขึ้น โดยเฉพาะเวลาไปร้านเหล้าที่เป็นโอกาสให้ได้นั่งมองมองคนไปทั่ว ได้เห็นคนหลากหลายประเภท บางคนมาด้วยความเศร้า บางคนตั้งใจมาปาร์ตี้ จินตนาการว่าเขาคิดอะไรกันอยู่แล้วจึงหยิบสมุดขึ้นมาจดเก็บไว้เผื่อใช้ในอนาคต
นนท์-ธนญ ผู้เป็นกระดูสันหลังของวง
ด้วยความที่เริ่มต้นเซตวงกันในช่วงโควิด-19 ทำให้ต้องปรับรูปแบบการทำงานดนตรีให้เข้ากับสถานการณ์จนได้มาเป็นวิธีการทำเพลงที่เจอกันน้อยครั้งแต่ได้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจแถมยังขยันปล่อยเพลงใหม่ๆ อัปเดตอย่างสม่ำเสมอไม่ห่างหายไปนานให้แฟนๆ คิดถึง
บอส: พวกเราจะมาคุยกันว่าอยากทำอะไรหรือแนวเพลงไหน นนท์ก็จะขึ้นทุกอย่างมาให้
เฮเลน: เราขึ้นเพลงเองไม่ได้ไม่สามารถนั่งอยู่บ้านแล้วมีเสียงขึ้นมาในหัว ทำให้ต้องใช้สิ่งที่นนท์ทำมานำทางทุกอย่าง เคยลองแล้วมันยาก เพราะเราก็ไม่ได้เรียนดนตรีมาจึงไม่มีทักษะเอาสิ่งที่คิดออกมาดนตรีได้ นนท์เขาเห็นเสียงมากกว่าได้ยินเสียง เหมือนรู้ว่าตรงนี้ต้องทำอะไร อยู่ๆ อยากทำอันนี้แล้วก็คิดเป็นเพลงออกแล้วนะ ในหัวเขาคงคิดแล้วว่าจะใช้เบสแบบนี้ จังหวะแบบนี้ กีตาร์เป็นแบบนี้ กลับบ้านไปสักพักไม่เกินวันสองวันก็จะส่งเพลงมา
บอส: เมื่อนนท์ทำเสร็จแล้วเราก็จะมาคุยกัน ส่วนเฮเลนรับหน้าที่เขียนเนื้อร้องและแต่งเมโลดี้
เฮเลน: เราว่ากระบวนการทำเพลงของแต่ละคนก็คงไม่เหมือนกัน เรามองว่าตัวเองเป็นจิกซอว์ในทั้งหมดนั้น แต่นนท์คือจิกซอร์ทุกชิ้นเลย แต่ว่าแต่ละอันมันแค่ขาดในแต่ละส่วน ซึ่งเรากับบอสก็จะไปเติมเต็มในส่วนนั้นจนกลายเป็นภาพรวมทั้งหมด เราจะโฟกัสที่เมโลดี้กับเนื้อร้อง ซึ่งมันคนละส่วนกับดนตรี บางทีเราร้องก็อยากมีความเอาแต่ใจตัวเองนิดหนึ่ง ฉันชอบร้องแบบนี้นะ ก็เลยรู้สึกว่ามันโอเคกว่าเพราะนนท์ทำอะไรมาก็ไม่มีอะไรที่ทำมาแล้วไม่ชอบเลย
นนท์: พวกเราทำงานแบบไม่ได้เจอกันตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ก็ทำงานที่บ้านของตัวเองแล้วก็ส่งอีเมลงานหากันแทน
เฮเลน: จนตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่เพราะรู้สึกว่าสะดวกและเวิร์กกับทุกคน
นนท์: บ้านผมอยู่บางนา สองคนนี้อยู่นนทบุรี ไปกลับร้อยก็ร้อยกว่ากิโลเมตร
บอส: ยุคนี้เพราะเราลองทำแบบนั้นเสร็จแล้วมันเร็วกว่า พอมาเจอกันก็คุยรายละเอียดให้เรียบร้อย แล้วแยกไปทำ ช่วยให้งานไหลเร็วขึ้นสมูทขึ้นด้วย
เฮเลน: มันต้องโมเมนต์ที่ต้องมาเจอกันมานั่งทำเพลงด้วยกันบ้าง ส่วนตัวไม่อินกับการต้องมาอยู่ด้วยกันตลอด เพราะพิสูจน์แล้วว่าเขาไม่ได้อยู่กับเราเขาก็ทำได้เหมือนกัน ถ้ารู้สึกว่าติดขัดตรงไหนคิดเพลงไม่ออกเลย เรากับบอสก็จะหยุดทำงานกันพักหนึ่งเพื่อไปบ้าน นนท์ กันไม่ใช่เพราะเราไม่อยากเจอแต่ด้วยระยะทางไปกลับมันไม่ได้สะดวก
นนท์: พวกเราก็เลยเซตระบบใหม่กันขึ้นมาเอง
เฮเลน: อีพีแรกจึงเป็นเป็นแคนวาสเปล่าๆ ที่พวกเรายังจับทิศทางไม่ได้ว่ามันคือการทดลองเพราะแต่ละเพลงก็ไม่เหมือนกันเลย
บอส: การที่พวกเรามารวมกันก็คือวงใหม่เรียกว่าเป็นการเริ่มกันใหม่ด้วยกันทั้งหมด เฮเลนก็เริ่มใหม่ เราก็ต้องมาลองทำ 5 เพลงในหลายๆ แบบที่เราชอบ แล้วหาว่าแบบไหนที่เราชอบที่มันสามารถไปต่อได้
ศิลปินอิสระสู่อ้อมอกสังกัด Parinam Music
คาแรกเตอร์ของ KIKI มีแนวทางของตัวเองในการทำงานที่ดูเหมือนจะไปทางศิลปินอิสระซะมากกว่าการมีสังกัด แต่เมื่อได้คุยกันแล้วก็ทำให้เห็นว่าค่ายเพลงในยุคนี้ก็ยังจำเป็นทั้งในเรื่องงบประมาณสนับสนุนและคอนเนกชันที่ดันให้ดนตรีที่มีศักยภาพวงหนึ่งไปต่อได้ไกลและราบรื่นกว่าเดินลุยด้วยตัวเอง
เฮเลน: พวกเรามีค่ายตอนเสร็จอัลบั้มหนึ่งแล้ว ช่วงที่กำลังปล่อยอัลบั้มได้มาเจอกับ พี่ปูม ปารินาม มิวสิค ยินดีรับพวกเราไว้ในค่าย เราก็เคยคิดว่าไม่อยากมีค่ายเพราะเราอยากทำกันเองสนุกกันเอง กลัวว่าอยู่กับค่ายแล้วโดนผูกมัดในเรื่องผลประโยชน์ ทำให้กลายเป็นสินค้ามากกว่าสิ่งที่เราตั้งใจจะทำตั้งแต่แรกคือแค่ความสนุก แต่พอไปๆ มาๆ แล้วมันก็คืองานๆ หนึ่ง สุดท้ายแล้วถ้าเรารู้สึกว่าถ้าเราดูแลไม่ได้ หรือเราทำต่อเนื่องไปไม่ได้ มันก็ต้องมีคนที่เข้ามาดูแลเราตรงนี้ด้วย ช่วงแรกๆ เราทำทุกอย่างเลย มิกซ์มาสเตอร์อัลบั้มแรกกันเองเพราะว่าวงไม่มีงบส่งให้คนอื่นทำ ซึ่งเราก็ทำกันเองก็รู้สึกว่าจริงๆ เราก็ทำกันได้นะ แต่เรามีความเชื่อมั่นว่าวงมีศักยภาพที่สามารถไปได้ไกลกว่านี้มากๆ ถ้ามีคนคอยซัพพอร์ตเราด้วย ซึ่งซัพพอร์ตหลักๆ นั้นก็คือพี่ปูม จากค่ายปารินาม เป็นค่ายในอุดมคติเลยเพราะเขาปล่อยให้ศิลปินมีอิสระ
การที่พวกเขาได้มาอยู่ในค่ายที่ไม่สร้างบาร์หรือตีกรอบทิศทางการทำงานเพื่อเอาใจคนกลุ่มไหนเป็นพิเศษกลับทำให้ KIKI ได้ทำในสิ่งที่พวกเขาเชื่อและชอบซึ่งพิสูจน์ด้วยฐานแฟนเพลงที่เติบโตขึ้นที่สามารถวัดได้ตัวเลขและจำนวนโชว์ที่แน่นเอี้ยด กทม. อีสาน ไปจนทัวร์ต่างประเทศที่ล็อกวันกันไว้แล้วล่วงหน้าหลายเดือน
บอส: อยากให้ทุกคนที่ได้ฟังแล้วชอบ อยากสนุกแบบนี้ อยากให้เต้น อยากให้เศร้าท่อนนี้ นั่นคือสิ่งที่เราหวังไว้ให้รู้สึกอินกับอารมณ์เพลง
เฮเลน: คิดแค่ว่าคนฟังชอบก็คือชอบ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ เหมือนอาหารจากหนึ่งจาก 10 คนชอบ 8 คน ไม่ชอบ 2 คน ชอบ 5 คนไม่ชอบ 5 คน สุดท้ายมีคนที่ชอบเราก็โอเค คนที่ไม่ชอบเราด้วยเหตุผลอะไรก็ตามไม่ว่าจะเพราะดนตรี การร้อง หรือไม่ชอบแนวเพลงวง ไม่ชอบการพรีเซนต์ของวงอะไรก็ตามแต่ มันคือสิทธิของเขาเลยซึ่งเราเคารพ
“อย่างน้อยเราต้องชอบของเราเองก่อน (สามเสียงประสาน)”
เฮเลนสรุปกับเราว่าถ้าพวกเขาแฮปปี้กับผลงานของตัวเองก็ยอมรับได้แล้ว เพราะสุดท้ายแล้วคนฟังสำหรับเขาคือโบนัสเพื่อเป็นฐานให้ KIKI สามารถไปเปิดโลกในที่ต่างๆ จากที่เคยมีคนซัพพอร์ตหลักหน่วยจำนวนนับนิ้วได้จนตอนนี้เป็นหลักร้อยหลักพัน การเพิ่มจำนวนไม่เพียงเป็นการยืนยันเรื่องความสำเร็จแต่ยังรวมถึงทิศทางที่พวกเขาเชื่อว่าดีแบบนี้ถือได้ว่าเดินมาถูกทางแล้ว
วงดนตรีอายุ 2 ปีที่ออกทัวร์มาแล้ว 2 ทวีป
ถ้าได้ลองเปิดฟังเพลงของ KIKI การเห็นวงดนตรีนี้ได้ไปขึ้นแสดงในเฟสติวัลต่างๆ ทั้งในเอเชียและยุโรปก็ไม่ได้ทำให้แปลกใจ ผลงานของพวกเขามีความเป็นสากล ซาวนด์ที่ซับซ้อนและสมูทชวนลุกขึ้นเต้นประกอบการเลือกใช้เนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษที่เฮเลนถนัดทำให้การถ่ายทอดออกมาเข้าถึงคนฟังในกลุ่มที่กว้างขึ้นโดยก้าวข้ามกำแพงพรมแดนและภาษาไปได้
เฮเลน: มันก็เป็นเป้าหมายเราแต่แรกด้วยที่ตั้งใจทำเพลงภาษาอังกฤษ เพราะเราอยากไปทุกที่ แต่ไม่ได้หมายความว่าเพลงไทยไปไหนไม่ได้ มันมีคนที่ไปได้แต่เป็นความถนัดของเรามากกว่า เคยแต่งเพลงไทยแล้วไม่รอดเลยคิดว่าไม่ไปทางนั้นดีกว่าก็จะไม่เปลี่ยนด้วย หลายคนก็ถามว่าเราไม่ทำเพลงไทยเหรอ เราก็ยืนยันว่าไม่ มักจะคำถามนี้เข้ามาว่าทำไมไม่ทำเพลงภาษาไทยคนไทยจะได้ฟังเยอะขึ้น เราว่ามันไม่ตอบโจทย์วิธีการทำงานและความคิดของเราที่มีต่อดนตรีที่เราทำ สำหรับเราภาษาอะไรมันก็คือสากลแค่สื่อสารออกมาแล้วมันอาจไม่ใช่ภาษาที่คุ้นหู สำหรับเราดนตรีก็คือดนตรี เพราะสุดท้ายแล้วทุกวันนี้เราฟังเพลงภาษาอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ถ้ามันเพราะก็คือเพราะ ไม่เข้าใจความหมายด้วยแต่อินแล้วร้องได้ด้วยแม้ไม่ว่าเนื้อร้องเป็นยังไง
สำหรับการได้ไปทัวร์ต่างประเทศ บอสเล่าให้เราฟังว่า มาจากแมวมองหรือโปรโมเตอร์จากประเทศที่มาเห็นพวกเขาแสดงสดในงานเทศกาล อย่างเช่น ในงาน ‘Maho Rasop Festival 2022’ ที่ส่งพวกเขาไปเยือนฝรั่งเศสในฐานะนักดนตรีจากประเทศไทย จากงานที่หนึ่งก็มี งานที่สองและสามเข้ามาเรื่อยๆ
บอส: ในตอนที่เราทำอัลบั้มแรกเสร็จแล้วยังไม่มีสังกัดค่ายไหนเลย จนมีค่ายเพลงที่ญี่ปุ่นชื่อ Big Romantic Records ได้ฟังเพลงในอีพีของเราแล้วเขาชอบ ถึงกับเสนอตัวเป็นโปรโมเตอร์ทำแผ่นเสียงและลงทุนให้ด้วยเพียงเพราะเขาชอบผลงานเรา ตอนนั้นทำให้เราก็รู้สึกดีมาก พอเราคุยกับพี่ปูมก็บอกว่าอัลบั้มเราจะปล่อยที่ไทยกับพี่ปูมนะ แต่ที่ญี่ปุ่นเรามีคนนี้ที่ติดต่อมา พี่ปูมก็บอกว่าสบายมากเพราะเคยจัดงานดนตรีด้วยกัน พวกเขาก็คุยกันต่อเลย
บอสเล่าถึงอัลบั้มแรกที่วางขายที่ญี่ปุ่นที่เป็นประตูทำให้ได้ไปทัวร์ต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
บอส: ที่ไทยยังไม่มีอัลบั้มขายด้วยซ้ำไปขายแผ่นกันที่ญี่ปุ่นก่อนเลย ทำให้เราต้องไปทัวร์ที่นู่นเพื่อโปรโมตอัลบั้ม ได้ไปเจอแฟนเพลงของเราในต่างประเทศ จากข้อมูลหลังบ้านทางสตรีมมิงช่วงแรกที่ปล่อยเพลงออกมาคนฟังเพลงของ KIKI เป็นคนรอบๆ ประเทศเรามีทั้งไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกง อันดับหนึ่งคือญี่ปุ่น คนไทยอยู่ประมาณอับดับสาม แต่ก็ค่อยๆ ขยับขึ้นมาเรื่อยๆ แล้ว ทำให้รู้ว่าฐานคนฟังของเราอยู่ข้างนอกนะ สิ่งที่เราทำเกิดผลตอบรับที่ดีก็เลยทำออกมาเรื่อยๆ”
การสื่อสารตัวตนและความหมายผ่าน Artwork
ต้องยอมรับว่าปกอัลบั้มตลอดจนซิงเกิลของ KIKI เรียกร้องความสนใจเราได้ตั้งแต่แรกเห็นและเป็นที่ประจักษ์ด้วยการเข้าชิงในรางวัลสาขาปกอัลบั้มยอดเยี่ยมจากเวที TOTY Music Awards 2022 จากอัลบั้มแรกในชื่อ ‘Metamorphosis : FINAL STAGE’ ซึ่งการทำงานของพวกเขากับศิลปินที่วาดภาพ Artwork ให้กับวงก็ยังยึดหลักของการให้อิสระและเคารพการตีความหมายที่เปิดช่องว่างไว้ให้ มีเพียงบรีฟชื่ออัลบั้ม แนวเพลง และธีมโดยรวมส่งไปให้ อัลบั้มแรกของพวกเขาออกแบบปกโดย Nathanon Khanijow จาก jahflame.studio ซึ่งเป็นเพื่อนสมัยมัธยมของเฮเลนนั่นเอง
เฮเลน: เราชอบงานเขามาก เป็นคนที่ชอบวาดรูปมาตั้งแต่เด็กแล้ว เราสองคนไม่ได้คุยกันมานานมากจนตอนที่ทำเพลงกันอยู่เลื่อนมาเจอหน้าไอจีของเขาโดยบังเอิญ เราชอบคู่สีที่เขาใช้ ชอบลายเส้นที่มีเอกลักษณ์ของเขา ลายเส้นแท้ๆ ของเขาเองคืองานที่วาดให้ปกอีพีแต่กับปกอัลบั้มมันจะเนี้ยบขึ้น
บอส: เรามีไอเดียของเรา เขาก็เป็นคนทำงานศิลปะก็ไม่ชอบให้ใครมากรอบเหมือนกัน เราก็บอกให้อิสระเลย เพียงแค่บอกคอนเซ็ปต์อัลบั้ม ให้ฟังเพลงทั้งหมด แล้วรู้สึกยังไงก็ลุยเลย ตอนนี้ก็ทำงานแบบนี้กับทุกคน อัลบั้มสองที่ทำก็จะเป็นศิลปินอีกคนซึ่งใช้วิธีเดียวกัน เรารู้สึกว่าพอศิลปินที่วาดเขาได้ปลดปล่อยอย่างเต็มที่เขาจะเข้าใจมั่นในรูปแบบที่ถูกต้อง
นนท์: เหมือนเริ่มเป็นลูกโซ่เลย พอผมเริ่มทำดนตรีให้เฮเลนก็ไม่เคยมีใครไปกรอบ ให้อิสระตามที่เฮเลนรู้สึก ผลงานทุกคนก็ชอบกันด้วย แล้วก็ไปเรื่อยๆ ทุกคนที่ทำงานด้วยกันก็เป็นรูปแบบนี้
เฮเลน: ก็เหมือนกันกับการมีค่าย เราก็ไม่อยากให้ใครมาตีกรอบเราเพราะฉะนั้นทุกคนที่เราทำงานด้วยเราไม่ตีกรอบใครเลย ต้องบอกเลยว่าต้นกำเนิดของกบที่เป็นตัวแทนของ KIKI ตอนนี้มาจาก Nathanon ที่ตั้งชื่ออัลบั้มแรกไว้ว่า Metamorphosis เพราะคือการเริ่มต้นใหม่ของทุกคน จากไข่เป็นลูกอ็อด จน Final Stage กลายเป็นกบ สำหรับแรงบันดาลใจของชื่อมาจากเป้าหมายของวงคือการเริ่มต้นใหม่ของทุกคน
จนมาถึงอัลบั้มที่สองของพวกเขาในชื่อ Post-Existential Crisis ก็ฉีกลุคความลึกลับ ซ่อนเร้นของอัลบั้มแรกออกไป ด้วยคาแรกเตอร์ KIKI ที่เป็นตัวแทนและเพิ่มเติมความสดใสขึ้น โดยมีจุดเชื่อมโยงกับวงที่แม้เป็นเรื่องบังเอิญ แต่ก็มาในจังหวะเวลาที่เหมือนจับวาง
เฮเลน: อัลบั้มสองเป็นผลงานการออกแบบของพี่เปาโล (a kids from yesterday) มันเริ่มต้นด้วยการที่เขาวาดตัวละครตัวหนึ่งไว้แล้ว ซึ่งบังเอิญตั้งชื่อ กีกี้ เหมือนกัน แล้วเป็นตัวละครที่มีสองขั้ว ด้านสว่างและด้านมืด แล้วดันมีหน้าม้าเหมือนเราอีก พอเขาฟังเพลง KIKI เขาเห็นตัวละครนี้ในนั้นด้วยเลยคุยกันว่าถ้าจะให้ตัวละครกีกี้ของเขาเป็นกีกี้ร่วมกันกับ KIKI วงของเรา หลายคนมองรูปปกแล้วเข้าใจว่าเป็นเรารึเปล่า ไม่ใช่นะ มันคือตัวละครกีกี้ที่มีชื่อและคาแรกเตอร์ของตัวเองอยู่ก่อนแล้ว ก็เลยให้น้องกีกี้ของพี่เปาโลเป็นตัวแทนของวงไปเลยในด้านการสื่อสารในด้านภาพ
นนท์: จริงๆ ไม่อยากเปิดหน้ากันด้วยครับตอนแรกๆ (มีดาฟต์พังก์ศิลปินรุ่นพี่เป็นแรงบันดาลใจ) ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราคือใคร แต่สักพักหนึ่งทำๆ ไป ก็ให้รู้ๆ ไปเหอะ (หัวเราะลั่นรอบวง)
ซีนดนตรีในไทยและนอกพรมแดน
เมื่อถามถึงซีนดนตรีในประเทศและต่างประเทศพวกเขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและแววตาชวนให้เราดีใจไปด้วย โลกหลังโควิดดูจะสดใสมีความหวังขึ้นมาบ้างเมื่อหลายๆ ประเทศต่างแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันผ่านเสียงดนตรีที่เป็นเครื่องมือในการสานความสัมพันธ์ระหว่างกัน
บอส: วงเอเชียไปได้ทัวร์ทั่วโลกเยอะมาก ตลาดดนตรีกว้างขึ้น ช่องทางให้ผู้ฟังก็ขยายมากกว่าเดิมเราสามารถเอาเพลงของเราไปโผล่ที่ไหนก็ได้
เฮเลน: เหมือนเป็นการทุบกำแพง กำแพงเนี่ยเราเชื่อว่ามันมีมาตลอด การพาวงนอกมาเล่นที่นี่การแลกเปลี่ยนกัน การพาวงจากต่างประเทศมาเล่นในบ้านเรา การเอาวงบ้านเราไปเล่นต่างประเทศเขาบ้าง มันเป็นสิ่งที่ดีงามมากๆ นอกจากนั้นแล้วสิ่งที่ชอบอย่างหนึ่งคือมันทำให้คนที่มีความฝันอยากที่จะไปเล่นที่ต่างประเทศมันเกิดได้มากขึ้น หลังจากโควิด-19 ระบาดทำให้การเดินทางเข้าประเทศมีกฎเกณฑ์มากมายจนทำให้หลายคนที่เคยมีความฝันได้ไปโชว์ในต่างประเทศถอดใจไปแล้วก็มี ตอนนี้มีโอกาสเข้ามาเยอะมากๆ แต่ก็ต้องขยันไขว้คว้าด้วย
บอส: ทุกครั้งที่ไปเราจะได้ฐานแฟนเพลงจริงๆ อย่างเช่นที่ฝรั่งเศสเราก็กังวลกันว่าจะมีคนมาฟังเราไหมนะ พอไปถึงก็มีคนที่ร้องเพลงเราได้ด้วย แม้ไม่เยอะแต่คนที่มาดูเยอะมากที่ชอบเรา ทำให้ได้แฟนเพลงกลับมาได้คนที่รู้จักเราต่อๆ ไป การไปเล่นในที่ที่คนไม่รู้จักเราเลยหรืออาจจะรู้จักเราไม่เยอะ แต่ถ้าเราเตรียมดนตรีเราไปให้ดี สุดท้ายเขาก็จะชอบเราอยู่ดี ถ้าเราเต็มที่กับมัน คนฟังเขาพร้อมจะเปิดใจอยู่แล้วไปทุกที่ก็จะเป็นแบบนี้ตลอด
เฮเลน: เราเกร็งทุกที่เลยนะ นอกจากไม่เคยไปยังไม่รู้ด้วยว่าเพลงเราไปถึงในจุดที่เขาอยากจะมาดูพวกเราไหม ต่อให้มีมาดูเราสิบคนก็มีความสุขแล้ว ตอนนั้นเกร็งๆ ว่าถ้ามาแล้วไม่ได้เป็นตามที่เราคิดไว้เราจะรู้สึกกันยังไง จนหลังๆ ไม่ได้คาดหวัง ถึงจะมีคนดูคนเดียวก็ต้องซัดให้เต็มที่อยู่ดี อย่างที่บอกว่าพอมีคนดูเยอะ มีแฟนเยอะขึ้นสำหรับเรามันคือโบนัสไปแล้ว
บอส: สนับสนุนให้คนทำอะไรใหม่ ไม่ต้องทำเพลงภาษาอังกฤษก็ได้ ลองทำอะไรที่ตัวเองอยากทำเต็มที่
เฮเลน: ได้เห็นหลายคนออกจากคอมฟอร์ตโซนของตัวเองด้วยการมาเพลงภาษาอังกฤษจากที่ทำเพลงไทยมาตลอดเห็นว่าความเปลี่ยนแปลงนี้มันมาจากความคิดฝันของเขาเองว่าสามารถไปเปิดพื้นที่อื่นๆ ได้เหมือนกัน มีการเปลี่ยนทิศทางการทำเพลงของเขาก็คือเป็นสิ่งที่ดีและสนับสนุนมากๆ
สินค้าทางวัฒนธรรมที่เชื่อว่าจะนำพาเศรษฐกิจไปข้างหน้า (ถ้าลงทุนอย่างถูกต้อง)
จากประสบการณ์การเดินทางของพวกเขาทำให้ได้เห็นแนวทางที่รัฐบาลแต่ละประเทศยื่นมือเข้ามาสนับสนุนเพราะเล็งเห็นว่าอุตสาหกรรมบันเทิงและดนตรีมีศักยภาพที่จะเป็นหนึ่งในเครื่องมือกระตุ้น GDP ของประเทศได้ไม่แพ้อุตสาหกรรมอื่นๆ ซึ่งในไทยโดยเฉพาะศิลปินอินดี้หน้าใหม่ยังต้องรับมือกันเองในช่วงเริ่มต้น ซึ่งกว่าที่จะประสบความสำเร็จหรือมีชื่อติดหูคนฟังได้ก็ต้องลงแรงและลงทุนเข้าเนื้อกันเป็นจำนวนมากกว่าจะไปถึงฝัน
เฮเลน: คนไทยเก่งและมีศักยภาพเยอะมากๆ สามารถไปได้หลายที่เลย แต่นอกเหนือจากฝีมือคือการขาดแรงสนับสนุน บางคนมีทักษะ มีสมองที่ดี แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันต้องใช้เงิน เคยอ่านเจอบทความหนึ่งมีคนบอกว่าอุปกรณ์พวกนี้มันไม่ได้แพงขนาดนั้นแล้ว แต่ในมุมเราคำว่าแพงของเรากับแพงของเขาไม่เท่ากัน บางคนต้องใช้เวลาเก็บเงินนานมากเพื่อที่จะซื้อของชิ้นหนึ่งได้หรือต้องยืมเพื่อนเพื่อมาทำ สุดท้ายแล้วมันต้องใช้เงิน นอกจากใช้เงินในการทำเพลงแล้ว การโปรโมต ทำเอ็มวี ถ่ายปกทำอาร์ตเวิร์กล้วนใช้เงินหมดเลย เพราะมันคือปัจจัยหลักๆ เลยอีกอันหนึ่งที่จะไม่พูดให้สวยหรูเลยว่ามีความฝันก็ไปได้นะ ไปไม่ได้ค่ะ ถ้าไม่มีเงิน ถ้าไม่มีแรงเงินสนับสนุน
บอส: เราเคยไปฟีตเจอริ่งกับวงที่เมืองฟุกุโอกะ ที่นู่นแต่ละเมืองเขาก็จะผลักดันจุดเด่นแต่ละอย่างเหมือนเป็นสินค้าโอท็อป แต่กว้างไปจนถึงศิลปะ ดนตรี และด้านอื่นๆ ด้วย ไม่ได้หยุดแค่สินค้าของใช้ เกิดการแข่งขันกันระหว่างเมือง ส่วนของฮ่องกง รัฐบาลลงทุนสร้างไลฟ์เฮาส์ให้ทั้งภาครัฐหรือผู้จัดเอกชนสามารถเข้ามาใช้ได้ แม้กระทั่งเฟสติวัลใหญ่ๆ ของต่างประเทศส่วนใหญ่ก็มีรัฐบาลเข้ามาช่วยสนับสนุน เพราะมันคือการส่งเสริมการท่องเที่ยว อย่างเช่นประเทศฝรั่งเศสที่เราไปก็จัดงานกันที่เมืองท่าเล็กๆ ที่เงียบสงบ ตอนที่ไปถึงไม่มีคนเลย แต่พอวันเฟสติวัลคนออกมาเดินเต็มเมือง คนท้องถิ่นและนักเดินทางได้มีกิจกรรมทำ
เฮเลน: เขาผลักดันด้วยการเอาก้อนเงินที่มีมาทำให้ดีให้ถูกต้องซึ่งช่วยให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจอยู่แล้ว แต่กลายเป็นว่าสิ่งนี้ที่อยู่ในหมวดของเอ็นเตอเทนเมนต์มันดูเป็นของไร้สาระ ฟุ่มเฟื่อย คุณลองดูแบบโมเดลของ เทย์เลอร์ สวิฟต์ สิ
บอส: ได้คุยกับวงจากสิงคโปร์ที่ได้โอกาสไปทัวร์อเมริกา บอกกับเราว่ามีบางอย่างที่วงเขาต้องจ่ายเงินเอง เขาจึงไปขอกับรัฐบาล เราก็ถามเขาว่า จริงอ่อ (น้ำเสียงประหลาดใจ) ขอได้เหรอ เขาตอบกลับมาว่าขอได้สิ ถ้าเรามีโอกาสเข้ามารัฐก็พร้อมจะสนับสนุน เพราะเราไปในนามประเทศไม่ว่าคุณจะร้องเพลงภาษาอะไร คุณก็มาจากประเทศนี้นะ คนฟังเขาก็รู้อยู่แล้ว
เฮเลน: ช่วงแรกๆ ของ KIKI ก็มีงานที่ได้ไปเล่น แต่วงต้องออกค่าใช้จ่ายบางส่วนกันเองซึ่งถ้าเราไม่มีค่ายน่าจะทำไม่ได้ ถ้าไม่มีแรงสนับสนุนในด้านการเงินเลย หลายอย่างที่เกิดขึ้นจนทำให้เรามีวันนี้ได้ก็อาจจะไม่เกิดขึ้นเลย เพราะเราขาดปัจจัยนั้นมาตั้งแต่แรก
บอส: พอเราได้ไปเล่นต่างประเทศแล้วเขาชอบมีฐานแฟนเพลงมากขึ้น ค่าใช้จ่ายก็ลดลงเพราะพวกเราได้รับค่าตอบแทนที่มากขึ้นแต่มันก็ต้องใช้เวลา ซึ่งช่วงแรกๆ แต่ละวงที่ตั้งกันใหม่มันยากเพราะต้องใช้เงินเยอะมากครับ ตัววงการมันคึกครื้น นักดนตรี ศิลปิน คนฟัง มีความหลากหลายมากขึ้นครับสิ่งที่ยังเหมือนเดิมคือเรื่องการซัพพอร์ต ควรได้รับการผลักดันกันตั้งแต่ในช่วงต้นๆ จนพาไปถึงจุดหมาย
เฮเลน: ตอนนี้ซีนดนตรีในไทยกำลังคึกคักมาก หันซ้าย หันขวา ทุกคนทำเพลงเองกันเป็นหมดแล้ว หลายๆ คนก็ไม่มีค่ายด้วย แต่นอกจากนั้นมันยังมีเรื่องคอนเนกชันที่เป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งเหมือนกัน แต่ว่าหลักๆ แล้วพอศิลปินมีเงินซัพพอร์ตทำให้เขามีหลักประกันในการดำรงสิ่งที่เขาทำอยู่ได้ เพราะบางทีคุณภาพมันก็มาพร้อมกับมูลค่าจากของที่ใช้ ห้องอัดที่ใช้ อุปกรณ์ที่ใช้ ความรู้ที่มีก็ต้องใช้เงินทั้งนั้น ถึงจะเรียนออนไลน์ได้แล้วจะไปสุดไหม ไม่ใช่ทุกคนที่จะเรียนแบบนั้นได้ คนที่ทำได้ก็ดีไม่ต้องเสียทรัพยากรตรงนี้ แต่มุมของคนที่ไม่ได้ก็ต้องไปเรียนเพิ่มเติม ซึ่งใช้เงินนั่งรถไปเรียนก็ต้องใช้เงิน เฮเลนชวนให้เรามองตามความเป็นจริง เรารู้สึกว่าถ้าไปได้ไกลจริงๆ มันเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถผลักดัน GDP ประเทศได้เลย ถ้าทำได้ คุณมีไลฟ์เฮาส์ดีๆ สิ ไม่ใช่มีแค่ราชมังฯ ก็พอแล้ว ไม่พอ!
เฮเลนสรุปกับเราว่าถึงแม้จะได้ทำในสิ่งที่ชอบในแนวทางที่เชื่อและได้ผลตอบรับจากแฟนๆ เป็นที่น่าพอใจ แต่อาชีพนักดนตรีของเธอยังถือเป็นงานพาร์ตไทม์ที่ต้องหาแหล่งสร้างรายได้ทางอื่นเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ทำตามความฝันต่อไป
สิ่งร้ายๆ อะไรที่อยากให้เป็นแค่ฝัน
ด้วยความที่หนึ่งในซิงเกิลในอัลบั้มที่สองใช้ชื่อเพลงว่า Day Dream เราเลยชวนคิดต่อว่าเหตุการณ์อะไรที่ผ่านมาที่พวกเขาทั้งสามคนอยากให้เป็นเพียงแค่ฝันร้าย คำตอบที่ได้มาทำให้สบตากันเพื่อปลอบโยนกันและกันอย่างเข้าอกเข้าใจ
รับชม MV เพลง Day Dream
เฮเลน: การเลือกตั้งล่าสุดได้ปะ (ตอบสวนมาทันที) เพราะรู้สึกว่าสิ่งนั้นดูเหมือนจะไกลตัว แต่มันไม่ไกลตัวเราเลย เพราะสุดท้ายแล้วถ้ามันได้สิ่งที่ใช่ ที่ดีจริงๆ มันจะปูพื้นฐานที่ดีให้กับประเทศนี้ได้ แล้วสิ่งที่ดีมันจะโยนกลับไปหาสู่คนที่เสียภาษีแล้วเขาควรได้รับในสิ่งที่เขาควรได้รับ รวมไปถึงการศึกษา การรักษา ระบบสาธารณสุข สาธารนูปโภค เอาจริงคนไทยเครียดเยอะมากนะ ด้วยลักษณะของประเทศที่ต้องใช้ชีวิตเดือนชนเดือน เงินไม่พอ รถติด น้ำท่วม แค่จะเอาตัวรอดก็เหนื่อยมากแล้ว ยังต้องมีสิ่งที่ไม่สามารถมาซัพพอร์ตเราตรงนี้ได้ อย่างน้อยก็บรรเทาตรงนี้ได้บ้าง ก็รู้สึกว่าคนเราน่าจะได้มีโอกาสทำความฝันตัวเองได้มากกว่านี้ สิ่งที่อยากเปลี่ยนความจริงให้เป็นฝันร้ายก็คือรัฐบาลชุดนี้
นนท์: เรื่องร้ายที่อยากให้เป็นแค่ฝันเหรอ คิดถึงการจับมือข้ามขั้ว ไหนคุณบอกว่าจะไม่ทรยศประชาชนขอให้ภาพนั้นเป็นแค่ฝันร้ายได้ไหม
คอนเสิร์ตที่อยากดูก่อนตาย
ก่อนแยกย้ายเราเห็นว่า KIKI มีคิวตารางทัวร์อัปเดตอยู่เรื่อยๆ แล้ววงดนตรีไหนบ้างที่พวกเขาอยากชมการแสดงสดสักครั้งในชีวิต ซึ่งชื่อที่ให้มาก็เป็นวงดนตรีทั้งเก่าและใหม่ที่มีอิทธิพลกับผลงานเพลงที่พวกเขาทำ
นนท์: ไม่ทันแล้วอะดิ วงนี้ๆ (ทั้งสามคนชี้ไปที่ปกแผ่นเสียงดาฟต์พังก์ที่ประกาศยุบวงไปแล้วในปี 2021) แล้วก็มีวง The Eagles อีกวงหนึ่ง
บอส: บีจีส์ครับ ถ้าวงที่ยังอยู่ที่อยากดูคอนเสิร์ตก็มี Parcels
เฮเลน: เราอยากดู Jungle อีกวงที่เราอยากดูคือ Oasis อยากให้พี่น้องเลิกตีกันได้แล้ว
นนท์: อีกวงที่อยากดูก็คือ KIKI ครับ
เฮเลน: ไม่มีวันได้ดูตัวเองเล่น (น้ำเสียงเสียดาย)
บอส: ดูผ่านคลิปแล้วกัน
เฮเลน: ไม่เหมือนกั๊น
ปิดการสนทนาในวันที่พายุนอกหน้าต่างโหมกระหน่ำยาวนานกว่าชั่วโมง ถึงเวลาที่ร้านในระแวกซอยนานา (เยาวราช) เปิดต้อนรับผู้คนที่ต้องการมาผ่อนคลายหลังเลิกงานพอดี
ติดตามอัปเดตเพลงใหม่และตารางทัวร์ของ KIKI ได้ทาง
https://www.instagram.com/kikidoyoumind/
https://www.facebook.com/yesitskiki
ภาพ: สันติพงษ์ จูเจริญ